เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
ในห้องที่มืดสลัว คนสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง
รูปถ่ายงานแต่งงานของเจ้าสาวรูปหนึ่งถูกแขวนอยู่บนผนังสีขาวตรงหัวเตียง เธอมองกล้องและยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูเปี่ยมไปด้วยความสุข
“นี่ คุณคิดว่า ถ้าเหยาซีเยว่มาเห็นว่าเราสองคนกำลังทำเรื่องอย่างว่ากันบนเตียงในห้องหอแบบนี้ เธอจะโกรธมากจนร้องไห้ออกมาเลยไหม?”
“เหอะ เตียงห้องหออะไรล่ะ แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว ผมยังไม่เคยได้แตะต้องเธอเลย เธอเอาแต่ไปนอนห้องนอนเล็กข้าง ๆ นั่นตลอด”
“พี่หยู พี่ใจดีกับฉันจัง......”
เสียงครวญครางหวาน ๆ ของทั้งสองคนดังขึ้นมาปะปนกับเสียงหอบหายใจ
หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เธอเอามือกุมปากน้ำตาไหลพลากแต่ไม่ส่งเสียงใด ๆ
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม
หลินหยูก็สวมกางเกงขาสั้นเปิดประตูห้องนอน ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหยาซีเยว่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอได้ยินอะไรไปบ้าง?
“คุณได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย?”
เขาถามออกไปอย่างไม่แย่แสสนใจ แล้วเข้าไปรินน้ำอุ่นจากในครัวมาแก้วนึง จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น
รูปร่างผอมเพรียว ผิวพรรณขาวใสของเขา ทว่ากลับมีรอยแดงหวานฉ่ำ เขาดูไม่แยแสกับมัน จิบน้ำสองสามคำอย่างสบายใจ
“ไหน ๆ คุณก็อยู่พอดี เซ็นซะ”
หลินหยูเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะกาแฟ หยิบซองเอกสารออกมาจากด้านใน โยนมันลงบนโต๊ะกาแฟ “คุณก็ได้ยินแล้วนี่ ต่อให้ยื้อกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
เหยาซีเยว่เอื้อมมือไปหยิบเอกสารมา เปิดไปหน้าแรก คำว่า ‘ข้อตกลงการหย่า’ ก็ปรากฎขึ้นในม่านตาของเธออย่างจัง เธอเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้าย แล้วก็พบว่าฝ่ายชายได้เซ็นชื่อของเขา——หลินหยู เอาไว้อย่างสละสลวยเรียบร้อยแล้ว
“ลองดูแล้วกันนะ ถ้าคุณมีเงื่อนไขอื่นก็บอกมาได้ แต่หากไม่มีข้อโต้แย้งอะไรก็เซ็นซะ”
ชายคนนั้นเอนหลัง แล้วจุดบุหรี่ ควันลอยขึ้นมาปกคลุมใบหน้าที่เย็นชาของเขา
“ไม่มีทางออกอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ?”
เธอก้มหน้าลง เสียงของเธอแหบแห้งจากการร้องไห้เมื่อครู่นี้ ผมหน้าม้าของเธอก็ห้อยลงมาบนกรอบแว่นสีดำ ทำให้เธอดูน่าสงสารเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลหลิน เธอก็ทุ่มเทความพยายามกว่าร้อยเปอร์เซนต์ในการดูแลหลินหยู เธอคิดว่า สุดท้ายแล้วเธอกับเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เมื่อนึกถึงเด็กผู้ชายที่ถือร่มให้เธอท่ามกลางสายลมและหิมะ เธอก็เอามือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ภวานาขอให้ความหวังอันริบหรี่นั้นเป็นจริงขึ้นมา
“เหยาซีเยว่ อย่าทำตัวน่าสมเพชนักเลย เรื่องของฉันกับเหลียนเหลียน เธอก็ได้ยินได้เห็นมาหมดแล้ว ทำไม เธอคิดจะกอดต่ำแหน่งคุณนายตระกูลหลินไว้ ไม่ละอายใจหรือไง?”
