หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
“หย่ากันเถอะ”
แต่งงานกันมาสามปี ฝ่ายชายยังคงพูดน้อยเหมือนเดิม คำพูดที่เย็นชาสามคำ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยสักนิด
หนานซ่งยืนอยู่ด้านหลังอวี่จิ้นเหวิน จ้องเงาหลังที่สูงใหญ่ราวกับต้นสนของเขา มองหน้าตาที่เย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึกสะท้อนอยู่ในหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน รู้สึกแค่ว่าหัวใจดวงนึงเย็นจี๊ดจนสุดขั้วหัวใจ
สองมือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำแน่น สั่นเทาไปหมด
ประโยคที่เธอกลัวที่สุด ในที่สุดก็หลุดออกมา
ฝ่ายชายหันตัวมา เห็นหน้าได้ชัดมากขึ้น ใบหน้าที่เพอร์เฟคใบหน้าหนึ่ง มีขอบมุมความคมหล่อที่ชัดเจน แม้ว่าจะเผชิญมาสามปีแล้ว แต่ก็ยังคงทำให้เธอใจเต้นอยู่ไม่น้อย
“ไม่หย่า ได้ไหม?”
หนานซ่งเค้นคำพูดนี้ออกมาจากในลำคอด้วยความอย่างยากลำบาก แววตาสั่นกระเส่า แต่กลับยังคงเต็มไปด้วยความหวัง
อวี่จิ้นเหวินกลางคิ้วขมวดเข้าหากัน คิ้วตาที่เย็นชาหยุดชะงักลงบนใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางของฝ่ายหญิง สุดท้ายก็จ้องมองดวงตาที่แดงระเรื่อของเธอ คิ้วขมวดกันแน่น
แม้ว่าจะเป็นหน้าสด หนานซ่งก็ยังคงสวย เธอไม่ใช่สาวสวยที่เห็นโครงหน้าชัดเจน แต่ผิวขาวนวล ใสซื่อไร้เดียงสา เป็นรูปลักษณ์ที่ดูสบายตา
ดวงตากลมโตของเธอจ้องเขาตาใสทั้ง ๆ แบบนี้ แววตาเต็มไปด้วยความวิงวอน ไฝหนึ่งเม็ดใต้หางตาขวา ผมยาวสลวยปล่อยตรงลงบริเวณหู อ่อนโยนไร้ซึ่งความก้าวร้าว
แต่ในสายตาของชายหนุ่ม นี่คือผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่ก็เรียบง่ายและน่าเบื่อ
ในฐานะที่เป็นภรรยา เธอไม่มีข้อบกพร่องอะไรเลย แต่เขาแค่ไม่ได้รักเธอเท่านั้น
เมื่อสามปีก่อนเขาประสบอุบัติเหตุ ท่อนบนเป็นอัมพาต หมอบอกว่าเขาอาจจะยืนไม่ได้ตลอดไป และในตอนนั้นเอง ที่เขาถูกบีบบังคับให้เลิกกันกับผู้หญิงอันเป็นที่รัก แม่บังคับให้เขาไปนัดบอด ต้องหาภรรยาที่เป็นหมอมาดูแลเขาไปตลอดชีวิต เขาเลือกพยาบาลคนนึงหนึ่งในคนที่นัดบอด นั่นก็คือลู่หนานซ่ง เธอไม่มีภูมิหลังอะไร และเธอก็เป็นคนเงียบด้วย
“คุณอยู่กับผมมาสามปีแล้ว แล้วก็ดูแลผมมาสามปีแล้ว เงินห้าสิบล้านนี้ถือค่าชดเชยให้กับคุณล่ะกัน”
ตอนที่เขาพูดคำพูดแบบนี้แสงในแววตากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ยิ่งมองไม่เห็นความรู้สึกรักที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย “หรือ คุณต้องการอย่างอื่น...”
“ทำไม?”
