หลังจากนั้นไม่นาน ซูชิงหลีก็เข้าใจในสถานการณ์ของเธอได้ในที่สุด เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่กลับไม่ใช่ในโลกเดิมของเธอ ตอนที่เธอมาอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าราชวงศ์เทียนหยวน!
นางมาเกิดใหม่ในร่างของซูชิงหลีที่เป็นลูกสาวคนโตของจวนเสนาบดี ซึ่งมีชื่อและนามสกุลเดียวกันกับนาง!
ทว่า แม้ตอนนี้นางจะยังมีชีวิตอยู่ แต่นางก็คงจะอยู่ไม่ไกลจากความตายแล้วล่ะ!
ซูชิงหลีกับน้องรองซูชิงอวี่นั้นได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของฮูหยินของโหวชิ่งหยาง
เนื่องจากฮูหยินของโหวชิ่งหยางเอ็นดูซูชิงหลี นางจึงมาเจอกับซูชิงหลีเป็นการส่วนตัว หลังจากที่ซูชิงหลีออกไปแล้ว ฮูหยินโหวชิ่งหยางก็ถูกพบว่าโดนวางยาพิษและเสียชีวิตไปเสียแล้ว
ซูชิงหลีจึงกลายเป็นฆาตกรไปโดยปริยาย!
หลังจากรู้ว่าฮูหยินของตนเองถูกซูชิงหลีวางยาพิษฆ่าตาย โหวชิ่งหยางก็ใช้แจกันอันหนึ่งที่อยู่ตรงนั้นส่งเจ้าของร่างเดิมไปยังยมโลก!
หลังจากที่ซูชิงหลีรู้สาเหตุและผลที่เกิดขึ้นแล้ว นางก็หลบการเข้ามาทำร้ายของโหวชิ่งหยาง แล้วก็จับแขนของเขาเอาไว้ จากนั้นก็แย่งดาบยาวออกมา แล้วก็เอาไปจี้ไว้ที่คอของโหวชิ่งหยาง!
“ท่านโหว!”
“ต่างก็อย่าได้พากันเข้ามา!” ซูชิงหลีเช็ดเลือดบนใบหน้าด้วยแขนเสื้อ “ใครกล้าเข้ามาแม้แต่ก้าวเดียว ก็คอยจับตาดูชะตาชีวิตของท่านโหวของพวกเจ้าเอาไว้ได้เลย!”
“พี่สาว การที่วางยาพิษฮูหยินของท่านชิงหยางโหวเป็นอาชญากรรมที่เลวร้ายอยู่แล้ว ทำไมพี่ถึงกล้าจับท่านชิงหยางโหวเป็นตัวประกันอีก?” ซูชิงอวี่ที่สวมชุดฮั่นฝูผ้าไหมทอที่เบาสบายสีชมพู พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “พี่จะต้องการลากคนทั้งตระกูลให้ไปตายด้วยกันเลยหรืออย่างไรถึงจะพอใจ?”
“เจ้าหุบปากบัดเดี๋ยวนี้!” ซูชิงหลีตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ข้าไม่ได้ฆ่าใครทั้งนั้น!”
“หลังจากที่เจ้าออกมาจากห้องของฮูหยินของข้า ฮูหยินของข้าก็ถูกวางยาพิษตาย หากเจ้าไม่ได้เป็นคนฆ่า แล้วมันจะเป็นใครไปได้อีกเล่า?” โหวชิ่งหยางตะคอกขึ้นมาด้วยความโกรธ
“โหวชิ่งหยาง หากข้าฆ่าฮูหยินของเจ้าจริง ข้าจะได้ประโยชน์อะไรอย่างนั้นหรือ?” ซูชิงหลีย้อนถามกลับไป “ข้าจะได้สมบัติของจวนโหวชิ่งหยาง หรือจะได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินแทนนางหรืออย่างไร?”
โหวชิ่งหยางถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าฮูหยินของข้าจะต้องทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าไม่พอใจเป็นแน่ เจ้าถึงได้วางยาพิษนาง ฆ่านางตายเช่นนี้!”
“ฮูหยินปฏิบัติดีกับข้ามาโดยตลอด ข้าไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไปทำร้ายนางเลยสักนิด!”
“นี่เจ้ากำลังแก้ตัวอยู่!”
“พี่สาว ข้าขอร้องล่ะ อย่าสร้างความวุ่นวายอีกเลย รีบปล่อยท่านโหวเสียเถิด” ซูชิงอวี่ทำท่าทางเหมือนน้องสาวที่รักพี่สาวมาก “หากเจ้าไม่ได้คิดถึงตัวเอง แต่เจ้าควรจะคิดถึงตระกูลซูเข้าไว้อย่าทำผิดพลาดซ้ำเช่นเดิมครั้งแล้วครั้งเล่าอีกเลย”
“ท่านโหว ข้าไม่ได้ฆ่าฮูหยินจริง ๆ นะ” ซูชิงหลีสงบสติอารมณ์และพูดขึ้นมาอีกว่า “ฮูหยินปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี ข้าไม่มีทางปล่อยให้ฆาตกรลอยนวลไปได้อย่างแน่นอน”
“เจ้านั่นแหละที่เป็นฆาตกร!” โหวชิ่งหยางตะโกนขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้
“ท่านโหว ให้เวลาข้าสามชั่วยาม ถ้าข้าไม่สามารถหาฆาตกรได้ ข้าจะยอมให้ท่านโหวจัดการได้เลย”
“เจ้าอยากจะตามหาฆาตกรเสียที่ไหนกันเล่า เจ้าแค่อยากจะชะลอเวลาออกไปเสียมากกว่า เพื่อที่จะได้หาโอกาสหลบหนีไปเสียมากกว่า!” สวีเอ๋อร์สาวใช้ของจวนโหว พูดขึ้นอย่างดุเดือดว่า “เจ้าฆ่าท่านฮูหยินของพวกข้าตาย ยังจะกล้าจับท่านโหวเป็นตัวประกันอีก ฝ่าบาทจะต้องเอาความผิดกับตระกูลซูอย่างแน่นอน!”
“ซูชิงหลี หากเจ้ายอมมอบตัวตอนนี้ ข้าจะไม่พาลโกรธแค้นตระกูลซูแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้น...…” โหวชิ่งหยางกัดฟันกรอด เขาถูกเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จับตัวไว้เป็นประกันเอาไว้เสียได้ เรื่องนี่นับว่าเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!
ซูชิงหลีจับโหวชิ่งหยางไว้เป็นตัวประกันและเผชิญหน้ากับทุกคน แต่โหวชิ่งหยางกลับไม่เชื่อนาง ส่วนซูชิงอวี่ก็เคียดแค้นอยากจะให้นางตายที่นี่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป สถานที่ตรงนี้มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก จะไม่มีใครสามารถช่วยนางได้สักคนเชียวหรือ
ทันใดนั้น ซูชิงหลีก็จ้องมองไปยังคนที่นั่งอยู่ในศาลาซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมดิ้นทองตัวสีดำ รอบตัวของเขาล้อมรอบไปด้วยมวลอากาศอันเย็นยะเยือกที่บ่งบอกทุกคนว่าอย่าเข้ามาใกล้ ส่วนสิ่งที่ดึงดูดนาง นั่นก็คือดวงตาสีม่วงที่สวยงามคู่นั้นของเขานั่นเอง