หลินยู่เคาะก้นบุหรี่ลงถ้วยเขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “จะว่าไปการแต่งงานของเธอกับฉัน เราต่างก็ได้ในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการกันทั้งนั้น”
หัวใจของเหยาซีเยว่แหลกสลายไปหมดแล้ว เย่เหลียน คือคนที่หลินหยูรักแต่ไม่ได้แต่งงานด้วย
ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เธอก้มหน้าลงอย่างคนพ่ายแพ้ สองมือบิดชายเสื้อจนแน่น ราวกับว่าถ้ามีเย่เหลียนอยู่ สายตาของหลินหยูก็ไม่เคยละไปจากเย่เหลียนเลย
ตอนที่เย่เหลียนไปต่างประเทศ ระหว่างทางที่หลินหยูตามไปสนามบินเขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เดิมทีเหยาซวงซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเหยาควรจะต้องแต่งงานกับหลินหยู แต่เธอดันไปมีลูกกับคนอื่นซะก่อน ดังนั้นตระกูลเหยาจึงส่งเหยาซีเยว่ไปแต่งงานกับเขาแทน
การแต่งงานแทนนี้ ทำให้เธอได้กลายเป็นภรรยาของหลินหยูไปโดยปริยาย
เธอดูแลหลินหยูอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพื่อหลินหยู เธอแทบตัดขาดการติดต่อกับชีวิตก่อนแต่งงานของเธอไปเลย
เธอไม่ได้สัมผัสกับงานออกแบบ รถแข่ง มีดผ่าตัด และคอมพิวเตอร์มานานมากแล้ว
ปีที่แล้ว เมื่อหลินหยูฟื้นขึ้นมา เขาค่อย ๆ ฟื้นตัว ซึ่งเธอคือคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เขาวันแล้ววันเล่า คอยไถ่ถามทุกข์สุข คอยดูแลอย่างเต็มที่ แล้วก็ไม่เคยที่จะจากไปไหน แต่เธอสู้กับการกลับมาของคนในใจของเขาไม่ได้ซะอย่างนั้น
หลังจากแต่งงานมาสองปี เธอก็ยังไม่เคยได้รับความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ จากเขา
พอหลินหยูไม่ได้รับคำตอบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกาแฟ
เหยาซีเยว่มีหน้าตาสะสวย แม้ว่าเธอจะมีผมหน้าม้าหนา และแว่นตาขอบดำที่หนาเตอะ แต่ยังมองเห็นได้ถึงความสวยของเธอ ปกติเธอมักจะละเลยเรื่องการแต่งตัว เธอจึงมักจะดูโทรมทั้งวัน
นิสัยของเธอก็น่าเบื่อเกินไป
หลังจากฟื้นขึ้นมา เขากับเธอจะอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่กลับไม่ได้มีความคิดอะไรเป็นอื่นเลย มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ แล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจด้วย
การดูแลและเอาใจใส่วันแล้ววันเล่า แต่กลับมีรูปลักษณ์และชีวิตเดิม ๆ ก็เปรียบเสมือนน้ำต้มสุกชามหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร มันจึงน่าเบื่อมาก
เขายอมรับนะว่า สองปีมานี้ที่เหยาซีเยว่อยู่ในตระกูลหลิน เธอเป็นคุณนายหลินได้อย่างเหมาะสม แต่เธอไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของเขา เธอไม่มีคุณสมบัติมากพอ
เมื่อบุหรี่ทั้งมวนไหม้จนถึงก้นแล้ว หลินหยูก็บดบุหรี่ในถ้วยเขี่ยบุหรี่ แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างไม่แยแส “คุณมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน.....”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเธอยังคงก้มหน้าอยู่ ความรู้สึกคับข้องใจที่เธอแสดงออกมามันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไปหมด
“ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่คุณอยู่ที่ตระกูลเหยานะ หลังจากที่หย่ากันแล้ว นอกจากผมจะให้วิลล่าสามหลังแล้ว ผมจะให้เงินไปอีกหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน ส่วนรถในโรงรถคุณสามารถเลือกเอาไปได้หนึ่งคัน หากมีของพวกนี้แล้ว การใช้ชีวิตของคุณในภายภาคหน้าจะดีขึ้นมาหน่อย”
เขายังคงจำตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลได้ เหยาซีเยว่ต้องลำบากลำบนคอยดูแลเขามาเป็นปี หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา เธอก็ยังคอยอยู่กับเขาตอนที่ทำกายภาพบำบัดด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ แต่พฤติกรรมของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงสามารถเอาเงินจากบัญชีส่วนตัวของเขาจ่ายชดเชยให้เธอได้โดยไม่ถือสาอะไร
อันที่จริงช่วงชีวิตของการเป็นวัยรุ่นที่เพอร์เฟคที่สุดของเธอ กลับต้องมาถูกขังอยู่ในตระกูลหลิน
เขาเอาสองมือกอดอก รอยสักเล็ก ๆ ที่เห็นได้ชัดเจนบนกระดูกไหปลาร้าของเขาบาดตาบาดใจเหยาซีเยว่อย่างมาก
YL ซึ่งก็คือเย่เหลียนนั่นเอง
“เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน ผมจึงจะให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน ถ้าไม่พอใจกับเงื่อนไขคุณก็สามารถเสนอมาได้ แต่อย่าให้มันมากจนเกินไปนักล่ะ...... ผมเป็นคนอารมณ์ไม่ดี คุณก็รู้อยู่แล้วหนิ.....”
“ไม่จำเป็นต้องคิดหรอกคะ”
เหยาซีเยว่หยิบปากกาบนโต๊ะกาแฟขึ้นมา แล้วก็เซ็นชื่อของเธออย่างสง่างามลงไปในตอนท้ายของข้อตกลงการหย่าร้าง
“เดี๋ยวฉันจะย้ายออกไปเอง จะได้ไม่รบกวนพวกคุณสองคน”
หลินหยูพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ได้”
ต้องยอมรับเลยว่า เขาชอบนิสัยเชื่อฟังของเหยาซีเยว่มากจริง ๆ ประหนึ่งเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ปฏิเสธ
ตัวอย่างเช่นวันนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอสามารถที่จะอาละวาดขึ้นมาได้ แต่เธอก็เลือกที่จะอดทนแทน
ซึ่งมันน่าเบื่อมาก
หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนี้มาเป็นเวลานาน เขาก็กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนแบบนี้ไป
เรื่องของความรู้สึก มันไม่สามารถบังคับกันได้
หลินหยูหยิบสัญญามาตรวจดู ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยพูด เย่เหลียนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เดินออกมาอย่างเงียบ ๆ
เนื่องจากความยาวของเสื้อเชิ้ตถึงแค่ต้นขา อีกทั้งกระดุมก็ติดเพียงแค่สองสามเม็ดเท่านั้น มันจึงเผยให้เห็นเนื้อหนังข้างในของเธอ
ผมของเธอยังเปียกอยู่ ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอนั้นเปียกเล็กน้อย เผยให้เห็นสิ่งที่น่าเย้ายวนใจที่เล็ดลอดออกมา
พอเหยาซีเยว่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันไปมอง แค่เห็นแวบเดียวเธอก็จำได้แล้วว่านี่คือเสื้อเชิ้ตของหลินหยู แล้วก็เป็นตัวที่เธอเลือกเองกับมือด้วย
ทันใดนั้นดวงตาของพวกเธอสองคนก็สบกัน คิ้วของเย่เหลียนโค้งลง เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา นี่เป็นแค่การประกาศศักดาเท่านั้น
ตอนที่สายตาของหลินหยูกวาดมองมา เธอก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นกลับไปแล้ว
“น้องซีเยว่ เจอกันครั้งแรกสินะ ฉันชื่อเย่เหลียนนะ”
เธอค่อย ๆ เดินไปนั่งลงข้างหลินหยู แล้วก็อิงซบไปที่ไหล่เขาอย่างอ่อนระทวยประหนึ่งไม่มีกระดูก จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ได้ยินพี่หยูพูดถึงน้องซีเยว่อยู่บ่อย ๆ ในที่สุดก็ได้เจอสักทีนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”
เหยาซีเยว่ลดสายตาลง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เมื่อเย่เหลียนเห็นเช่นนี้ เธอจึงผลักหลินหยู แล้วก็พูดอย่างออดอ้อนขึ้นมาว่า “เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินพี่หยูบอกว่าจะมอบวิลล่าสามหลังให้กับน้องซีเยว่ พี่ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันอยากได้วิลล่าติดทะเลสาบหลังนั้นน่ะ? ทำไมต้องให้หลังนั้นไปด้วยล่ะ พี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?”
