ฝากเอ็นดู เจมส์ รุ่นน้องวิศวะ ของพี่ๆ กันด้วยนะค่ะ
ฝากเอ็นดู เจมส์ รุ่นน้องวิศวะ ของพี่ๆ กันด้วยนะค่ะ
"ฉันรวยมากพอ...ที่จะซื้อเธอ เอาคนอย่างเธอมากระแทกเล่นๆ ได้" ใบหน้าอันหล่อเหลาเอ่ยมาด้วยสีหน้าอันดุดัน
"เงินนายอาจจะซื้อคนอื่นได้ แต่...ซื้อคนอย่างฉัน...ไม่ได้"
"คำพูดเธอแม่งโครตจะดูแพง เลยวะ..." เจมส์เสมองร่างบางราวกับดูถูก
"แต่ที่จริงถูกยิ่งกว่าแจกฟรี..."
"เพียะ" อันนาฟาดฝ่ามือเรียวเข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเจมส์ด้วยถ้อยคำที่ดูถูกและเหยียดหยาม
"เธอ..." เจมส์จ้องอันนามาด้วยสายตาอันดุดัน ยัยนี้กล้าดียังไงมาตบหน้าเขาถึงสองครั้ง
"คนที่ปากดีแบบเธอ แม่งต้องโดนฉันกระแทกให้หนัก ถึงจะปล่อยออกไปจากที่นี่ได้" เจมส์ไม่พูดเปล่าพร้อมกับสาวเท้าเข้าหาคนคนตัวเล็กด้วยท่าทีโมโหและโกรธจัด
****************************
"อ้อนวอนฉันสิ เพื่อคืนนี้ฉันจะผ่อนแรงและเปลี่ยนใจอ่อนโยนกับคนปากดีอย่างเธอ" อันนาจ้องมองร่างสูงด้วยสีหน้าอันโกรธจัดอย่างไม่วางตา
"ถ้าไม่ใช่ เพราะฉันจนมุม นายไม่มีวันได้ฉัน..." อันนาตะเบ่งเสียงใส่ร่างสูงอย่างไม่มีท่าทีจะอ่อนข้อให้เลยซักนิด ยิ่งเกลียดไม่ชอบขี้หน้าแต่กับยิ่งเจอ
"จะโดนฉันกระแทกตายอยู่แล้ว เธอแม่งยังปากดีอยู่อีก งั้นคืนนี้ก็โดนฉันกระแทกให้จมเตียง ครั้งหน้าจะได้มาปากดีกับคนอย่างฉันอีก" เจมส์พูดจบร่างสูงก็ระดมจูบคนตรงหน้าเข้าทันที ร่างบางได้แต่ขัดขืนคนใจร้ายอย่างสุดกำลัง แต่นั้นก็ไม่เป็นผลเมื่อคิดผิดไม่หน้าหลงเชื่อเพื่อน
พาเจมส์มาเปิดตัวเป็นพระเอกอย่างเต็มโต ฝากเอ็นดูเจมส์ และอันนา กันด้วยนะคะ
คำเตือน พระเอก หล่อ รวย เลว ร้าย ใครไม่ชอบพระเอกสายนี้ ผ่านไปได้เลยจ้า อ่านแล้วไม่ถูกจริต ไม่ทิ้งคอมเมนท์แย่ๆ ให้กับนักเขียนนะคะ เพื่อเซฟความรู้สึกนักเขียนคะ
++++++++++++ ใบหน้าอันหล่อเหลาโน้มเข้าหาหวังจะจูบคนตัวเล็ก แต่เธอกับหลับตา “หยี่ สกปรกปาก ไม่รู้ไปจูบกับใครมาบ้าง” “ไง...ไม่อยากร่วมด้วยเหรอ” “เฮ้ย... กล้าดียังไงมาว่าฉันอยากร่วม ปากสกปรกแบบนี้กรุณาถอยไปไกลๆ” “ว่า ฉัน” “ที่นี่มีหมาอีกตัวไหมละ” ร่างบางที่กำลังจะสาวเท้าหนีกับถูกมือหนากระชากเข้าหาตัว “หึ...พูดผิดพูดใหม่ได้นะคนสวย ฉันให้โอกาสเธอพูดอีกที” ใบหน้าอันหล่อเหลาของหนุ่มเพลย์บอยเสยิ้มให้กับคนตรงหน้า มะปรางถึงกับถอยหนี “อย่านะ...นี้นายคิดจะทำอะไร” “ก็เห็นแวดๆ อยากลองไหมละ ห้องนั้นยังว่างนะ” รามไม่พูดเปล่า แต่ใบหน้าอันหล่อเหลาผิวเนียนใส จมูกโด่งกับโน้มเข้าหาคนตัวเล็ก !! ตึก ตึก !! ด้านมะปรางที่ถูกรามเข้าใกล้ในระยะประชิดตัว ร่างบางถึงกับใจสั่นเต้นแรงขึ้นมาอย่างทราบสาเหตุ “งั้นเหรอ” เธอเอ่ยกับเขาอย่างท่าทาย !! โป๊ก !! แต่นั้นกับรองเท้าส้นสูงไซส์ 37 กับเตะเข้าส่วนสำคัญของคนตัวสูงถึงกับทรุดตัวลงกับพื้นเขาจุกขดจนตัวงอ “อึก...โอ้ย เธอ...ยัย” รามที่ถูกยัยหน้าสวยบ้าพลังเตะเข้าส่วนสำคัญถึงกับหน้าแดงตัวงอ “ชวนเข้าห้องไม่ใช่เหรอ อ่อนแบบนี้ ห้องไหนดีละ ห้อง ICU หรือห้องดับจิต” มะปรางไม่พูดเปล่าร่างบางเอ่ยจบก็โบกมือบายๆ ให้กับผู้ชายปากเสียด้วยสีหน้าสะใจ เหอะมีอย่างที่ไหนมาชวนฉันเข้าห้องด้วย รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว รู้จักสนิทหรือไงถึงได้มาชวนฉันเข้าไปเล่นสยิวในห้อง บ้าไปแล้วไหม ร่างบางเดินสะบัดตัวไปอย่างสวยๆ ด้านรามที่ถูกสาวสวยเตะเข้าเจ้ามังกรยักษ์ถึงกับหน้าแดง อ่า...ยัยบ้านี้ กล้าดียังไงเตะเขาไอ้นั้นแทบหัก แล้วยังมีหน้ายิ้มเยาะเยิ้ยสะใจ เจ็บตัวไม่เท่า เจ็บหนักตรงที่มาว่าเขาอ่อนนี้สิ หึ...! เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเจอ สวยสเปคเลยแต่บ้าพลังชิบหาย รามน้อยไม่หักก็บุญเท่าไหร่แล้ว “หึ...ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยัยนี้เด็กคณะไหนว่า สวยคับ สวยชิบหาย แต่ร้ายไม่เบา เท้านี้จะหนักไปไหนเหอะ หึ...แบบนี้แหละสเปคเลย เล่นตัว ยากๆ แบบนี้แหละชอบครับ ชอบมาก คอยดูเถอะอย่าหลงเสน่ห์รามคนนี้ขึ้นซะมาละ ระวังจะหาว่าพี่รามไม่เตือน ของหวงนายรุ่นพี่เป็น ผลงานเซต ราม น้องชายแฝด โรม (พยศรักร้ายนายมาดนิ่ง โรม x นานิล) มีให้อ่านจบเรื่อง มะปราง เพื่อนสนิท โรราน้องสาว โรม ราม (หวงรักร้ายนายวิศวะ โรรา x ดีเทล) มีให้อ่านจบเรื่อง ราม เพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกับ แทคิณ (เสี่ยงรักร้ายนายเพื่อนสนิท แทคิณ x พรีน เพื่อนนานิล) มีให้อ่านจบเรื่อง นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียน ไม่มีเจนตนามุ่งร้ายต่ออาชีพ สร้างความเสียหาย แตกแยก ชื่อ ตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเหตุการณ์สมมติเท่านั้น อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มาอ่านฟินๆ จิกหมอนไปกับคิมได้เลยคะ อายุต่ำกว่า18 ปีควรได้รับคำแนะนำ
“ช่วยหน่อย พาฉันออกไปจากตรงนี้” “แล้วฉันจะได้อะไรจากนาย” พรีนต่อลองกับเขาคนหน้าขรึม “เธอ....” สายตาคมคู่ดุจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาเสียเวลาที่เธอต่อลองกับเขามากพอแล้ว “เหอะ คิดว่าหล่อ เป็นไอดอลแล้วไง ใช่ว่าสาวๆ จะชอบนายจะทุกคนหรอกนะ” พรีนเอ่ยพร้อมเชิดหน้าใส่แทคิณ ไอดอลแล้วไง ถึงนายนี้จะหล่อตรงสเปกฉันมากก็เถอะ เล่น ตัวไปสิคะ ใบหน้าอันหล่อเหลาโน้มเข้าหาคนตรงหน้า พร้อมกับหลุดรอยยิ้มที่มุมปาก “ไม่ชอบ เกลียดฉัน” เขาแสยิ้มถามคนตรงหน้า “ก็ไม่ขนาดนั้น” “จะช่วยไม่ช่วย” เขาเอ่ยเสียงเข้ม แต่นั้นภายในหัวของพรีนกับคิดอะไรขึ้นมา “ฉันไม่เคยช่วยใครฟรี อะไรดีน๊า นาฬิกานั้นก็แบรนด์หรู แหวนที่นิ้วนายนั้นก็สวย” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ของคนใบหน้าสวยจงใจเหลือบมองที่แขนและข้อมือของเขามาอย่างตั้งใจ นาฬิกานั้นก็สวย แหวนที่ใส่ในนิ้วนั้นก็แบรนด์ดังด้วยสิ แต่น่าเสียดายที่เธอมีมันหมดแล้ว “อะไร ดีน๊า ที่สาวๆ ทั้งประเทศอยากได้จากนายกัน” เธอเอ่ยอย่างเชิดหน้า เหอะเขาคงคิดว่าฉันอยากได้ อย่างสาวๆ คนอื่นๆ อยากได้ละสิ ในเมื่อเขาให้โอกาสแล้ว แต่เธอกับไม่เลือกมัน ได้เขานี้แหละจะยัดเยือดสิ่งนี้ให้เธอเอง !! พรึบ !! มือหนากระชากแขนคนตรงหน้าเข้าแนบชิดตัว ตาจ้องตา จมูกโด่งคมสันโน้มแตะเข้าที่จมูกเรียวคนตัวเล็ก ทั้งสองสบตารับรู้ลมหายใจอุ่นๆ ตาคมสบตาเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยเปล่งประกายตรงหน้า “ในเมื่อไม่ยอมเลือก ฉันจะเลือกให้เธอเอง” รอยยิ้มอันร้ายกาจผุดขึ้นมาบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ริมฝีปากอันร้ายกาจประทับลงที่ปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มลงอย่่าง อ่อนโยน จูบนี่ฉันพรีนรดาอย่างฉันลืมไม่ลง
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เจียอี หญิงสาวที่เติบโตมาในชนบทกับคุณตาคุณยาย เธอมีช่องในโซเซียลถ่ายทอดชีวิตชนบท การทำไร่ ทำนา ทำสวน ทำอาหาร จนมีผู้ติดตามเกือบล้านคน แต่แล้วในหนึ่งที่เธอถ่ายทำตอนขึ้นเขาหาของป่า เธอพลัดตกจากเขาจนวิญญาณของเธอทะลุมิติไปในยุคโบราณ
ชีวิตของฉันที่เคยสงบสุขและร่มเย็นกลับเเปรเปลี่ยนไป เมื่อวันหนึ่งฉันได้เจอกับผู้ชายญี่ปุ่นผิวขาวหน้าตาหล่อเหลาแต่คำพูดคำจาของเขาช่างหยาบคายก็เปลี่ยนไป เขาทำให้หัวใจของฉันหวั่นไหวและเต้นแรงเวลาที่โดนเขา
© 2018-now MeghaBook
บนสุด