เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
ในห้องที่มืดสลัว คนสองคนกำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง
รูปถ่ายงานแต่งงานของเจ้าสาวรูปหนึ่งถูกแขวนอยู่บนผนังสีขาวตรงหัวเตียง เธอมองกล้องและยิ้มอย่างอ่อนโยน ดูเปี่ยมไปด้วยความสุข
“นี่ คุณคิดว่า ถ้าเหยาซีเยว่มาเห็นว่าเราสองคนกำลังทำเรื่องอย่างว่ากันบนเตียงในห้องหอแบบนี้ เธอจะโกรธมากจนร้องไห้ออกมาเลยไหม?”
“เหอะ เตียงห้องหออะไรล่ะ แต่งงานกันมาตั้งหลายปีแล้ว ผมยังไม่เคยได้แตะต้องเธอเลย เธอเอาแต่ไปนอนห้องนอนเล็กข้าง ๆ นั่นตลอด”
“พี่หยู พี่ใจดีกับฉันจัง......”
เสียงครวญครางหวาน ๆ ของทั้งสองคนดังขึ้นมาปะปนกับเสียงหอบหายใจ
หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนได้ยินบทสนทนาทั้งหมด เธอเอามือกุมปากน้ำตาไหลพลากแต่ไม่ส่งเสียงใด ๆ
หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรม
หลินหยูก็สวมกางเกงขาสั้นเปิดประตูห้องนอน ทันใดนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหยาซีเยว่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอได้ยินอะไรไปบ้าง?
“คุณได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย?”
เขาถามออกไปอย่างไม่แย่แสสนใจ แล้วเข้าไปรินน้ำอุ่นจากในครัวมาแก้วนึง จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น
รูปร่างผอมเพรียว ผิวพรรณขาวใสของเขา ทว่ากลับมีรอยแดงหวานฉ่ำ เขาดูไม่แยแสกับมัน จิบน้ำสองสามคำอย่างสบายใจ
“ไหน ๆ คุณก็อยู่พอดี เซ็นซะ”
หลินหยูเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะกาแฟ หยิบซองเอกสารออกมาจากด้านใน โยนมันลงบนโต๊ะกาแฟ “คุณก็ได้ยินแล้วนี่ ต่อให้ยื้อกันไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
เหยาซีเยว่เอื้อมมือไปหยิบเอกสารมา เปิดไปหน้าแรก คำว่า ‘ข้อตกลงการหย่า’ ก็ปรากฎขึ้นในม่านตาของเธออย่างจัง เธอเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้าย แล้วก็พบว่าฝ่ายชายได้เซ็นชื่อของเขา——หลินหยู เอาไว้อย่างสละสลวยเรียบร้อยแล้ว
“ลองดูแล้วกันนะ ถ้าคุณมีเงื่อนไขอื่นก็บอกมาได้ แต่หากไม่มีข้อโต้แย้งอะไรก็เซ็นซะ”
ชายคนนั้นเอนหลัง แล้วจุดบุหรี่ ควันลอยขึ้นมาปกคลุมใบหน้าที่เย็นชาของเขา
“ไม่มีทางออกอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ?”
เธอก้มหน้าลง เสียงของเธอแหบแห้งจากการร้องไห้เมื่อครู่นี้ ผมหน้าม้าของเธอก็ห้อยลงมาบนกรอบแว่นสีดำ ทำให้เธอดูน่าสงสารเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ที่เธอแต่งงานเข้ามาในตระกูลหลิน เธอก็ทุ่มเทความพยายามกว่าร้อยเปอร์เซนต์ในการดูแลหลินหยู เธอคิดว่า สุดท้ายแล้วเธอกับเขาจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เมื่อนึกถึงเด็กผู้ชายที่ถือร่มให้เธอท่ามกลางสายลมและหิมะ เธอก็เอามือทั้งสองข้างประสานกันแน่น ภวานาขอให้ความหวังอันริบหรี่นั้นเป็นจริงขึ้นมา
“เหยาซีเยว่ อย่าทำตัวน่าสมเพชนักเลย เรื่องของฉันกับเหลียนเหลียน เธอก็ได้ยินได้เห็นมาหมดแล้ว ทำไม เธอคิดจะกอดต่ำแหน่งคุณนายตระกูลหลินไว้ ไม่ละอายใจหรือไง?”
หลินยู่เคาะก้นบุหรี่ลงถ้วยเขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างหมดความอดทน “จะว่าไปการแต่งงานของเธอกับฉัน เราต่างก็ได้ในสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องการกันทั้งนั้น”
หัวใจของเหยาซีเยว่แหลกสลายไปหมดแล้ว เย่เหลียน คือคนที่หลินหยูรักแต่ไม่ได้แต่งงานด้วย
ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
เธอก้มหน้าลงอย่างคนพ่ายแพ้ สองมือบิดชายเสื้อจนแน่น ราวกับว่าถ้ามีเย่เหลียนอยู่ สายตาของหลินหยูก็ไม่เคยละไปจากเย่เหลียนเลย
ตอนที่เย่เหลียนไปต่างประเทศ ระหว่างทางที่หลินหยูตามไปสนามบินเขาได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เดิมทีเหยาซวงซึ่งเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลเหยาควรจะต้องแต่งงานกับหลินหยู แต่เธอดันไปมีลูกกับคนอื่นซะก่อน ดังนั้นตระกูลเหยาจึงส่งเหยาซีเยว่ไปแต่งงานกับเขาแทน
การแต่งงานแทนนี้ ทำให้เธอได้กลายเป็นภรรยาของหลินหยูไปโดยปริยาย
เธอดูแลหลินหยูอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เพื่อหลินหยู เธอแทบตัดขาดการติดต่อกับชีวิตก่อนแต่งงานของเธอไปเลย
เธอไม่ได้สัมผัสกับงานออกแบบ รถแข่ง มีดผ่าตัด และคอมพิวเตอร์มานานมากแล้ว
ปีที่แล้ว เมื่อหลินหยูฟื้นขึ้นมา เขาค่อย ๆ ฟื้นตัว ซึ่งเธอคือคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เขาวันแล้ววันเล่า คอยไถ่ถามทุกข์สุข คอยดูแลอย่างเต็มที่ แล้วก็ไม่เคยที่จะจากไปไหน แต่เธอสู้กับการกลับมาของคนในใจของเขาไม่ได้ซะอย่างนั้น
หลังจากแต่งงานมาสองปี เธอก็ยังไม่เคยได้รับความรู้สึกอบอุ่นใด ๆ จากเขา
พอหลินหยูไม่ได้รับคำตอบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะกาแฟ
เหยาซีเยว่มีหน้าตาสะสวย แม้ว่าเธอจะมีผมหน้าม้าหนา และแว่นตาขอบดำที่หนาเตอะ แต่ยังมองเห็นได้ถึงความสวยของเธอ ปกติเธอมักจะละเลยเรื่องการแต่งตัว เธอจึงมักจะดูโทรมทั้งวัน
นิสัยของเธอก็น่าเบื่อเกินไป
หลังจากฟื้นขึ้นมา เขากับเธอจะอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่กลับไม่ได้มีความคิดอะไรเป็นอื่นเลย มันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ แล้วก็ไม่มีอะไรน่าสนใจด้วย
การดูแลและเอาใจใส่วันแล้ววันเล่า แต่กลับมีรูปลักษณ์และชีวิตเดิม ๆ ก็เปรียบเสมือนน้ำต้มสุกชามหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร มันจึงน่าเบื่อมาก
เขายอมรับนะว่า สองปีมานี้ที่เหยาซีเยว่อยู่ในตระกูลหลิน เธอเป็นคุณนายหลินได้อย่างเหมาะสม แต่เธอไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของเขา เธอไม่มีคุณสมบัติมากพอ
เมื่อบุหรี่ทั้งมวนไหม้จนถึงก้นแล้ว หลินหยูก็บดบุหรี่ในถ้วยเขี่ยบุหรี่ แล้วก็พูดขึ้นมาอย่างไม่แยแส “คุณมาอยู่ที่บ้านตระกูลหลิน.....”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเธอยังคงก้มหน้าอยู่ ความรู้สึกคับข้องใจที่เธอแสดงออกมามันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไปหมด
“ผมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่คุณอยู่ที่ตระกูลเหยานะ หลังจากที่หย่ากันแล้ว นอกจากผมจะให้วิลล่าสามหลังแล้ว ผมจะให้เงินไปอีกหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน ส่วนรถในโรงรถคุณสามารถเลือกเอาไปได้หนึ่งคัน หากมีของพวกนี้แล้ว การใช้ชีวิตของคุณในภายภาคหน้าจะดีขึ้นมาหน่อย”
เขายังคงจำตอนที่เขานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลได้ เหยาซีเยว่ต้องลำบากลำบนคอยดูแลเขามาเป็นปี หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา เธอก็ยังคอยอยู่กับเขาตอนที่ทำกายภาพบำบัดด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ แต่พฤติกรรมของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงสามารถเอาเงินจากบัญชีส่วนตัวของเขาจ่ายชดเชยให้เธอได้โดยไม่ถือสาอะไร
อันที่จริงช่วงชีวิตของการเป็นวัยรุ่นที่เพอร์เฟคที่สุดของเธอ กลับต้องมาถูกขังอยู่ในตระกูลหลิน
เขาเอาสองมือกอดอก รอยสักเล็ก ๆ ที่เห็นได้ชัดเจนบนกระดูกไหปลาร้าของเขาบาดตาบาดใจเหยาซีเยว่อย่างมาก
YL ซึ่งก็คือเย่เหลียนนั่นเอง
“เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทันหัน ผมจึงจะให้เวลาคุณคิดหนึ่งวัน ถ้าไม่พอใจกับเงื่อนไขคุณก็สามารถเสนอมาได้ แต่อย่าให้มันมากจนเกินไปนักล่ะ...... ผมเป็นคนอารมณ์ไม่ดี คุณก็รู้อยู่แล้วหนิ.....”
“ไม่จำเป็นต้องคิดหรอกคะ”
เหยาซีเยว่หยิบปากกาบนโต๊ะกาแฟขึ้นมา แล้วก็เซ็นชื่อของเธออย่างสง่างามลงไปในตอนท้ายของข้อตกลงการหย่าร้าง
“เดี๋ยวฉันจะย้ายออกไปเอง จะได้ไม่รบกวนพวกคุณสองคน”
หลินหยูพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ได้”
ต้องยอมรับเลยว่า เขาชอบนิสัยเชื่อฟังของเหยาซีเยว่มากจริง ๆ ประหนึ่งเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธอก็ไม่ปฏิเสธ
ตัวอย่างเช่นวันนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเธอสามารถที่จะอาละวาดขึ้นมาได้ แต่เธอก็เลือกที่จะอดทนแทน
ซึ่งมันน่าเบื่อมาก
หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนี้มาเป็นเวลานาน เขาก็กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนแบบนี้ไป
เรื่องของความรู้สึก มันไม่สามารถบังคับกันได้
หลินหยูหยิบสัญญามาตรวจดู ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยพูด เย่เหลียนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็เดินออกมาอย่างเงียบ ๆ
เนื่องจากความยาวของเสื้อเชิ้ตถึงแค่ต้นขา อีกทั้งกระดุมก็ติดเพียงแค่สองสามเม็ดเท่านั้น มันจึงเผยให้เห็นเนื้อหนังข้างในของเธอ
ผมของเธอยังเปียกอยู่ ทำให้เสื้อเชิ้ตสีขาวของเธอนั้นเปียกเล็กน้อย เผยให้เห็นสิ่งที่น่าเย้ายวนใจที่เล็ดลอดออกมา
พอเหยาซีเยว่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจึงหันไปมอง แค่เห็นแวบเดียวเธอก็จำได้แล้วว่านี่คือเสื้อเชิ้ตของหลินหยู แล้วก็เป็นตัวที่เธอเลือกเองกับมือด้วย
ทันใดนั้นดวงตาของพวกเธอสองคนก็สบกัน คิ้วของเย่เหลียนโค้งลง เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมา นี่เป็นแค่การประกาศศักดาเท่านั้น
ตอนที่สายตาของหลินหยูกวาดมองมา เธอก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นกลับไปแล้ว
“น้องซีเยว่ เจอกันครั้งแรกสินะ ฉันชื่อเย่เหลียนนะ”
เธอค่อย ๆ เดินไปนั่งลงข้างหลินหยู แล้วก็อิงซบไปที่ไหล่เขาอย่างอ่อนระทวยประหนึ่งไม่มีกระดูก จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ได้ยินพี่หยูพูดถึงน้องซีเยว่อยู่บ่อย ๆ ในที่สุดก็ได้เจอสักทีนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ”
เหยาซีเยว่ลดสายตาลง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
เมื่อเย่เหลียนเห็นเช่นนี้ เธอจึงผลักหลินหยู แล้วก็พูดอย่างออดอ้อนขึ้นมาว่า “เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินพี่หยูบอกว่าจะมอบวิลล่าสามหลังให้กับน้องซีเยว่ พี่ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันอยากได้วิลล่าติดทะเลสาบหลังนั้นน่ะ? ทำไมต้องให้หลังนั้นไปด้วยล่ะ พี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?”
หลินหยูมักจะเติมเต็มต่อคำขอของเย่เหลียนเสมอ เขาจึงพูดกับเหยาซีเยว่ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่เหลียนเหลียนว่าแล้วกันนะ เดี๋ยวผมจะเลือกวิลล่าหลังอื่นให้คุณใหม่ก็แล้วกัน”
เหยาซีเยว่เงยหน้าขึ้น ตาใส ๆ ของเธอมองผ่านกรอบแว่นหนา ๆ ไปที่หลินหยู “คุณบอกว่าจะให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เย่เหลียนพูดออดอ้อนขึ้นมาว่า “พี่หยู~”
สีหน้าของหลินหยูบ่งบอกว่าหมดความอดทนแล้ว “เหยาซีเยว่ คุณฟังภาษาคนไม่เข้าใจรึไง? ของพวกนี้ผมแค่ให้พิเศษกับคุณ ถ้าคุณไม่อยากได้ งั้นก็ไม้ต้องเอา”
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้