"คุณไม่มีสิทธิ์์มายุ่งกับความรู้สึกของฉัน" "งั้น... ผมจะยืนยันสิทธิ์ของผมเดี๋ยวนี้!" เมลดา หญิงสาวปากกล้า ผู้ไม่เคยเชื่อเรื่อง 'รักแท้' เพราะรักแท้... มีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ! ฮุนจีอึน ซุปเปอร์สตาร์หนุ่ม เพลย์บอยนักรัก ผู้มีสาวๆ มาพัวพันมากมาย แต่กลับรู้สึกเหมือนว่า กำลังเฝ้ารอใครสักคน... แรกพบ เขาก็ทำราวกับเธอเป็นของเล่นใหม่ แต่เมื่อหัวใจซุปตาร์หนุ่มปั่นป่วนวุ่นวาย ก็ถึงคราวจะต้องใช้เล่ห์พราวสารพัด เพื่อมัดใจสาวใจแข็งให้อยู่หมัด เมื่อคนหนึ่งก้ปากร้าย อีกฝ่ายก็เห็นเธอเป็นเพียงสาวในคอลเคชั่น ที่สุดแสนท้าทาย น่าสะสม ซุปตาร์พันเล่ห์อย่างเขา จะเปลี่ยนเกลัยดแรกพบ... ให้กลายเป็นบทสรุปที่ต่างก็เผลอรักกันได้อย่างไร ในเมื่อเส้นทางรัก เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ต้องฝ่าฟัน...
“เม! รับไว้!”
สิ้นเสียงชาตรี กระเป๋าสีดำใบกระทัดลัดก็ลอยละลิ่วมาเข้ามือน้อยๆ ของเมลดาแบบไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาเธอเกือบรับไม่ทัน!
“นี่มันอะไรกันอ่ะคะพี่ชา”
“ไม่ต้องถาม! วิ่งก่อนเลย ไปเร้ว... วิ่ง!!”
เขาสั่งน้ำเสียงลุกลี้ลุกลน พร้อมผลักร่างหญิงสาวให้ออกห่าง
“ไปเร็ว! อย่าให้พวกนั้นเอากระเป๋าไปได้” เมลดาหันมองตาม แล้วเห็นว่าชายร่างกำยำสองคนวิ่งกรูเข้ามาประชิดตัวชาตรี เหมือนกับกำลังจะหาเรื่อง
‘เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย! เที่ยวกลางคืนทีไรชอบมีเรื่องตลอดพี่ชาอ่ะ ไม่รู้ล่ะบอกให้วิ่งก็วิ่งก่อนแล้วกัน!’ หญิงสาวคิด
ชายร่างใหญ่สองคนเข้าประชิดตัวชาตรีอย่างรวดเร็ว แสดงกิริยาข่มขู่คุกคามอย่างดุดัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชาตรีกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ไง... ตามฉันมาทำไมล่ะเพื่อน” ชาตรีถามเสียงยียวน
“ส่งของมา!!” ชายคนหนึ่งออกคำสั่งแกมขู่บังคับจะเอาอะไรบางอย่างจากชาตรี
“ของอะไรคร้าบบบ ผมไม่ได้ขโมยอะไรออกมาจากพวกพี่นี่ครับผม” ชาตรีลากเสียงราวกับตั้งใจจะกวนอารมณ์
“ก็แกทำอะไรผิดกฎในร้านล่ะ ไม่รู้หรือไงที่เที่ยวที่นี่เขามีคนมีชื่อเสียงมาเที่ยวกันเยอะ พวกเขาต้องการความเป็นส่วนตัว อะไรที่แกเอาออกมานั่นแหล่ะคือสิ่งที่แกต้องคืน”
