ในฐานะผู้ช่วยธรรมดา การส่งข้อความหาซีอีโอในกลางดึกเพื่อขอภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ถือเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญ สุดท้ายฉวี่ชิงฮวนไม่ได้รับภาพยนตร์ใดๆ ทว่าซีอีโอตอบกลับว่า แม้ว่าเขาไม่มีภาพยนตร์ที่จะแบ่งปันให้ แต่เขาสามารถเสนอการสาธิตสดด้วยตนเองได้ หลังจากคืนที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ฉวี่ชิงฮวนเตรียมตัวถูกไล่ออกแล้ว แต่เจ้านายกลับเสนอว่า "แต่งงานกับผมเถอะ ลองคิดพิจารณาด้วย" "คุณฟู่ คุณล้อเล่นกับฉันใช่ไหม"
“คุณเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนไหม”
ตกกลางคืน สวี่ชิงฮวนที่ออกไปทำงานต่างถิ่นแล้วก็ดื่มไปนิดหน่อย เดิมทีควรจะนอนหลับไปแล้ว แต่ทันทีที่หลับตาลง คำพูดของฟู่เจียเจีย เพื่อนสนิทที่สุดของเธอก็เริ่มเล่นวนซ้ำไปซ้ำมาทั่วทุกสารทิศในหัวสมอง
“ความรู้สึกแบบนั้นไม่อาจบรรยายได้ด้วยคำว่า ฟิน แค่คำเดียวได้เลยนะคะ เธอรีบไปหาหนุ่มหล่อสักคนเพื่อที่จะได้ลิ้มรสความรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ที่อายุยังน้อยเถอะ! ถ้าเกิดหาไม่เจอจริง ๆ ก็เรียนรู้ที่จะทำมันด้วยตัวเองซะเลย ไม่ต้องเขินอาย เพื่อนอย่างฉันเนี่ยไม่ว่าหนังแบบไหนฉันก็มีทั้งหมดแหละ ช่วยเปิดโลกใบใหม่ให้กับเธอได้นะ!”
ในตอนนั้นตัวเองตอบเธอกลับไปว่าอะไรนะ
จำไม่ได้แล้ว
สวี่ชิงฮวนนอนอบู่บนเตียงของโรงแรม ความเมาทำให้ใบหน้าที่สวยละเอียดอ่อนของเธอเริ่มแดงระเรื่อ ผมยาวสลวยหนาราวกับสาหร่ายแผ่สยายออกมา...
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือนตัวเองก็จะยี่สิบหกปีเต็มแล้ว เป็นผู้หญิงเต็มตัวมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย จูบแรกก็ยังไม่ได้เสียไป เรื่องอย่างว่าก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมากขึ้นไปอีก
อันที่จริงฟู่เจียเจียเองก็ไม่ได้พูดเป็นครั้งแรก ถึงขนาดที่เอาแต่เล่นมุขลามกอยู่ทุกวันเลย แต่วันนี้ กลับกระตุ้นความปรารถนาทางร่างกายของตัวเองโดยที่ไม่คาดคิด แอลกอฮอล์แผดเผาเธอจนนอนไม่หลับ!
สวี่ชิงฮวนพลิกตัว ยังคงรู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างมันพร้อมที่จะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ เธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นมานั่ง
เธอเลียริมฝีปากที่แห้งกร้านอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เนื่องจากว่าถอดคอนเทคเลนส์แล้วก็ดื่มไวน์ไปค่อนข้างเยอะ ทำให้มองหน้าจอไม่ค่อยชัดมาก เธอมองวีแชทที่หมายเหตุเอาไว้ ซึ่งคำแรกคือคำว่า ฟู่ แล้วก็กดเข้าไป
[ส่งหนังโป๊มาสักสองสามเรื่องซิ ฉันอยากจะดู ]
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่แค่ส่งเครื่องหมายคำถามมาให้อย่างเดียว
สวี่ชิงฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย อาศัยความเมามายทำให้กล้าที่จะล้อเล่นมากขึ้น [หยุดแกล้งมึนได้แล้ว! ผู้ชายกับหนังโป๊ เธอเลือกมาสักอย่างแล้วส่งมาซะ ฉันอยู่ที่ห้อง 1501~]
สุดท้าย เธอยังไม่ลืมเพิ่มรูปอิโมจิปากสีแดงไว้ที่ประโยคสุดท้ายไปหนึ่งอัน
หลังจากที่ส่งข้อความออกไป สวี่ชิงฮวนก็รออยู่นานสองนาน ทว่าทางนั้นก็ไม่ได้ตอบข้อความกลับมาสักที ขณะที่กำลังจะประคองตัวเองลุกขึ้นมา คิดที่จะลงจากเตียงไปดื่มน้ำสักคำ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นมาแล้ว
เธอเดินตรงเข้าไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงยังไงฟู่เจียเจียก็ไม่สามารถส่งผู้ชายมากลางดึกกลางดื่นได้หรอกมั้ง!
ทันทีที่ประตูเปิดออก สวี่ชิงฮวนก็สร่างเมาขึ้นมาไม่น้อยแล้ว
“คุณ... คุณฟู่”
เขาดูเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีหยดน้ำเกาะที่ผมอย่างเห็นได้ชัด สวมเสื้อนอนผ้าไหมสีดำ เนื่องจากว่าสายมัดหลวม สามารถมองเห็นตัวเลขสีดำสองสามตัวที่สักอยู่บนกระดูกไหปลาร้าที่บุ๋มลงไปได้อย่างชัดเจน
เลื่อนลงมาข้างล่างอีกนิด เผยให้เห็นถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องคดเคี้ยวและแผ่ขยาย สุดท้ายก็จางหายไปในลายเส้นตัววี
เนื่องจากว่าร่างกายสูงใหญ่เกินไป แทบจะบดบังประตูเอาไว้จนมิด ใบหน้าหล่อเหลาที่ลุ่มลึกจมดิ่งอยู่ในความมืด ดวงตาไม่ได้เย็นชาและเหินห่างเหมือนปกติ ราวกับสัตว์ป่าที่จำศีลมาเป็นเวลานาน กำลังเพ่งเล็งเหยื่อของตัวเองตาเขม็งอยู่
“คุณมาหาฉัน... อื้อ!”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็รู้สึกว่าท้ายทอยของตัวเองถูกสองมือใหญ่ ๆ คู่หนึ่งล็อคเอาไว้แน่น จากนั้นเสียงที่เหลืออยู่ทั้งหมดก็ถูกช่วงชิงไป
สวี่ชิงฮวนเองก็ได้ลิ้มลองรสชาติแอลกอฮอล์ที่มาจากปากของเขาเช่นกัน ทว่ามันไม่เหมือนกับของตัวเอง แต่กลับผสมผสานเข้าด้วยกัน
หลังจากที่วิงเวียนศีรษะไปชั่วขณะ เธอก็ถูกกดทับลงบนเตียง ชุดนอนสีขาวผสมปนเปกับสีดำนั้น แค่มองก็จะทำให้คนได้จินตนาการอะไรไปต่าง ๆ นานาแล้ว ส่วนในห้องก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์
ฟู่เหยี้ยนฉือดื่มจนเมาแล้วอย่างเห็นได้ชัด ไม่อย่างนั้นท่านประธานแห่งกลุ่มธุรกิจการเงินเชิ่งฉือที่แสนสูงส่งและสง่างามจะวิ่งแจ้นมาในห้องผู้ช่วยธรรมดาอย่างตัวเองได้ยังไง
หลังจากที่ดิ้นรนขัดขืนไปเล็กน้อย สวี่ชิงฮวนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน คิด ๆ ดูแล้ว อันที่จริง... การที่มอบครั้งแรกของตัวเองให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังมีอำนาจแบบเขา มันถือว่าไม่ขาดทุนเหมือนกัน!
ถึงยังไงเขาก็ไม่มีทางจำได้ว่าเธอคือใคร เหมือนกับเขาจำตัวเธอไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นเพื่อนในสมัยมัธยมต้นของเขา ถึงขนาดที่พวกเขายังเคยเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะกันมาเกือบหนึ่งปีแล้วด้วยซ้ำ
เป็นคู่นอนเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น แม้จะเป็นถึงหัวหน้าของเธอ แต่เมื่ออยู่ที่บริษัทก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากับเขาเลยด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานภาพของตัวเอง ระดับต่ำถึงขั้นที่วันรุ่งขึ้นตัวเองไปบอกว่าหลับนอนกับฟู่เหยี้ยนฉือแล้ว ก็ไม่มีคนจะเชื่อเลย
หลังจากที่คิดพิจารณาสองสามวินาที เธอก็รวบรวมความกล้ายกมือขึ้นมากอดคอของเขาในท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาจากข้างนอกหน้าต่าง ...
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”