เรื่องราวความรักของทั้งห้าคู่ ที่มีอุปสรรค ที่เรียกว่าความฝันของแต่ละคน มาขวางกั้น เกิดเป็นความรัก ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ด้วยเส้นเรื่องของแต่ละคู่ ที่มีรสชาติที่แตกต่างกับอุปสรรค ที่ไม่เหมือนกัน
เรื่องราวความรักของทั้งห้าคู่ ที่มีอุปสรรค ที่เรียกว่าความฝันของแต่ละคน มาขวางกั้น เกิดเป็นความรัก ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ด้วยเส้นเรื่องของแต่ละคู่ ที่มีรสชาติที่แตกต่างกับอุปสรรค ที่ไม่เหมือนกัน
บทนำ
00
สามปีก่อนหน้านี้
“ฟ้าเสร็จหรือยังลูก”
“ค่ะ เสร็จแล้ว”
เสียงหวานจากคนเป็นเจ้าของฉันเอ่ยปากตอบกลับคนมีศักดิ์เป็นแม่ขึ้นมา พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังก้องของหญิงวัยยี่สิบปีวิ่งลงจากบันไดบ้าน เสียงของมีศักดิ์เป็นแม่เอ่ยปากเธอเสียงดุเล็กน้อย
“เดียวสิลูกวิ่งลงบันไดเสียงดัง”
“รบกวนผีบ้านผีเรือน”
“ขอโทษค่าาา ก็หนูรีบนี่นา”
“อีกเดียวพี่เจ้าขุนก็จะมารับแล้วด้วย”
เธอเอ่ยปากบอกคนมีศักดิ์เป็นแม่เสียงหวานวิ่งไปหยิบแซมวิซมื้อเช้า ที่คนเป็นแม่ทำไว้ให้เข้าปาก วิ่งออกไปสวมร้องเท้าคู่โปรดของตัวเองพอดีกับที่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อที่เธอเอ่ยถึง เลี้ยวเขามาจอดหน้าประตูทางเข้าบ้านของหญิงสาวทันทีพร้อมรอยยิ้มละมุน มองมาที่หญิงสาวคนรักของตัวเอง เดินเข้ามารับหญิงสาวที่ยืนรอรับ ตัวเองอยู่หน้าบ้านพร้อมกับคนเป็นแม่
“สวัสดีครับ คุณแม่”
“จ้า มารับลูกสาวแม่ใช้ไหมลูก”
“ไปเที่ยวกันให้สนุกนะจ้ะ”
“แม่ฝากลูกสาวแม่ด้วย”
คนเป็นแม่บอกกับชายหนุ่มขึ้นมาพร้องรอยยิ้ม ชายหนุ่มยิ้มรับพยักหน้าให้กลับคนอายุมากกว่าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวคนรักของตัวเองขึ้นมา พร้อมรอยยิ้มละมุน
“พร้อมหรือยังครับ สาวน้อย”
ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวคนรักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ยกมือหนาของตัวเองไปตรงหน้าหญิง ยิ้มให้กับคนเป็นแม่ของหญิงสาวเป็นการขออนุญาต
คนเป็นแม่ยิ้มรับพยักเบาๆเป็นการอนุญาตลูกสาวตัวเองเล็กน้อยก่อนที่หญิงสาวจะวางมือลงบนมือหนาเบาๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะพากันเดินไปที่รถ ของชายหนุ่ม ขับเคลื่อนออกจากหน้าบ้านของหญิงสาว
“อ่าว ยัยฟ้า ไปแล้วเหรอค่ะ”
เสียงหวานจากคนเป็นพี่สาวเอ่ยปากถามคนเป็นแม่ของตัวเองขึ้นพร้อมรอยยิ้มในชุดนอนครบชุด คนเป็นแม่พยักหน้าให้กับลูกสาวคนโตของตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปากบอกกับลูกสาวคนโตของตัวเอง
“ลูกเอง ว่าก็ว่าเถอะ”
“ใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้วไม่ใช้เหรอจ้ะ”
“รีบไปอาบน้ำได้แล้ว”
“เดียวไม่ทันขึ้นเครื่องนะ”
“จริงด้วย”
“เสียดายจัง”
“อย่างเจอหน้าแฟนยัยฟ้าสักครั้ง”
อิงดาวเอ่ยปากบอกกับคนเป็นแม่ขึ้นมาอย่างเสียดาย ก่อนที่หญิงสาวจะจำใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเองอาบน้ำอาบท่าให้เรียบร้อยก่อนจะกลับลงมาด้านล่างอีกครั้ง พร้อมกับกระเป๋าเดินทางของตัวเองหอมแก้มของคนเป็นแม่หนึ่งที หยิบแซมวิซติดมือตัวเองหนึ่งชิ้นเดินออกจากบ้านของตัวเองไปขึ้นรถของคนรักของตัวเองเดินทางไปที่สนามบิน
“ฟ้า อยากไปไหนอีกหรือเปล่าค่ะ”
เสียงของพี่เจ้าขุนเอ่ยปากถามฉันที่กำลังเลือกซื้อเครื่องเขียนของตัวเองขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม ฉันส่ายหัวเบาๆเป็นการตอบคำถามของคนอายุมากกว่า
ก่อนเอ่ยปากถามคนอายุมากกว่าขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มวางเครื่องเขียนที่อยู่ในมือตัวเองลงยกมือบางจับที่หน้าของคนอายุมากกว่า
“พี่นั้นแหละ เป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ มาเที่ยวกับฟ้าไม่สนุกเหรอค่ะ”
“เห็นทำหน้าซีเรียจทั้งวันเลย พี่มีอะไรบอกฟ้าได้นะคะ พี่เจ้าขุน”
สิ้นประโยคดังกล่าวของฉันคนอายุมากกว่าจับมือฉันแนบกับแก้มตัวเองเบาๆก้มลงหอมที่หลังมือของฉันเล็กน้อยก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมา
“ฟ้า หลายวันก่อน…”
“ก็ไปสิค่ะ ความฝันพี่ไม่ใช้เหรอ”
“พี่ไปเถอะ”
“ฟ้าโอเค”
“ความฝันพี่ ฟ้าเต็มใจให้พี่ไปค่ะ”
“พี่ไปเถอะนะค่ะ”
“ฟ้าจะค่อยซัพพอร์ทพี่อยู่ตรงนี้”
“พยายามเข้านะคะ”
“ฟ้าเองก็มีความฝันของฟ้า พี่เองก็มีความฝันของพี่ฟ้ากับพี่มีความฝันที่แตกต่าง แม้จะต้องแยกจากกัน ในวันนี้ ไม่ใช้ว่าอนาคตความฝันของเราทั้งสองคนจะไม่มาบรรจบกันนะคะ”
ฉันเอ่ยปากบอกกับคนอายุมากขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม จับแก้มของคนอายุมากกว่าอีกครั้ง ยิ้มให้กับคนอายุมากกว่า คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับคำทั้งน้ำตา
“คบกับพี่มาตั้งหลายปี เพิ่มรู้นะคะเนี่ย ว่าพี่เจ้าขุนของฟ้าขี้แย ขนาดนี้ ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เจ้าขุนจะเป็นของฟ้าแค่คนเดียวแล้วมาเก็บความทรงจำครั้งสุดท้ายด้วยกันดีกว่านะคะ”
“จะได้จากลากันด้วยดี รอวันที่เส้นทางของพี่กับฟ้าโคจรกลับพบกัน ถึงตอนนั้นเราค่อยกลับมาคบกันอีกครั้งก็ได้”
“ถ้าความรู้สึกของพี่ที่มีให้ฟ้า ยังเหมือนเดิม”
แม้ปากของฉันจะพูดแบบนั้นกับคนอายุมากกว่า แต่แล้วในใจลึกๆของฉันก็ยังคงหวัง หวังว่าในอนาคตหน้าความรู้สึกของพี่เจ้าขุนที่มีให้ฉันยังคงเหมือนเดิม แม้เพียงแค่นิดเดียวก็ยังดี
“เดินทางปลอดภัยนะคะ”
ฉันเอ่ยปากพูดบอกคนตรงหน้าเสียงแผ่วเบา แต่ก็เบาไม่มากพอที่เจ้าขุนจะไม่ได้ยิน พร้อมหยดน้ำตาของฉันที่หยดลงมาลงบนหลังมือของพี่เจ้าขุน จนพี่เจ้าขุนจับสังเกตได้
“ร้องไห้เหรอครับ”
เสียงอ่อนโยนจากพี่เจ้าขุนถามฉันขึ้นมาก่อนที่พี่เจ้าขุนจะยกมือหนาของตัวเองขึ้นเช็คน้ำตาให้กับฉันอย่างเบามือ
รอยยิ้มอ่อนโยนปรากบนใบหน้า ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากตอบปฏเสธพี่เจ้าขุนเสียงแข็ง
“ไม่ใช้สักหน่อยฝุ่นมันเข้าตาฉันตังหาก”
ส่งประโยคดังกล่าวของฉันพี่เจ้าขุนหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่พี่เจ้าขุนจะเอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมา
“ครับๆไม่ร้องฝุ่นมันเข้าตาสินะครับ”
“โอเคครับ พี่เชื่อก็ได้ครับ”
สิ้นประโยคดังกล่าวของพี่เจ้าขุน รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉัน ก่อนที่พี่เจ้าขุนจะจุงมือฉันเดินกลับไปที่รถ พร้อมกลับล้อรถที่หมุนออกจากลานจอดรถ พาฉันไปที่ไหนสักแห่ง
ล้อรถชะลอหยุดลงหน้าชายหาดขาวของที่ไหนสักแห่งพอกับแสงทอจากพระอาทิตย์ที่ตกดิน ย้อนสีท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดง จนฉันไม่อาจละสายตาจากมันได้
“สวยจัง” ^-^
“ขอบคุณนะคะ ที่พาฟ้ามาดูพระอาทิตย์ตกดินสวยแบบนี้ ฟ้าจะเก็บมันเอาไว้เป็นความทรงจำสุดท้ายระหว่างเราสองคนนะคะ จะไม่ลืมเด็ดขาด”
“ไม่ลืมแน่นอน”
“ไม่ลืม ไม่ลืม ไม่มีวันลืม”T_T
“ไม่ลืมจริงๆนะคะ ฟ้าจะไม่ลืมมันเด็ดขาด…”
ฉันเอ่ยปากบอกกับพี่เจ้าขุนขึ้นมาเสียงแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้ม มือบางเยอะขึ้นเช็คไปที่ขอบตาของตัวเองที่มีน้ำใสๆหยดลงแผ่วเบา รอจนพระอาทิตย์ตกดินหายลับจากขอบฟ้า เป็นช่วงเวลาสุดท้าย ใบหน้าของฉัน ถูกประคองด้วยมือหนาของคนอายุมากกว่า ริมฝีปากหนาบรรจบลงประดับที่หน้าผาของฉันแผ่วเบา ก่อนริมฝีปากของคนอายุมากกว่าจะคี่ยิ้มอ่อนโยนออกมา เอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมาพร้อมเสียงแผ่วเบาเป็นเสียงกระซิบ
“มะจำเอาไว้ก่อนนะครับ”
สิ้นประโยคดังกล่าวของคนอายุมากกว่า มือหนาของคนอายุมากกว่าก็หยิบสร้อยที่ร้อยด้วยแหวนสีเงินที่แกะสระเป็นอักษรย่อที่เป็นชื่อของอายุมากกว่ากับอักษรย่อชื่อของฉันพร้อมรอยยิ้ม
ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะสวมสร้อยที่แกะสระเป็นอักษรย่อ ของคนอายุมากว่าให้กับฉัน พร้อมกับส่งสร้อยอีกเส้นหนึ่งมากให้กับฉัน รอยยิ้มของคนอายุมากกว่าปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของคนตรงหน้าก่อนที่คนตรงหน้าจะเอ่ยปากบอกกฉันขึ้นมา
“ใส่ให้พี่หน่อได้ไหม”
สิ้นประโยคดังกล่าวของพี่เจ้าขุนฉันยิ้มให้กับกับคนตรงหน้าเล็กน้อนก่อนที่ฉันจะรับสร้อยเส้นนั้นมาถือไว้ ก่อนที่ฉันจะสวมมันให้กับคนตรงหน้า พร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่ฉันจะเอ่ยปากบอกกับคนตรงหน้าขึ้นมาหลังจากฉันสวมสร้อยให้คนอายุมากกว่ากว่าเสร็จ
“เสร็จล้วค่ะ เดินทางปลอดภัยบนเส้นทางของพี่นะคะ”
“ฟ้าจะอยู่ตรงนีค่อยซัพพอร์ทพี่บนเส้นทางของฟ้า”
สิ้นประโยคดังกล่าวของฉัน คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับคำพร้อมรอยยิ้มก่อนที่คนอายุมากกว่าจะเอ่ยปากบอกกับฉันขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย
“พี่จะรอวันที่เรากลับมาพบกันนะครับ”
“ถึงตอนนั้น…”
“พี่จะไม่ปล่อยมือฟ้าอีกแล้วนะครับ”
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
“ฉันก็แค่อยากช่วยเพื่อนให้ห่างจากผู้หญิงแบบเธอ” “ผู้หญิงแบบฉันมันเป็นยังไง” “ก็อยากได้ผัวของคนอื่นไง!!!”
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน ……………………………………………… เช็ดท่อนบนเสร็จเนื้อนวลก็เตรียมถอดชิ้นล่างที่เป็นกางเกงผ้านิ่มขายาว มือเล็กกำลังจับขอบกางเกงเตรียมจะถอดออก หมับ! แต่ก็มีมือใหญ่มายึดไว้อีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา “หย่า!” เด็กอะไรแก่แดดขนาดนี้ ไม่รู้จักอายผีอายสาง กลางวันแสก ๆ ยังจะแก้ผ้าผู้ชาย ถึงปู่กับย่าจะไม่ค่อยมีเวลาอบรมบ่มนิสัยให้รักนวลสงวนตัวแต่เธอก็น่าจะคิดเองเป็นบ้าง หรือเธอเป็นเด็กใจแตกถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เช่นเดิมเนื้อนวลไม่ได้สนใจ เพราะกลิ่นตัวของเขาที่โชยเข้าจมูกเธอคิดว่าน่าจะเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เช็ดตัว เพราะเท่าที่เนื้อนวลเข้ามารับใช้เขาไม่กี่วัน สุรเชษฐ์ก็ไล่เธอท่าเดียว แต่อย่าหวังว่าเนื้อนวลคนนี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ “ถ้าอายก็หลับตา” เนื้อนวลพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ มือข้างหนึ่งจับสะโพกเขายกขึ้นมืออีกข้างดึงกางเกงนอกลงมาจนสุดปลายเท้าตามด้วยกางเกงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบาของตัวเองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว เมื่อนั้นแหละสุรเชษฐ์จึงนอนแน่นิ่งปิดเปลือกตาแน่น ร่างใหญ่แข็งทื่อไปทั้งตัว จากที่ไม่รู้สึกแค่ฝั่งขวาตอนนี้เหมือนจะชาไปทุกสัดส่วนบนร่างกาย ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY