ความลับเดียวของพนักงานอย่างฉัน คือฉันเป็นนักเขียนนิยายอีโรติก ฉันสามารถปกปิดความลับนี้มาได้ตลอดจนฉันมารู้ว่าเจ้านายเป็นแฟนตัวยงของนิยายฉัน!!
ความลับเดียวของพนักงานอย่างฉัน คือฉันเป็นนักเขียนนิยายอีโรติก ฉันสามารถปกปิดความลับนี้มาได้ตลอดจนฉันมารู้ว่าเจ้านายเป็นแฟนตัวยงของนิยายฉัน!!
ฉันมีความฝัน...แน่นอนว่าทุกคนคงเคยมีความฝันในวัยเด็ก ความฝันว่าเติบโตขึ้นมาแล้วจะทำอาชีพอะไร แต่มีไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ
แต่ตอนนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว
นิดาขบเม้มริมฝีปาก เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เพราะว่าต้นฉบับที่ถูกส่งไปออดิชั่นกับสำนักพิมพ์มัน..ผ่านแล้ว
นิยายของเธอจะถูกตีพิมพ์ในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนี้ และมันเหมือนกับว่าเธอได้เดินตามความฝันที่ฝ่าฟันมานานได้สำเร็จเสียที
“นิดา ฝากออกไปดูโลเคชั่นที่จะถ่ายพรีให้ลูกค้าด้วยนะ”
ถึงแม้ว่าฉันจะมีความฝันแต่ฉันก็จะต้องเดินตามความจริงด้วย..
“ได้ค่ะพี่เอื้อ เดี๋ยวหนูแวะไปดูให้ก่อนกลับนะคะ”
พี่เอื้อส่งยิ้มมาให้นิดาก่อนจะส่งกระดาษในมือมาให้
“แกต้องไปตอนนี้เลยเพราะว่าลูกค้าอยากถ่ายพรีที่ริมทะเล ขับรถไปตั้งแต่ตอนนี้น่าจะกลับมาทันวันพรุ่งนี้พอดี หรือไม่แกก็ค้างที่นั่นเลย”
นิดาส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับพี่เอื้อผู้จัดการของเธอ
“พี่คะ หนูต้องขับรถไปคนเดียวเหรอคะ คือหนูขับรถออกต่างจังหวัดไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่”
พี่เอื้อใช้เวลาคิดอยู่พักหนึ่งพร้อมกับกวาดสายตามองคนอื่นๆ ในออฟฟิต ไม่มีใครที่พอจะว่างและมีสายตาเฉียบคมแบบนิดาเลย
ทว่าจะให้น้องมันขับรถไปคนเดียวก็ยังไงๆ อยู่ ในขณะที่เอื้อกำลังใช้ความคิดคุณหนุ่มก็เดินผ่านมาพอดี
“บอสคะ ไม่ทราบว่าวันนี้บอสมีประชุมที่ไหนไหมคะ”
ดวงตาสีนิลที่ฉายแววลึกล้ำมองหน้าของผู้จัดการที่กำลังร้องขอเขาอยู่ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้มีธุระที่ไหน เพียงแต่เขาแค่อยากจะพักผ่อนสักหน่อย
“หากว่าไม่มี นั่งรถไปเป็นเพื่อนนิดาหน่อยได้ไหมคะ น้องมันขับรถได้ แค่คุณหนุ่มนั่งไปเป็นเพื่อนก็พอ”
ดะ..เดี๋ยวก่อน นิดาคิดว่าเธอไม่ได้บอกพี่เอื้อสักหน่อยว่าเธอขับรถได้ดีแบบนั้น ถึงจะมีใบขับขี่แต่เธอขับแค่จากคอนโดมาที่ทำงานเท่านั้นเอง..
นี่พี่เอื้อกำลังเอาชีวิตบอสมาฝากเอาไว้กับเธอเนี่ยนะ
“พี่เอื้อคะ คือว่า..”
“อื้อ เอาสิ หากให้นั่งไปเป็นเพื่อนเพื่อดูโลเคชั่นที่จะถ่ายพรุ่งนี้ผมไปด้วยได้อยู่ ครั้งนี้เป็นงานของลูกสาวท่านเจ้าสัว อันที่จริงผมไม่อยากให้มีเรื่องผิดพลาดไปดูด้วยสายตาน่าจะทำให้ผมสบายใจกับเรื่องนี้ ไปกันเลยไหมนิดา”
นิดาทำท่าเหมือนจะร้องไห้ เธอมองหน้าพี่เอื้ออีกครั้ง ซึ่งพี่ผู้จัดการของเธอไม่คิดจะมองหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนุ่มรอหนูสักครู่นะคะ เดี๋ยวหนูไปเก็บของที่โต๊ะก่อน”
เธอกำลังดีใจที่นิยายของตัวเองผ่านการ ออดิชั่น แต่กลับต้องมาพบเจอเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจเสียนี่
เธอทำงานที่นี่มาสามปี ตั้งแต่เรียนจบก็เข้ามาทำงานที่นี่เลยเพราะว่าเธอชื่นชอบเวลาที่มองเห็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดของผู้หญิงในวันแต่งงาน
แถมได้ยืนอยู่ใกล้ๆ กับชุดแต่งงานตลอด เป็นที่ที่ชวนให้มีความสุขทุกครั้งที่นึกถึง หากมองข้ามงานที่ทำสี่สิบแปดชั่วโมงติดต่อกันไปน่ะนะ เพราะว่ากับบางที ต้องรีบจัดเตรียมสถานที่ จัดดอกไม้และจัดงานตามแบบที่เจ้าสาวและเจ้าบ่าววางเอาไว้ให้เสร็จทันกับเวลา เพราะแบบนั้นเธอก็เลยชินกับการอดหลับอดนอนบ่อยๆ
นิดาหอบกระเป๋าเอกสารของเธอเพื่อเดินนำคุณหนุ่มมาที่รถ ก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลังเพื่อให้เขานั่ง
แต่ทว่า..เธอลืมไปว่าสภาพรถของเธอ มัน..รกไปหน่อย
“อ๊ะ..ฮะ..ฮ่า! บอสนั่งข้างหน้าได้ไหมคะ”
เขาถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูรถของเธอแล้วนั่งลง นิดารีบนำเอกสารที่เธอหอบมาไปวางเอาไว้ที่ด้านหลังรถ ก่อนจะอ้อมมานั่งฝั่งคนขับ
ปกติแล้วเธอเดินทางคนเดียว ขับรถไปไหนมาไหนคนเดียว และเพราะแบบนั้นเธอก็เลยไม่ค่อยชินเวลาที่มีคนอื่น..ซึ่งเป็นเจ้านายมานั่งอยู่ในรถคันเดียวกันระยะประชิดแบบนี้
เขา..มีใบหน้าในแบบที่ผู้หญิงคนไหนเห็นต่างก็จะต้องหวั่นไหวไปกับเขา ความหล่อเหลาที่มองราวกับภาพวาด ดวงตาเย็นชาและริมฝีปากที่เชิดรั้นขึ้นมาอย่างเอาแต่ใจ
ด้วยใบหน้าแบบนั้นมันทำให้ตอนที่เขาเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารต่อจากท่สนเจ้าของคนเก่า พนักงานที่นี่อยู่ไม่เป็นสุขเลย
ทุกคนต่างเกร็งกับบอสสุดหล่อ แต่ทว่าเป็นแบบนั้นได้ราวหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น เมื่อเห็นด้านการทำงานที่เข้มงวดและใช้แรงงานพนักงานเยี่ยงทาสแล้ว สาวๆ ในบริษัทต่างก็ถอดใจไปตามๆ กัน
พร้อมกับคิดไปในทางเดียวกันว่าใครก็ตามที่ได้คุณหนุ่มเป็นแฟนคือคนซวยแห่งยุค..
เขาใช้ดวงตาสีนิลนั่นจับจ้องมาที่ใบหน้าของเธอ
“ดูเหมือนว่าเธอจะขับรถไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่..”
“อ่า..มะ..ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ เห็นแบบนี้แต่หนูก็มีใบขับขี่นะคะ”
เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอก่อนจะยิ้มที่มุมปาก
“งั้นเหรอ แบบนั้นผมจะขอพักสายตาสักครู่นะ หวังว่าเราจะถึงที่หมายอย่างปลอดภัยด้วยการขับรถของเธอ”
ดี..ดีมากเลย หลับไปซะเถอะ มาคอยจ้องแบบนี้มีแต่จะทำให้เธอเกร็งเปล่าๆ ช่วยหลับไปตลอดทางและพอถึงที่หมายค่อยตื่นขึ้นมาเถอะ
นิดาขับรถมาสักระยะ เธอก็ได้ยินเสียงหายใจที่สม่ำเสมอของเขา เมื่อหันมามองก็พบว่าเขากำลังหลับอยู่
หลับง่ายแบบนั้นเชียว..หรือว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนกันนะ ดูแพรขนตานั่นสิ ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังไม่มีขนตาที่งอนขนาดนั้นเลย
นิดาเปิดไฟเลี้ยวก่อนที่เธอจะจอดรถข้างทาง เธอเอื้อมมือไปปรับเบาะเพื่อให้เอนไปด้านหลัง พร้อมกับหยิบผ้าห่มบนเบาะหลังมาห่มให้เขา อันที่จริงเธอมีผ้าปิดตาด้วย..หากว่าปิดให้เขาจะทำให้เขานอนสบายๆ มากกว่านี้ไหมนะ
เมื่อคิดได้แบบนั้นนิดาก็หยิบผ้าปิดตาขึ้นมาแล้วใส่ให้เขาอย่างเบามือเพราะว่าเธอกลัวว่าเขาจะตื่น หลังจากนั้นเมื่อมองว่าเขาน่าจะนอนสบายแล้วเธอก็เริ่มขับรถออกมาอีกครั้ง ปลายทางอีกหนึ่งร้อยกิโลนิดๆ หวังว่ากาแฟที่เธอกินไปเมื่อเช้าจะช่วยกันผลักดันให้เธอขับรถถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ทว่าพอขับรถมาอีกหน่อยนิดาก็เปิดไฟเลี้ยวอีกครั้ง เธอเดินลงจากรถก่อนจะไปเปิดประตูหลังเพื่อหยิบหมอนรองคอมา
หลังจากนั้นนิดาก็ค่อยๆ ประคองใบหน้าของเขาขึ้นมาแล้วใส่หมอนรองคอให้เขา
อ่า..แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย เพราะหากเขาตื่นมาแล้วคอเคล็ดละก็ เขาอาจจะมาอารมณ์เสียได้ เธอเคยเป็นบ่อยๆ ทำให้ต้องพกอุปกรณ์การนอนเอาไว้อย่างครบถ้วนในรถ
นิดาเริ่มขับรถออกไปอีกครั้ง และเพราะว่าเธอเอาแต่มองด้านหน้ารถทำให้เธอไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มที่มันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เลย
ฉันจะเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง จากเดิมที่ต้องตายในตอนจบ โอฟีเลียคนนี้จะร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ให้ดู..ว่าแต่ท่านแม่คะ นั่นท่านพาตัวร้ายเข้ามาในบ้านของเราทำไมกัน?
จะมีอะไรซวยมากไปกว่าการเข้ามาอยู่ในเกมนักสืบแล้วบทบาทที่ได้รับคือฆาตกร ฉันจะต้องตีเนียนว่าไม่ได้ทำ แถมยังต้องตามหาพันธมิตรที่พร้อมจะยืนยันว่าฉันคือผู้บริสุทธิ์อีกต่างหาก
สิงโตมันไม่มีฤดูผสมพันธ์ุที่แน่นอนหรอกนะ เพราะฉะนั้นมันจึงสามารถผสมพันธ์ุได้ทุกที่ทุกเวลา เจ้าแน่ใจไหมเซียร่าว่าร่างกายเล็กๆของเจ้าจะรับความต้องการของข้าไหว?
ทารีน่าคือตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้ ก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในร่างของตัวร้าย เมนของเธอคือไคล์ เขาชอบนางเอกและพยายามฆ่าทารีน่าครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อปกป้องนางเอก นี่ชีวิตของเธอจะต้องถูกเมนตัวเองฆ่าเหรอวะเนี่ย
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY