เดิมทีถังเฟินเป็นยอดทหารระดับ S แต่เพื่อความก้าวหน้าของตนเองเขาเลือกที่ผนึกตัวเองก่อน ด้วยบุณคุณข้าวสารหนึ่งจาม เขายอมแต่งงานเข้าครอบครัวฝ่ายหญิง หลังจากให้การสนับสนุนอย่างลับๆ มาสามปี ตระกูลจ้าวก็กลายเป็นครอบครัวระดับแนวหน้า แต่พวกเขาปฏิบัติต่อลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิงอย่างเขาด้วยท่าทีดูถูก และทำให้เขาอัปยศอดสู หลังจากปลดผนึกแล้ว เขาก็กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และเก้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต มาคอยดูว่าคนที่ที่เคยดูถูกเขานั้นจะคุกเข่าร้องขอความเมตตากับเขายังไง
ณ เมืองหนานอวิ๋น
ตระกูลจ้าวเหมาโรงแรมเจริญเพื่อที่จะจัดงานเลี้ยง มีรถหรูมากมายหลายคันจอดอยู่เต็มลานจอดรถ เหล่าบรรดาแขกมากมายต่างทยอยกันเข้าไปแสดงความยินดี
ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาตระกูลจ้าวได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากตระกูลเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จัก ยกระดับตัวเองได้เป็นหนึ่งในสิบตระกูลยักษ์ใหญ่ของเมือง นับได้ว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวยแล้ว
คืนนี้ พวกเขาจะสร้างพันธมิตรกับตระกูลหลี่ ผนึกกำลังกัน เพื่ออนาคตอันไร้ขีดจำกัด
จ้าวหยิงหยิงใส่ชุดราตรีสีขาว สวมรองเท้าส้นสูงสีแดง เผยให้เห็นเรือนร่างสะสวยอย่างสุดขีด เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสูงส่งและสง่างาม
เมื่อสามปีก่อน ถังเฟิงพบเจอกับจ้าวหยิงหยิงโดยบังเอิญ เนื่องจากความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานกับตระกูลจ้าว และแอบช่วยเหลืออย่างลับ ๆ สิ่งนี้ทำให้ตระกูลจ้าวรุ่งเรืองโชติช่วงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแบบทุกวันนี้ ถังเฟิงที่ยืนอยู่ข้างเธอในเวลานี้ก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรว่าตระกูลจ้าวกำลังวางแผนจะกินบนเรือนขี้บนหลังคา
เมื่อเห็นเหล่าบรรดาแขกมากันพอสมควรแล้ว จ้าวติงเทียน ผู้นำตระกูลจ้าวก็เชิญให้ทุกคนทยอยกันนั่งลง
ทันทีที่ถังเฟิงนั่งลง สีหน้าของจ้าวติงเทียนก็เคร่งขรึมแล้วก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนว่า “ถังเฟิง ไม่อนุญาตให้ลูกเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิงนั่งร่วม ทำไม ลืมกฎระเบียบไปแล้วเหรอ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังเฟิงก็กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในทันที
คนจำนวนไม่น้อยเริ่มพากันซุบซิบนินทา พวกเขาดูมีสีหน้าเหน็บแหนม บางคนถึงกับหยิบโทรศัพท์ออกมาแอบบันทึกวิดีโอไว้ด้วย ต่างกำลังรอดูอะไรสนุก ๆ
คิ้วของถังเฟิงขยับเขยื้อน
ตลอดสามปีที่ผ่านมา ตระกูลจ้าวพัฒนาก้าวหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาก็เริ่มรังเกียจเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้กฎระเบียบที่แสนอัปยศอดสูนี้จึงถูกตั้งขึ้น
แต่ว่า ถึงแม้ว่าตอนอยู่ที่บ้านก่อนหน้านี้ถังเฟิงจะไม่นั่งร่วมโต๊ะหลักได้ แต่อย่างน้อยตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงสาธารณะข้างนอกก็ไม่ได้เป็นเหมือนตอนนี้
จู่ ๆ วันนี้จ้าวติงเทียนก็สร้างความลำบากใจขึ้นมา ถังเฟิงรู้สึกได้ถึงพิรุธบางอย่างแล้ว
“พ่อ งานในวันนี้พวกเรา...”
ยังพูดไม่ทันจบ จ้าวตง น้องชายแท้ ๆ ของจ้าวหยิงหยิงก็ขัดจังหวะขึ้นมาอย่างหยาบคาย “พี่เองก็รู้ว่านี่มันคืองานอะไร ปกติแล้วตอนอยู่ที่บ้านก็เชื่อฟังว่านอนสอนง่ายเหมือนกับหมาปั๊ก แล้วทำไมวันนี้พอมีคนที่มีหน้ามีตามากันมากมายขนาดนี้ จู่ ๆ ก็อยากจะเสแสร้งขึ้นมาแล้วล่ะ อยากจะอวดให้ตัวเองดูมีสถานภาพที่สูงส่งเหมือนกันงั้นเหรอ หืม”
จ้าวตงเป็นคนนิสัยโอหังอวดดี ปกติแล้วก็ชอบก่อปัญหามากมาย ล้วนแต่เป็นเพราะถังเฟิงแอบช่วยเหลืออย่างลับ ๆ ทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาก็คงจะถูกฆ่าตายไปตั้งนานแล้ว
หลิวซู่อวิ๋น แม่จ้าวชักสีหน้า สบถหึออกมาอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับพูดเหน็บแนมว่า “ถังเฟิง ถ้าในตอนนั้นหยิงหยิงไม่ได้รับนายมาเลี้ยงดูเนื่องจากความสงสาร นายจะมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้เหรอ ตอนนี้ตระกูลจ้าวของฉันโดดเด่นอย่างมากในเมืองหนานอวิ๋น นายก็ควรจะวางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งของตัวเอง หยุดมาทำตัวไร้ยางอายที่นี่ได้แล้ว”
จ้าวตงรีบพยักหน้าพูดขึ้นมาทันที “พูดถูก! แม้แค่เลี้ยงหมา หมายังรู้จักตอบแทนบุญคุณเจ้าของเลย คนไร้ประโยชน์แบบพี่มีแต่จะลากให้ตระกูลจ้าวของพวกเราพลอยเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้น ทำไมถึงไร้ยางอายขนาดนี้กันนะ”
โดดเด่นอย่างนั้นเหรอ
วางตัวให้เหมาะสมกับตำแหน่งงั้นเหรอ
ลากให้ตระกูลจ้าวพลอยเดือดร้อนไปด้วยงั้นเหรอ
เหอะ
ถังเฟิงอดขำไม่ไหว
เดิมทีเขาเป็นยอดทหาร ผ่านระดับ A B C D จนถึงระดับ S ที่แทบจะไม่มีใครทำถึงได้มาแล้ว
นี่ก็เป็นเพราะว่าเขานั้นแตกต่างจากคนทั่วไปตั้งแต่กำเนิด มีพลังวิเศษอยู่ในร่างกาย พละกำลังมหาศาล กลไลการทำงานของร่างกายอยู่เหนือหลักวิทยาศาสตร์
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังก่อตั้งพรรคเทียนเหิง สหภาพทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงอีกด้วย ในอดีต นั่นมันถือเป็นการดำรงอยู่ระดับมหาอำนาจเลยก็ว่าได้ในทั้งใต้หล้า
เพียงแต่เนื่องจากเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่สามารถบรรลุระดับS+ได้ เขาถึงได้ปิดผนึกตัวเองไปเป็นเวลาสามปี แล้วก็เพื่อที่จะทำความเข้าใจกับพลังวิเศษนั่นในร่างกายของตัวเองให้กระจ่างด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงยุบพรรคเทียนเหิงแล้วกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเพื่อที่จะลงหลักปักฐาน
อีกสามวัน เขาก็จะถูกปลดผนึกแล้ว ถึงตอนนั้นตระกูลจ้าวก็จะรู้ว่าเขาเป็นการดำรงอยู่แบบไหน
แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีบุญวาสนานี้แล้ว
เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของถังเฟิง จ้าวติงเทียนเบิกตากว้างและพูดต่อว่าด้วยความโมโห “ถังเฟิง! นี่มันท่าทีอะไรกัน กำลังหัวเราะพวกเราอยู่งั้นเหรอ”
ถังเฟิงไม่แยแสสนใจต่อคำถามของเขา ถึงขนาดที่ขี้เกียจจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับคนกลุ่มนี้แล้วด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือท่าทีของจ้าวหยิงหยิง แต่เวลานี้พอหันไปหาจ้าวหยิงหยิง เธอกลับไม่พูดอะไรทั้งนั้น ท่าทางแบบนี้มันเทียบเท่ากับการยอมรับไปโดยปริยาย ทำให้ถังเฟิงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก
“หยิงหยิง คุณเองก็คิดแบบนี้เหมือนกันเหรอ” ถังเฟิงถามขึ้นมาอย่างไม่ยอมตัดใจ
ใครจะไปรู้ว่าจ้าวหยิงหยิงจะสาธยายออกมาอย่างยาวเฟื้อยด้วยถ้อยคำที่ชอบธรรม
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