หนานซ่งพูดแทรกเขาเป็นครั้งแรก เบ้าตาที่เริ่มแดงเต็มไปด้วยความยึดติด แล้วก็... ไม่อยากจะยอมรับ “ทำไมถึงต้องขอหย่าตอนนี้”
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของพวกเขา เธอเตรียมการวางแผนเอาไว้มากมาย ถึงขนาดที่เธอยังคิดอีกด้วยว่า อีกสามปีต่อมา อีกยี่สิบสามปีต่อมา นั่นก็คือตลอดชีวิตแล้ว
“คุณก็รู้ คนที่ผมรักไม่ใช่คุณ”
น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาแฝงไปด้วยความเยือกเย็นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ถึงขนาดที่เขาไม่แม้แต่จะให้ความหวังกับเธอเลยแม้แต่น้อย “ซวนซวนกลับมาแล้ว ผมจะแต่งงานกับเธอ”
หนานซ่งราวกับถูกสายฟ้าผ่าเข้ากลางหัว ร่างกายที่ผอมบางไม่สามารถรับความหนักอึ้งขนาดนี้ได้ สั่นเทาขึ้นมาทันที
ชีวิตแต่งงานที่เธอดูแลรักษามันมาตลอดสามปี กลับไม่อาจต้านทานคำพูดประโยคเดียวของอีกฝ่ายได้เลย... “ฉันกลับมาแล้ว”
“คุณผู้ชาย...”
พ่อบ้านตรงเข้ามารายงานด้วยความรีบร้อน “คุณจั๋วอาเจียนอาหารที่เพิ่งจะกินเข้าไปออกมาอีกแล้วครับ แถมยังกระอักเลือดอีกด้วย!”
ใบหน้าที่เงียบขรึมของชายหนุ่มสั่นไหวเล็กน้อย เขาเดินอ้อมหนานซ่งตรงไปที่ห้องรับแขกทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงที่เคร่งขรึม “เตรียมรถ ไปโรงพยาบาล”
ผ่านไปไม่นาน อวี่จิ้นเหวินก็อุ้มผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องรับแขก ผู้หญิงคนนั้นรูปร่างซูบผอม บนตัวยังคลุมด้วยผ้าห่มปักผืนบาง ซึ่งเป็นผ้าที่หนานซ่งปักด้วยตัวเอง
สีหน้าขอเธอซีดเผือด มองออกว่าอยู่ในอาการป่วย ราวกับจะจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ คนทั้งคนซบพิงอยู่ในอ้อมกอดของอวี่จิ้นเหวิน เสียงเบามาก “พี่จิ้น คุณลู่เธอ...”
อวี่จิ้นเหวินหยุดฝีเท้าลงตรงมุมบันได ก่อนจะหันไปพูดกับหนานซ่ง “รายละเอียดของการหย่าทนายความจะไปเจรจากับคุณเอง เชิญคุณย้ายออกจากบ้านภายในสามวันด้วย”
จากนั้น เขาก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาในอ้อมแขน อุ้มเธอลงไปข้างล่างอย่างไม่หันกลับมาอีก
หนานซ่งยืนอยู่ตรงทางลงบันได จั๋วซวนนอนอยู่ในอ้อมกอดของอวี่จิ้นเหวิน เงยหน้าขึ้นมามองหนานซ่ง ในดวงตาเต็มไปด้วยแสงแห่งชัยชนะ
ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง ผู้หญิงที่ป่วยคนนี้พูดกับเธออย่างยิ้มแย้ม “ฉันเข้ามาอยู่ในบ้านอย่างโจ้งแจ้ง เธอคืนเขามาให้ฉันซะ”
จนกระทั่งร่างของพวกเขาหายลับไป หนานซ่งถึงได้ล้มทรุดลงไปราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลอาบหน้าอย่างเงียบ ๆ เธอกอดตัวเองเอาไว้ รู้สึกเพียงว่าร่างกายหนาวจับใจ
สิบปี
นับตั้งแต่วินาทีที่เขาช่วยเธอออกมาจากนรกจนถึงตอนนี้ เธอก็ติดตามเขามาตลอดสิบปี แล้วก็รักเขามาตลอดสิบปีแล้วเหมือนกัน ชีวิตของคนเรามันจะมีสักกี่สิบปีกัน
แต่ไม่รักก็คือไม่รัก ต่อให้จะยอมขนาดไหน เธอก็ไม่สามารถทำให้ผู้ชายคนนี้รู้สึกหวั่นไหวได้ ไม่สามารถทำให้เขารักเธอได้เลยแม้แต่น้อย
“จิ้นเหวิน นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะร้องไห้ให้กับคุณ”
หนานซ่งยื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาที่เย็นเฉียบทิ้งไป ก่อนจะลุกขึ้นมาจากพื้น ผู้หญิงที่เดิมทีอ่อนแอ เปลี่ยนกลายเป็นเย็นชาอย่างถึงที่สุด ในตาสะท้อนความมุ่งมั่นเด็ดเดียว
ถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว
หนังสือข้อตกลงการหย่าถูกวางเอาไว้อยู่บนหัวเตียงในห้องนอนใหญ่ มันโดดเด่นสะดุดตามาก
หนานซ่งเปิดไปหน้าสุดท้ายตรง ๆ เห็นลายเซ็นที่คุ้นเคย แววตาของเธอเป็นประกายวิบวับ เธอลูบเบา ๆ ไปยังชื่อ “อวี่จิ้นเหวิน” อย่างระมัดระวัง รู้สึกแน่นจมูกขึ้นมา
เธอสูดจมูก กลั้นน้ำตาที่กำลังจะออกมาให้กลับไป ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อของตัวเองลงไปบนนั้นอย่างไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ ลู่หนานซ่ง
ในเมื่อเริ่มต้นด้วยชื่อนี้ งั้นก็ต้องจบสิ้นด้วยชื่อนี้เช่นกัน
หนานซ่งวางตราประทับอันหนึ่งอยู่บนหัวเตียง ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุจนถึงการซื้อหยกชิ้นนี้ เธอต้องใช้เวลาไปเกือบหนึ่งปี นี่เป็นของขวัญครบรอบสามปีที่เธอตั้งใจเตรียมเอาไว้ให้กับเขา
อันที่จริงตลอดสามปีมานี้เธอก็เคยมอบของขวัญให้กับเขามากมาย ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ได้เตรียมอย่างไม่ได้ตั้งใจเลยสักชิ้น แต่ปลายทางสุดท้ายกลับถูกทิ้งเอาไว้อยู่ในตู้เสื้อ หรือไม่ก็โยนทิ้งลงไปในถังขยะไปตรง ๆ มันก็เหมือนกับความจริงใจที่เธอมีต่อเขา
ทันทีที่เดินออกมาจากบ้าน รถหรูสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่ริมถนน หนานซ่งขึ้นไปบนรถ ก่อนจะพูดอย่างนิ่ง ๆ “ฉันหย่าแล้ว”
ที่นั่งคนขับ ผู้ชายที่สวมแว่นกันแดดสีชายิ้มออกมาอย่างร้าย ๆ “ยินดีด้วย คุณได้รับอิสระกลับคืนแล้ว”
เขายื่นโน้ตบุ๊คมาให้กับหนานซ่ง “ถึงเวลากลับมาเป็นตัวเองได้แล้ว พวกเราต่างกำลังรอการกลับมาของคุณ”
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!
รวมเรื่องสั้น_เรื่องราวความรัก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่มีเบื่อ -- เมื่อเขาต้องการ -- มายผู้ที่ไม่เคยปฎิเสธยามเมื่อคุณอาหนุ่มต้องการ ซึ่งเธอไม่ปฎิเสธเขาอยู่แล้ว เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม เสแสร้งแกล้งเล่นตัวทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เหลือความสดใหม่ให้ค้นหาอีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงร่วมมือกับเขาอย่างเร้าร้อนในทุกที่ทุกเวลา ‘เมื่อเขาต้องการ’ -- ชนท้องน้องสาว -- หากน้องสาวที่ผมหวังจะท้องชนกัน กำลังจะมีความรักกับผู้ชายคนอื่น...คุณจะทำอย่างไร? -- ค่าคุ้มครองมาเฟีย -- กานต์ จะว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มก็ได้ ชายหนุ่มวัยขบเผาะก็ไม่ผิด เมื่อเขากลายเป็นค่าตอบแทนชดเชยการล้างแค้น อันแสนเร้าใจ ให้กับ คุณเชอร์รี่ พี่สาวที่มักจะปรากฎตัวในชุดรัดรูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้ง ต่อหน้าเขา... เอือก!...เสียงลูกกระเดือกขยับเมื่อกานต์พยายามกลืนน้ำลายไม่ให้ไหลออกมา -- ผู้ชายแพร่พันธุ์ -- “หากภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 5 ปี บอกกับคุณว่า จะให้คุณทำกับผู้หญิงอื่น เพื่อมีลูกให้กับเธอ...คุณจะทำอย่างไร?
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!