“คืนอะไร? ก็ผมไม่ได้เอาอะไรไปนี่ครับคุณ” ชาตรียังไม่เลิกยียวน
“แกพูดแบบนี้ อยากมีเรื่องเรอะ?” จากนั้นชายคนหนึ่งก็เข้าประชิด หวังจะล็อคตัวชาตรีไว้ แต่ชายหนุ่มไหวตัวทัน กระโดดหลบเสียก่อน
“พวกคุณไม่เห็นรึไง ผมก็มีแต่ตัว จะค้นกันมั้ยล่ะ? แต่ถ้าไม่เจออะไรที่พวกคุณกล่าวหา ผมแจ้งความคุณนะ ข้อหาหมิ่นประมาทหาว่าผมขโมยของน่ะ” ชาตรีเสียงเข้มเข้าใส่ หวังทำใจดีสู้เสือไปอย่างนั้น เพราะลำพังสองรุมหนึ่ง เขายับแน่ๆ
“มันพูดจากวนตีนไปแล้วว่ะ กระทืบมันตรงนี้เลย ถึงไม่ได้ของคืน อย่างน้อยก็ฝากรอยตีนไว้กับมันซะหน้าร้านนี่ล่ะ” ชายร่างกำยำ การ์ดของสถานบันเทิง อดไม่ไหวตั้งท่าจะซัดชาตรีให้น่วม
“ของอยู่ในกระเป๋าใช่มั้ย ข้าเห็นแกโยนส่งให้ผู้หญิงสวยๆ ที่มากับแก เธอหนีไปแล้วสิ” ชายร่างบึ้กกำลังหมายถึงเมลดา
“งั้นก็ลุยมันก่อนเลย”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทั้งสองก็รุดเข้าจะทำร้ายร่างกายชาตรี ต่างฝ่ายต่างตะลุมบอน ออกแรงแลกหมัดเข้าสู้กันบริเวณหน้าร้าน จนเริ่มเป็นจุดสนใจคนเที่ยวแถวนั้น แต่ก็ไม่มีใครแสดงตัวเป็นพลเมืองดีออกมาช่วยใคร
ฝ่ายเมลดากึ่งเดินกึ่งวิ่ง พาตัวเองออกมาจากย่านสถานบันเทิงไฮโซ กะว่าพ้นปากซอยจะเรียกแท็กซี่และตามคนมาช่วย ใจก็ห่วงรถที่จอดอยู่แถวหน้าร้าน เกิดเรื่องทีไร เป็นอย่างนี้ทุกที แต่ใครจะกล้าแจ้งตำรวจ มีเรื่องในย่านนี้ต้องเอาผู้ใหญ่มาคุยเท่านั้นถึงจะรอด คิดหาทางรอด อยู่ๆ ก็เหมือนมีใครตามมา ทำเอาพะว้าพะวงคอยหันหลังกลับไปมองตลอดทางอย่างหวาดระแวง
“อ๊ะ!!” แต่ไม่ทันแล้ว เมื่อจู่ๆ ก็มีใครบางคน โผ
ล่มาดักตัวเธอ ตรงมุมหนึ่งของถนน ก่อนที่จะพ้นย่านสถานบันเทิงแถวนั้น ทำเอาเมลดาตกใจอุทานออกมาเสียงดัง เนื้อตัวสั่นเทา เธอไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าชาตรีไปก่อเรื่องอะไร ทำไมเธอต้องรับผิดชอบกระเป๋าสีดำใบนี้ และต้องหนี... หนี... แล้วก็หนี...
“จะรีบไปไหนครับ?” คำถามภาษาอังกฤษจากชายร่างสูงโปร่ง แต่งตัวแบบผู้ชายเมโทรเซ็กชวล สวมหมวกไหมพรมคลุมผมเหมือนเด็กฮิปฮอป และเขาสวมแว่นตาดำแม้จะเป็นเวลากลางคืน!
การแต่งตัวลึกลับของเขานี่ล่ะ ที่ทำให้หญิงสาวหวาดกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก
“คุณตามฉันมา ต้องการอะไร!” เมลดาทำใจดีสู้เสือถามออกไป แววตาเขียวปั๊ดตั้งใจจะขู่เอาไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าเขา เป็นคนดีหรือคนเลว แต่คนดีที่ไหนจะตามผู้หญิงมาอย่างนี้ คงเป็นพวกโรคจิตอารมณ์หื่น ที่ออกล่าเหยื่อแถวนี้มากกว่า
“ผมตามมาเอากระเป๋าใบนั้น”
“อยู่ดีๆจะมาเอาไปทำไม นี่มันของๆพี่ที่ออฟฟิศฉันนะยะ” เมลดาแหวกลับ พร้อมขึงตาเขียวปั๊ดใส่อย่างมิหวั่นเกรง
“พวกคุณคงเป็นนักข่าวสินะ” ชายหนุ่มตรงหน้าสันนิษฐาน
“คุณรู้ได้ยังไง?” เมลดาครางเบาแผ่ว มันมีป้ายแสดงอาชีพบนหน้าผากเธอหรือไง ใครๆ จึงรู้กันทั่ว
“รู้สิครับ ก็ผมเป็นคนที่แฟนคุณแอบถ่ายภาพ ไว้ในกล้องนี้... ในกระเป๋าน่ะ” เขาหยุดเว้นจังหวะการพูด เพื่อดูอาการหญิงสาวว่าจะแก้ตัวอย่างไร
เมลดาได้ยินอย่างนั้นก็อึ้ง พยายามตั้งสติคิดตาม... ‘ปาปารัซซี่งั้นหรือ แล้วพี่ชาปลีกตัวไปแอบถ่ายชาวบ้านเขาตอนไหนล่ะเนี่ย?’ เธองงไปหมดแล้ว ชอบทำอะไรไม่ปรึกษา เดือดร้อนกันไปตามๆ กัน
“นะ... นั่นพี่ชา... เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่แฟน พี่เขาเพิ่งมาช่วยงานฉัน”
‘ไม่รู้อะไรจริง ยังจะพูดอีก’
“เอาเถอะ... จะยังไงก็ช่าง! ส่งเมมโมรีการ์ดมาได้แล้ว ผมไม่อนุญาตให้คุณเอาภาพผมไปเผยแพร่เด็ดขาด” เสียงเขาจริงจัง ฟังดูดุดันอย่างยิ่ง
“คุณเป็นใครกัน! แล้วทำไมฉันต้องให้สิ่งนี้กับคุณด้วย”
“ผมขอร้องดีๆ เพราะถ้าเป็นเพื่อนผม มันจะไม่ขอคุณดีๆ แบบนี้ เพราะในร้านของเพื่อนผมถือเป็นสถานที่ส่วนตัว การที่คุณแอบถ่ายดาราแบบนี้ ก็ผิดกฎมากพอแล้ว” เขาขู่ พร้อมขยับร่างสูงโปร่งเบียดเข้ามาใกล้หญิงสาวมากยิ่งขึ้น ทำเอาเมลดาถอยหลังพิงกำแพง
เขาเข้าใกล้... จนแทบจะหายใจรดต้นคอได้อยู่แล้ว
“คืนให้ผมซะดีๆ อย่าให้ต้องบังคับ” เขาพูดเสียงเรียบเฉย พลางถอดแว่นตาดำที่ใส่เพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงมาตั้งนาน นาทีที่หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นใคร เมลดายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ นิ่งงันเหมือนต้องคำสาป
ซุปเปอร์สตาร์เกาหลี!
“ว่าไงครับ” เขาทวง “จะคืนได้หรือยัง?” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากในประโยคฟังดูแสนคุกคาม
จนหญิงสาวยอมจำนน ควักกล้องถ่ายรูปของชาตรีขึ้นมา แล้วส่งคืนให้เขา
“แต่ว่า.. มันไม่ได้มีแต่รูปคุณนี่นา มันไม่ยุติธรรมกับคนทำงานนี่ มันอาจมีงานที่พี่ชาถ่ายไว้เยอะแยะและกองบรรณาธิการรองานอยู่”
“งั้น.. ผมเอาไปลบรูปผมออก เสร็จแล้วจะรีบส่งคืนให้” เขายังมีน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง
“แต่ว่าตอนนี้ คนของคุณคงกำลังทำร้ายพี่ชาอยู่ คุณได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว ช่วยบอกให้คนของคุณหยุดทำตัวนักเลงกร่างใส่คนของฉันบ้างได้แล้ว” เมลดาฉุนใส่ขอออกคำสั่งบ้าง
“ที่คุณถอดมาให้ผม ผมชักไม่แน่ใจว่ามันใช่รูปทั้งหมดที่เพื่อนคุณถ่ายไว้รึเปล่า ส่งมาทั้งกระเป๋านั่นล่ะ” เขาสั่งเสียงเข้ม
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงนะพี่ชาเขาไม่มีการ์ดสำรองหรอก ฉันรู้นิสัยเขาดี อีกอย่างคุณยังไม่ดังมากมายอะไรในเมืองไทยหรอก ลงข่าวไปไม่รู้จะขายได้รึเปล่าเลย อย่ามาทำนิสัยอย่างนี้นะ” เมลดาแว๊ดเสียงใส่ จะด้วยความรำคาญรึก็ใช่ เขาเห็นท่าทางดุดันของหญิงสาวก็อดขำไม่ได้จึงแกล้งเบียดตัวเข้ามาใกล้จนเธอถอยหลังร่นไปอีกจนล้มลงแทบหงายหลังดีที่เขาคว้าร่างบางไว้ทัน
“นี่.. นายจะทำอะไรเนี่ย”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณจะล้มลงหงายหลังนี่ผมช่วยคุณไว้นะ ไม่ได้อยากจะแตะต้องตัวคุณนักหรอก ดุยังกะอะไร” เขาว่าท่าทางยียวน
“...” เมลดาเงียบ อึ้งกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามมือที่หนึ่งก็ประคองร่างบางไว้ มืออีกข้างที่ถือการ์ดความจำอยู่ก็ล้วงเข้าไปเก็บในกระเปากางเกง
“รองเท้าชั้น... โธ่! ดูสิส้นมันหักน่ะ” เมลดาตอบเสียงเบาใจรึก็อยากร้องไห้ทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจ คำตอบทำให้เขาหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“หัวเราะเยาะชั้นเหรอ? ก็เพราะคุณนั่นแหล่ะ” เมลดาโวยวายป้ายความผิด ดูซิแล้วจะเดินกลับไปหาพี่ชายังไงล่ะเนี่ย ป่านนี้โดนอัดหน้ายุบไปแล้วมั้ง “คุณได้ของไปแล้วก็โทรไปห้ามคนของคุณซี่ ว่าอย่าทำอะไรพี่ชา หยุดกันได้แล้ว” เมลดายังโวยวายเสียงดังได้อยู่
“โอเคๆ” ว่าแล้วเขาก็ต่อมือถือถึงปลายสาย “ปุณณ์นะ ชั้นได้เมมการ์ดแล้ว ไงก็อย่าเพิ่งซ้อมหมอนั่นล่ะ กำลังจะกลับเข้าไปแล้ว พร้อมสาวสวย” เขาวางสายสายตาก็เจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม ทำเอาเมลดาอดไม่ได้ที่จะด่าในใจซะให้สา “มองหน้าชั้นทำไมอีตาตี๋บ้า หน้าชั้นเหมือนญาติแดนกิมจินายนักรึไง”
“โอ๊ย.... แล้วนี่ชั้นจะเดินยังไงล่ะเนี่ย?” หญิงสาวโวยวายร้องลั่นทำเอาคนแถวนั้นต้องหยุดมองแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคงแฟนคู่รักหนุ่มสาวที่เง้างอนกันปกติทั่วไป
“เอางี้” เขาเสียสละด้วยการถอดรองเท้าผ้าใบออกให้หญิงสาวใส่พลางๆระหว่างทางที่ต้องเดินกลับไปที่ร้านสถานบันเทิงที่เกิดเรื่อง
“ไซค์มันใส่ด้วยกันได้ที่ไหนเล่า ดูเท้าคุณสิ” ยังไม่เลิกโวย
“ก็ดีกว่าคุณเดินเท้าเปล่านี่ รึอยากจะให้ผมอุ้ม” เขาไม่เลิกกวนประสาท เมลดารำคาญถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองที่ข้างหนึ่งส้นหักไม่มีชิ้นดีแล้วก็สวมเท้าเรียวบางที่ขนาดเล็กเหลือเกินเข้าไปในรองเท้าของเขา แต่มันก็พอเดินได้แต่ไม่คล่องนักเพราะมันหลวมและเหลือ จากนั้นเขาก็ก้มลงหยิบรองเท้าของหญิงสาวขึ้นถือให้ ส่วนเขาดีที่มีถุงเท้าอีกชั้นเดินระหว่างตรงนี้กลับไปร้านก็คงไม่ทำให้เจ็บเท้าเท่าไหร่
“อย่าคิดนะ ว่าทำแค่นี้ฉันจะหายโกรธคุณน่ะ”
“งั้นต้องทำไงอีกล่ะถึงจะพอ กระชากกล้อง ทำลายกล้อง เหมือนดารานักร้องคนอื่นทำกับนักข่าวรึ?”
“คุณมีความคิดอย่างนั้นเหรอ? ก็ลองสิชั้นจะอัพรูปของคุณขึ้นทวิตเตอร์ให้มันเป็นข่าวนาทีนี้เลย” เมลดาขู่ฟ่อ
“นั่นไง คุณก็แอบถ่ายผมไว้เหรอ”
“นี่ อย่าเข้ามาใกล้นะ ไม่งั้นชั้นอัพโหลดขึ้นทวิตเตอร์แน่ๆ ไว้ถึงร้านแล้วแน่ใจว่าพี่ชาปลอดภัยไม่น่วมหน้ายับล่ะก็ชั้นถึงจะลบรูปคุณ” เมลดาเสียงเข้มเข้าขู่มือรึก็ชูมือถือแบล็คเบอร์รี่เป็นหลักฐานว่าจะทำจริง มีที่ไหนล่ะอีตาบ้าเอ๊ย ชั้นก็ขู่ไปงั้นแหล่ะ เมลดาบ่นในใจส่วนเท้ารึก็เดินตามต้อยๆ พี่ชานะพี่ชาจะปาปารัซซี่แอบถ่ายดาราก็ไม่บอกไม่กล่าวไม่ปรึกษา ดูสิให้เขาตามล่าได้ อีตานี่มันนักร้องซุปเปอร์สตาร์เกาหลี สังกัดเขาถนอมยังกะไข่ในหิน ช่างไม่รู้อะไรเล้ย.... พี่ชา!!
เพื่อปกป้องชีวิต... คุณทวดของบุหงาจึงเขียนยันต์วิเศษไว้คุ้มครองหลานสาวผู้ที่จะสืบทอดวิชาเขียนยันต์ แต่ด้วยความซุ่มซ่าม เจ้าหล่อนจึงย้อนอดีตไปสมัยทวารวดี เพื่อหนีการตามล่า บุหงาจึงต้องสวมรอยเป็น ‘แม่นาย’ ทำให้ทุกคนในเรือนรัก เพื่อความอยู่รอด กลับไปยุคเดิมที่จากมาอย่างปลอดภัย นั่นก็คือ... ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลาย เพื่อทำหน้าที่สืบทอดวิชาเขียนยันต์เก่าแก่โบราณของต้นตระกูล
คริญาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยในท่าทีหวงก้างของพศุตม์ เธอรู้ว่า... ในสถานการณ์ที่เธออยู่ในสระว่ายน้ำเย็นฉ่ำในเวลานี้ ผู้ปกครองหนุ่มจะต้องโจนจ้วงตามลงมา ดวงใจสาววัยแรกแย้มเต้นตูม ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว แม้รู้ดีแก่ใจว่า ชายหนุ่มคือของต้องห้ามและจะแสลงใจจนเจ็บปวดในวันหนึ่ง เพราะพศุตม์เคยยื่นคำขาดว่า... เขาไม่ชอบเด็กน้อยกะโปโลอย่างเธอ และถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอกล้าเล่นกับไฟยั่วยวนเขา เขาจะไม่มีวันรับผิดชอบ! . ‘คำสั่ง’ จากปากเขามันคือคำเตือนจากผู้ชายอันตราย . เขารวบตัวเด็กในปกครองเข้ามาสวมกอดแน่นราวจะสูญเสีย ความร้อนซ่านกำซาบไปทั้งเรือนกายสาว ส่วนเปลือยสวยสัมผัส แนบชิดแทบทุกส่วนสัดของกายแกร่ง แม้ร่างทั้งสองที่โอบล้อมไปด้วยความเย็นเยียบของสายน้ำ แต่การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวพริ้วพรายตามกระแสน้ำก็ก่อให้เกิดไอความรุ่มร้อนระบายอยู่ในน้ำและพยุงสองร่างให้รู้สึกวาบหวิวแผ่ซ่านถึงกัน... เด็กสาวแรกรุ่นหัวใจเต้นโครมคราม วาบหวิวเมื่อผู้ปกครองหนุ่มประกบริมฝีปากร้อนแรงลงมา ดูดดื่มริมฝีปากสวยอิ่มตึง คริญาตอบสนองจูบเร่าร้อน สอดลิ้นยั่วเย้าให้เขากระดกลิ้นร้อนฉ่าตามมาพัวพัน ร่างเล็กบดเบียดส่วนอิ่มเต็มตึงที่สวยสล้างยั่วยวนสายตาเข้าใกล้แผงอกแกร่งกำยำที่ระบายไปด้วยปอยขนนุ่มกลางอกแกร่งของเขา สร้างความเซ็กซี่ชวนสะท้านยามจ้องมอง เขาบดจูบหนักหน่วงร้อนแรงจนคริญาคราง ไอร้อนสวาทกำลังก่อตัวใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ “...” “ฉันต้องได้เธอ... คริญา”
“นะ.. นายเก่งอยู่แล้ว ทำไมต้องจ้างติวด้วยเหรอ?” “ผมก็... แค่อยากจะทำตามคำสั่งพ่อแค่นั้นล่ะ” เขาเอ่ยเสียงพร่า เป่ารดลมหายใจหอมบนใบหน้าสวย มันใกล้กันจนจะจูบกันอยู่แล้ว “แต่ว่า... พ่อนายคงไม่สั่งให้ติวแบบนี้หรอก” ติวเตอร์สาววางปลายนิ้วเรียวบนอกแกร่งของเขา ที่สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นอกแกร่งและดูเร้าใจ เธอค่อยๆ ลูบเบาๆ เขามองตามปลายนิ้วเรียวสวยด้วยดวงตาเปล่งประกาย สองคนสบตากัน ไม่นานเธอก็ถอดเสื้อของเขาออก ขณะที่นักเรียนหนุ่มล้วงมือใต้ชายเสื้อทีเชิ้ตตัวโคล่งที่เธอสวมมันเอาไว้โดยปราศจากบราเซีย “อื้อ...” เขาบีบนวดหน้าอกสวยอย่างเบาๆ สะกิดนิ้วโป้งบนยอดทรวงเบาๆ ก่อนถลกเสื้อขึ้นเหนือศีรษะ ถอดออกจนเธออยู่ในสภาพโป๊ “หิวนมจังครับ... ขอดูดนมพี่หน่อยจะได้ไหม” คำเตือน นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบรรยายถึงการแสดงออกของความรักรุนแรง การร่วมรักชัดเจนโชกโชน บางส่วนตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่น่าเอาเยี่ยงย่างหรือเลียนแบบ
"ชลิดา" เป็นเด็กสาวที่โชคร้าย ครอบครัวทิ้งเธอไปไม่ลา เหลือเอาไว้แต่เธอคนเดียว กับชีวิตที่โดดเดี่ยวอ้างว้างท่ามกลางอันตรายที่มองไม่เห็น ทิ้งไว้กับปริศนาว่าเธอและครอบครัวผิดอะไร ในวันที่เหมือนชีวิตเจอฝันร้าย คนเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย กลับเป็น 'เขา' ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ศิวะจะพูดดีกับเธอ ฉากหน้า เย็นชา ปากร้าย เจ้าอารมณ์และแสดงท่าทีรังเกียจเธอ "ศิวะ" แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชลิดา เพียงเพราะหล่อนเป็นคนรักของพี่ชายเขา ที่รอวันตกกระป๋อง เขาอยากให้เธอเลิกรากับพี่ชาย เลิกยุ่งกับคนมีเจ้าของ มันไม่ใช่เพราะศิวะเกลียดชลิดาหรอก แต่เพราะเขารักหล่อนเสียเอง แต่กลับแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ คนสองคน ที่ฉากหน้าเกลียดชังกัน แต่ต้องนอนเตียงเดียวกันทุกคน บทสรุปจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน... มหาศาลการรัก
...เหตุเพราะน้องชายตัวดี ไปมีความสัมพันธ์ต้องห้าม กับศัตรู หัวเด็ดตีนขาด “เธอ” ก็ไม่มีวันยอมให้น้องชายลงเอยกับลูกสาวของตระกูลที่เคยดูถูกเธออย่างไม่มีดี . ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ หากไม่เพราะ “เขา” ทายาทหนุ่มเสเพลของบ้านนั้น ที่ซ้อนแผนเอาคืนเธอ ทำเอางานนี้ เจ้าหล่อนจะต้องเลือกว่าจะยอมให้น้องชายได้ลงเอยในเรื่องความสัมพันธ์ หรือจะจนมุมไปกับจอมวางแผนที่ตนก็เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว.... เขาช่างเจ้าคิดเจ้าแค้น และต้องการเอาชนะเธอมาตั้งแต่ต้น โดยมี “เรือนร่าง” เธอเป็นเดิมพัน +++++++++++++++++++++++++++++++ “ปล่อยฉันไปนะ นี่คุณเล่นบ้าอะไร?” “เล่นบ้าอะไรงั้นเหรอ... ก็เล่นผัวเมียกันยังไงล่ะ” “คนบ้า! มันใช่เวลามาล้อเล่นแบบนี้มั้ย ปล่อยฉันไปนะ!” “เล่นผัวเมียกันจริงๆ มีลูกด้วยกันจริงๆ สักคนสองคน” “คนบ้า เล่นไปคนเดียวเถอะ” “มีลูกกับผม คุณจะได้รู้... ความรู้สึกที่โดนพรากลูกพรากแม่มันเป็นยังไง” “เลว! นรกขุมไหนส่งคุณมาเกิดกัน คนบ้า!” สิ้นเสียงเล็ก จูบร้อนแรงถูกบดขยี้ลงมาอย่างร้ายกาจ เชลยในอ้อมกอดไม่อาจขัดขืนเขาได้แม้แต่น้อย หญิงสาวรู้ตัวดีว่า จุมพิตนี้หาใช่เกิดจากความรัก หากเขาต้องการแค่เพียงลงทัณฑ์เธอ... “คุณ... ไม่นะ พราวไม่อยากท้อง!” หญิงสาวบ่ายหน้าหนีจนหลุดพ้นพันธนาการจุมพิตร้าย ก่อนวอนขอ... “ไม่ทันแล้วครับ คุณต้องท้องและรับรู้ความเจ็บปวดว่าการถูกพรากลูกมันเป็นยังไง” “คนเลว... ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “ถ้าปล่อย... ก็ยังไม่หายแค้นน่ะสิครับ” ถ้อยคำนั้นแสนธรรมดา หากเจือแววเยือกเย็นพร่าผลาญใจ ส่งให้เชลยสาวในอ้อมกอดรู้สึกหนาวยะเยือกกับสิ่งที่ต้องเจอนับจากนี้....
ดูเหมือนโชคชะตาของ ‘รินรุ้ง’ จะไม่มีวันหนีพ้นจากความวุ่นวายได้ ตอนที่ยังเป็นพนักงานขาย ของรีสอร์ตที่ไทย ก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ของลูกค้า พอหนีมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สเปน ก็ยังไม่วายต้องสู้รบตบมือกับเด็กหญิงจอมแก่แดด ผู้หวงบิดายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และพร้อมจะใช้ความแสบป่วนหัวผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดพีก เพราะลูกสาวที่ว่าร้าย ยังร้อนแรงไม่ถึงครึ่งของตัวพ่อ งานนี้หญิงสาวคงต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพื่อหาทางกำราบสองพ่อลูกให้ได้ ก่อนที่ชีวิตของเธอจะกลายเป็นการตกนรกทั้งเป็น ‘เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีชาวสเปน ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงลึกลับที่เขาขโมยจูบเธอในเรือนร้างกลางสายฝน จะกลายเป็นคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาว ที่สำคัญ เขาเคยคิดว่าการขย้ำ ‘ลูกแกะน้อย’ ที่หลงเข้ามาใน ‘รังหมาป่า’ คงเป็นเรื่องง่าย หากตัวอุปสรรคสำคัญที่ชายหนุ่มต้องจัดการเป็นอันดับแรก ถ้าคิดจะเคลมรินรุ้ง ก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น ‘ลูกหมาป่าตัวน้อย’ ของเขานั่นเอง “เจ็บ” พูดเสียงเครือ “ไหนดูซิ” เซคิโอพุ่งพรวดเข้าไปหา ก่อนจะคุกเข่าลง มองเลือดที่ไหลซึมออกจากเท้าเธอ “กลับห้องก่อน อยากเลือดทะลักหมดตัวหรือไง” เขารีบอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงลนลานเป็นห่วงเจือบงการ “เรื่องของฉัน เลือดนี่มันก็เลือดฉันนะ!” เธอเถียง ที่เจ็บอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่หรือไง “อย่าดื้อสิ... แต่ถ้าเธออยากเลือดออกจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้นะ จะเอาไหม” ++++++++++++++++++++++++++++ เพราะถูกปลดกลางอากาศ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ รินรุ้ง หงสกรพงษา จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปทำงานสบายๆ ที่สเปน ตามบัญชาของแม่เลี้ยง หากเธอไม่เคยรู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต! . โฉมหน้าสุภาพบุรุษมหาเศรษฐีทายาทสายการบินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เจ้าของตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันหลายปีซ้อนที่สาวน้อย สาวใหญ่ต่างคลั่งไคล้มาตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ฉากหน้าราวเทพบุตรนั้น เซคิโอ เดอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ ได้ซ่อนคราบซาตานร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด หัวใจเขาปิดตายนานกว่าแปดปีหลังสูญเสียคู่หมั้นสาวที่เขารัก มันถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นรอวันสะสาง และเมื่อ... ‘ลูกแกะตัวน้อย’ ติดกับดักมาให้เขาแก้แค้น . . กลับกลายเป็นว่า เจ้าหล่อนคือหญิงสาวคนเดียวกันที่ขโมย ‘หัวใจ’ ที่เคยเหี่ยวเฉาของเขาไป เพียงเพราะจุมพิตดื่มด่ำไร้เดียงสา ในค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่เขายากจะลืม!
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตายด้วยเงื้อมมือของเพื่อนร่วมสาขา เนเน่ เนตรนภา จึงทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยวัยสิบหนาวที่ป่วยตาย นามเซี่ยซูเหยา มีบิดา พี่สาว พี่ชายที่เป็นห่วงนางมากกว่าสิ่งใด
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้