หลินหยูมักจะเติมเต็มต่อคำขอของเย่เหลียนเสมอ เขาจึงพูดกับเหยาซีเยว่ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่เหลียนเหลียนว่าแล้วกันนะ เดี๋ยวผมจะเลือกวิลล่าหลังอื่นให้คุณใหม่ก็แล้วกัน”
เหยาซีเยว่เงยหน้าขึ้น ตาใส ๆ ของเธอมองผ่านกรอบแว่นหนา ๆ ไปที่หลินหยู “คุณบอกว่าจะให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เย่เหลียนพูดออดอ้อนขึ้นมาว่า “พี่หยู~”
สีหน้าของหลินหยูบ่งบอกว่าหมดความอดทนแล้ว “เหยาซีเยว่ คุณฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง? ของพวกนี้ผมแค่ให้พิเศษกับคุณ ถ้าคุณไม่อยากได้ งั้นก็ไม้ต้องเอา”
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
"เธอมาหาน้องชายฉันเพราะอยากขายตัวแลกหนี้ใช่ไหม .. เสียใจด้วยนะเพราะฉันไม่ใช่ไอ้วิลเซนต์ แล้วผู้หญิงอย่างเธอน่ะ อย่าว่าแต่เอาตัวแลกหนี้หลักล้านเลย แค่หลักร้อยฉันยังเสียดายเงิน" วิลเซอร์ หนุ่มหล่ออายุ 24 ปี เป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิด และเป็นหนึ่งในลูกชายแฝดสาม ที่รู้จักกันในนามทริปเปิลวิล เขาเป็นแฝดคนกลางของพี่น้องฝาแฝดชายสามคน หรือบางคนเรียกเขาว่า V2. ครอบครัวพวกเขาเป็นมาเฟียกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ย่าตาทวด มีกิจการตั้งแต่ขาวไปจนถึงเทา เขาเป็นคนเงียบๆ เนี้ยบ และเฉียบขาด สิมิลัน หรือ เก้า เด็กสาวอายุ 22 ปี ที่ชีวิตอาภัพเหลือเกิน เพราะตั้งแต่สูญเสียพ่อไป ชีวิตของเธอก็เริ่มเสียศูนย์และดิ่งลงเหว ชีวิตตกอับขั้นสุดแม้กระทั่งคนที่เธอเรียกว่าแม่ ยังทำให้เธอผิดหวังและเจ็บปางตาย เธอพยายามรักษาบ้าน ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อไว้เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ แต่สุดท้ายก็ถูกทริปเปิลวิลล์ยึดไป สิมิลันขอเข้าพบเจ้าหนี้ หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากพวกเขาบ้าง แต่เธอคิดผิดถนัด เพราะนอกจากเขาจะไม่ช่วยแล้ว ชีวิตเธอกลับยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิมเสียอีก ชีวิตเธอจะขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงเหว มาลุ้นไปด้วยกันค่ะ "ญาตาวีมินทร์" นิยายเซ็ทมาเฟียตระกูลทริปเปิลวิลล์ แฝดสามสุดหล่อที่มีบุคลิกและนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง มีทั้งหมดสามเรื่องตามแผนผังดังนี้ค่ะ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย (คู่หลัก) วิลสัน+พุทธมิกา = วินเนอร์ - วินนี่ / วิโอร่า - วีโอเล็ต (คู่รอง) จอนนี่-วันมาตา = มาร์ติน – มารียา หลงกลรักมาเฟีย (คู่หลัก) วิลเซอร์+สิมิลัน = สมิหลา – อันดามัน / วิคเตอร์ – พีพี - ลันตา (คู่รอง) อัลเฟรด-ดาหลา = ลีออง – รีอัล ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ (คู่หลัก) วิลเซนต์+ไอด้า = วิลตัน-วิลแฮม-วิลล์ด้า-วิลลาเบลล์ (คู่รอง) นาวิน+ยิปซี = ราเชลล์ – ดาวินซี คำเตือน - นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อผู้หญิงที่เขาเคยซื้อมันได้ด้วยเงินถอยหนี และดื้อด้าน เขาก็กลายเป็นอีกคนหนึ่ง ที่เธอไม่เคยรู้จัก
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว