เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เซิ่งหนิงขานรับอื้มเพียงสั้น ๆ รอยเล็บประทับฝังลึกอยู่บนร่างกายของฮั่วหลินเป็นทางยาว คนทั้งคนราวกับถูกตักออกมาจากบ่อเหงื่อ ทั้งเนื้อทั้งตัวเปียกชุ่มไปหมด
เธออ้าปากกัดไปที่ไหล่ของฮั่วหลิน ขนตางอน ๆ สั่นกระเพื่อมสองครั้ง เนื่องจากหมดแรง จึงผละฟันออกอย่างไม่รู้ตัว แล้วหลับตาม้วนตัวพักอยู่ในอ้อมกอดของฮั่วหลิ่น
เซิ่งหนิงรู้สึกร้อนเล็กน้อย แต่เธอกลับถวิลหาไออุ่นของฮั่วหลิน ไม่อยากผละออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น ฮั่วหลินก็ผละออกจากเธอ พลางลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมชุดนอนสีเทาที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาสวมใส่ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย็นชาและแหบแห้งเล็กน้อย
“เซิ่งหนิง ฉันจะแต่งงานแล้ว”
รุนแรงราวกับน้ำเย็นหนึ่งกะละมังราดลงมาบนหัวเธอไม่มีผิด เซิ่งหนิงที่กำลังจมอยู่กับความอบอุ่นนั้นหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที
“เราเลิกกันเถอะ”
ยังไม่ทันที่เซิ่งหนิงจะเอ่ยปาก คำพูดสองสามคำก็ตัดสินประหารชีวิตเธอไปแล้ว ตอนนี้ใบหน้าที่อ่อนโยนและงดงามนั้นดูเศร้าขึ้นมาทันที
เธออดไม่ได้ที่จะกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น รอยช้ำบนตัวนั้นยังเห็นได้ชัดเจน ฮั่วหลินเพิ่งจะมีอะไรกับเธอก็มาบอกเลิกกับเธอแล้ว
สมกับเป็นสไตล์ของเขาจริง ๆ เย็นชาและไร้หัวใจ
เธอน่าจะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง?
อยู่ด้วยกันมาสามปี ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่สามารถทำให้ใจที่แข็งดังหินของเขาอบอุ่นขึ้นมาได้
ก็นั่นสินะ เธอเป็นคนเสนอตัวเอง เธอไม่สามารถโทษใครได้
จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลพรากออกมา เธอเงยหน้าพลางเก็บความปวดใจ และความเสียใจทั้งหมดไว้ และตอบเขาด้วยน้ำเสียงปกติ
“ใช่คุณหนูของตระกูลไป๋คนนั้นรึป่าวคะ?”
ฮั่วหลินจุดบุหรี่มวนนึง พลางพ่นควัน แล้วพูดขึ้นมาช้า ๆ ว่า “อืม ตระกูลไป๋กับตระกูลฮั่วเป็นเพื่อนกัน แต่งงานกับเธอไม่มีผลเสียอะไรกับฉัน”
เซิ่งหนิงกัดริมฝีปาก หันหน้าหนี ไหล่ที่เปลือยเปล่ามีรอยดูดสีแดงประทับอยู่หลายจุด
“เธออยู่กับฉันมาสามปี แน่นแนว่าฉันไม่มีทางเอาเปรียบเธอ เธออยากได้อะไรสามารถเสนอมาได้ทั้งนั้น เงินและบ้านฉันสามารถให้เธอได้ทั้งนั้น”
“ฮั่วหลิน ฉันไม่ได้มาขายนะ!”
ฮั่วหลินดีดขี้บุหรี่ “ฉันรู้ เพราะนี่คือสิ่งที่ฉันตอบแทนให้เธอ รับไว้แล้วถือว่าเราสองคนก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว”
เซิ่งหนิงพูดขึ้นมาอย่างดื้อรั้น “ฉันก็บอกแล้วว่าฉันไม่ได้มาขาย ฉันไม่ต้องการของตอบแทนอะไรทั้งนั้น!”
ฮั่วหลินถอนหายใจ “เซิ่งหนิง ฟังกันหน่อยสิ”
เซิ่งหนิงอยากจะโต้กลับ แต่นี่คือผู้ชายที่เธอเลือก
มีข่าวลือมานานแล้วว่า ฮั่วหลินแห่งเมืองออร์ลีนส์นั้นเป็นคนเย็นชา ไม่หลงผู้หญิง แต่เธอก็ไม่เชื่อ เธอมีอะไรกับฮั่วหลินตั้งแต่คืนแรกที่เจอกับเขา ถึงแม้ว่าจะไม่รับปากว่าจะเป็นแฟนกับเธอ แต่กลับไม่ปฏิเสธ จากนั้นทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกัน”
เธอคิดว่าเธอเป็นข้อยกเว้น ไม่คิดเลยว่าเธอจะคิดเองเออเอง
เซิ่งหนิงมองแผ่นหลังของฮั่วหลิน ตอนนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเธองั้นเหรอ?
เธอรู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุด เช็ดน้ำตา จู่ ๆ ก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน รีบวิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำทันที
ฮั่วหลินขมวดคิ้ว แล้วเดินตามไป
“เธอท้องเหรอ?”
เซิ่งหนิงแค่อยากอาเจียน เฉย ๆ แต่จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้อาเจียนอะไรออกมาเลย เธอมีอาการนี้มาสองวันแล้ว แต่ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอกินอะไรผิดเลยไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้พอได้ยินฮั่วหลินพูดมาแบบนี้ เธอก็ใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
ถ้าเธอท้องจริง ๆ งั้นเธออาจจะ...
วินาทีต่อมา เสียงที่อยู่ข้างหลังเธอก็ทำลายความหวังของเธอไปทันที
“ไปตรวจดูเถอะ ฉันไม่อยากมีลูกนอกสมรส”
เขายังคงโหดร้ายกับเธอ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่จำเป็นหรอก เมื่อวานฉันไปตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้ว ก็เป็นโรคเดิม ๆ แหละค่ะ”
ฮั่วหลินยังคงขมวดคิ้ว “ไม่ไปหาหมอหน่อยเหรอ?”
“ฉันรู้จักร่างกายของตัวเองดี ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของคุณ ฉัน เซิ่งหนิง ไม่ใช่คนไม่กล้ายอมรับความจริง”
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
แจ้งก่อนอ่าน.....เรื่องนี้มีคำหยาบคายและมีการกระทำที่รุนแรงในบางEPเพราะฉะนั้นใครโลกสวยหรือไม่ชอบนิยายแนวนี้โปรดเลื่อนผ่านXX เขาเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ฉันคุ้นตาออกมาเพราะฉันเคยเก็บเศษซากของมันมาก่อน มันคือถุงยางอนามัย "คุณธามคะ อย่า!!!" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าอย่าทำเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่เขากลับเข้าใจไปอีกอย่าง "ทำไม หรืออยากเอาสดกับกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมสดกับคนอย่างมึง" สวบ!!!! ปึ่ก!!!!! "ไม่ กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดทางฉันเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "เชี่ย!!! มึง ไม่เคยเหรอวะ" คุณธามก้มมองดูจุดเชื่อมต่อแล้วอุทานออกมา
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."