ดูเหมือนว่าอุปสรรคของนางจะเป็นเพราะโชคชะตาขีดลิขิต ทว่าซูฮวาก็ยังคงหวังว่าจะสามารถหลบหนีไปให้จงได้...
------
เขาเป็นถึงองค์ราชาพยัคฆ์ผู้เก็บซ่อนโฉมหน้าเอาไว้ในหน้ากากทองคำล้ำค่า แต่เพราะถูกสาปให้เป็นปีศาจพยัคฆ์ จะคืนร่างมนุษย์ได้วันละ 2ชั่วยามเท่านั้น
เหตุเกิดมาจากหินมรกต ที่เขาหยิบเอามาจากเผ่าปีศาจเสือโดยพละการ เมื่อครั้งที่ได้ออกไปล่าสัตว์
เพราะหินก้อนนี้ ทำให้เขาต้องคำสาป แต่เขาก็ไม่กล้าขว้างมันทิ้งเพราะกลัวว่าจะคืนร่างเดิมไม่ได้อีก
ทำให้ต้องทนอยู่กับมันมานานเป็นสิบปี ด้วยความเกลียดชัง
ผ่านความทุกข์ทรมานมาแรมปี ... แต่แล้วคืนหนึ่งในขณะที่ร่างกำลังจะคืนสู่ฐานะเดิม ก็ได้เกิดนิมิตรประหลาด
ในฝันนั้น...ปรากฏเป็นภาพของดาวหางสีแดงประหลาด พุ่งตรงลงมาจากท้องฟ้า
หล่นใส่หน้าอกหนาของเขา จนทำให้ได้รับความเจ็บปวด และหินมรกตก็แตกหักกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ
อีกทั้งหน้ากากทองคำของเขาก็ร่วงหล่น เพียงแต่ร่างของเขาก็ไม่ต้องทนรับความเปลี่ยนแปลงอันน่าอัปยศอดสูอีกเลย
สตรีนางนั้นสวมชุดสีขาวราวกับดาวหาง ใบหน้าของนาง ทำให้เขาไม่อาจละเลยไปได้
..........................................................................................................................................
ชื่อเรื่อง ข้าอยู่เหนือราชาพยัคฆ์
ผู้เขียน 昌 ชาง
ภาพปก สำเร็จbyrut
จัดทำเผยแพร่ครั้งแรก สิงหาคม พ.ศ. 2566
สงวนลิขสิทธิ์
สงวนสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ห้ามลอกเลียนแบบ และ/หรือ ดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหาในหนังสืออีเล็กทรอนิกส์เล่มนี้ ในทุกๆ กรณี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเองเป็นลายลักษณ์อักษร
เนื้อหาทั้งหมดในเล่ม
ผู้เขียนสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาลบหลู่หรือพาดพิงถึงผู้ใด และ/หาก มีถ้อยคำหรือประโยคใด ทำให้ผู้อ่านไม่พึงใจ โปรดละเว้นและเข้าใจด้วยว่า ผู้เขียนมิได้มีความตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น
เนื้อหา ทุกบรรทัด ผู้เขียนมิได้อ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ใด และย้ำว่า แต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น บางช่วงบางตอนอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลกันไปบ้าง ผู้เขียนต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี่
เช่นนั้นแล้ว ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่านนะเจ้าคะ
ขอบพระคุณค่ะ (ไหว้งามๆ)
...........................................................................................................................
***สปอยส์เนื้อหาบางส่วน***
หน้ากากสีทองร่วงหลุดออกจากใบหน้าหยก ปรากฏเป็นผิวหน้าสีแดงก่ำ แม้แต่ริมฝีปากหยักได้รูป ก็เปลี่ยนเป็นสีราวกับลูกท้อสุกปลั่ง
ราวกับเกิดแรงดึงดูดบางอย่าง ให้ดวงตาของทั้งสองต้องมองสบประสานกัน
เวลานั้นทุกสิ่งคล้ายกับกำลังหยุดการเคลื่อนไหว
อันโหรวยิ้มหยัน “เจ้าคงกำลังนึกเวทนาในตัวข้า”
ซูฮวาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดของนางกลับไม่ดังเท่าการกระทำ ใบหน้าสวยโน้มตัวลงชิดใกล้ ประทับจุมพิตหวานล้ำนิ่งนานตรงปากนุ่มยุ่น
ดวงตาคมกล้าเบิกกว้างขึ้น ราวกับมิสามารถชิงให้ปิดตัวลงได้ทัน ความตกใจระคน ยินดี เกิดขึ้นพร้อมๆ กันจนไม่อาจแยกแยะ
เมื่อรู้สึกได้ว่าอาการคุ้มคลั่งเมื่อครู่จะอยู่ในความนิ่งสงบ ซูฮวาจึงถอนริมฝีปากอวบอิ่มของนาง ถอยออกมาเตรียมความพร้อมห่างอยู่ในระยะหนึ่ง
“ท่าน....เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เจ้า...เหตุใดจึงกล้าทำตัวบุ่มบ่ามเช่นนี้”
“ข้าเพียงแต่จะชะ ช่วย...”
เสียงเล็กหวาน ถูกช่วงชิงคำพูดด้วยลิ้นอุ่นร้อนที่รุกรานเข้าไปตวัดรัดรึงอยู่ภายในช่องปากอุ่น
เวลานี้ซูฮวากลับเป็นฝ่ายตะลึงงันจนมือไม้สั่นเสียเอง ความรู้สึกร้อนวูบวาบเลื่อนไต่ลงมาบริเวณท้องน้อย บางอย่างไหลออกมาจากภายใน จนร่องกลางระหว่างพฤกษาสวยเต็มไปด้วยความเปียกแฉะ
เพียงแต่ว่า....จุมพิตนั้นเนิ่นนาน ราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด ราวกับวิญญาณในร่างของนางกำลังถูกสูบออก เรียวปากอุ่นร้อนบดขยี้หมุนไปมาราวกับว่าต้องการให้ปากเล็กบางของนางละลายหายกลืนไป
*-------------------*