“ช่างน่าตลกสิ้นดี ในโลกใบนี้ไม่ว่าข้าจะต้องการสิ่งใด ข้าจะต้องได้มันเท่านั้น ไม่มีอะไรที่ไม่ได้”
มือที่หยาบกร้านและเห็นข้อนิ้วอย่างชัดเจนทั้งสองข้างของชายคนนั้นล่วงเข้าไปเสื้อผ้าของนาง แล้วก็จับเข้าที่เนื้อหน้าอกนุ่ม ๆ ของนางอย่างรุนแรง จากนั้นก็ทำการขยำมันอย่างมันส์มือ
“อย่า…… อย่ามาแตะต้องข้า” เฉียวชูเยว่พยายามจะหลบมือใหญ่ ๆ คู่นั้นออก แต่ด้วยความที่ตัวของนางถูกติดอยู่บนเก้าอี้ไม้ นางจึงไม่สามารถขยับได้
เอวของนางถูกชายคนนั้นใช้มืออีกข้างหนึ่งจับเอาไว้ นางพยายามบิดตัวไปมาเพื่อให้หลุดพ้นจากการควบคุมของชายคนนั้น ทว่า นางกลับไม่สามารถดิ้นให้หลุดพ้นได้เลย
ชายคนนั้นจับนางไว้กับเก้าอี้ไม้อย่างแน่น นิ้วที่หยาบกร้านของเขามีความแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มันล่วงลงมาที่ด้านล่างอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงน้ำดังขึ้นมา
ร่างกายของเฉียวชูเยว่สั่นเทาไม่หยุด นางบิดเอวไปมาอย่างแรง พยายามที่จะหนีให้พ้นจากชายคนนั้น
แต่นางกลับไม่รู้เลยว่าพฤติกรรมเช่นนี้ได้ไปกระตุ้นตัณหาของบุรุษมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเหมือนเป็นการเล่นตัวทั้งที่ใจปรารถนาอย่างไร้ยางอายอีกด้วย
สุดท้าย ชายคนนั้นก็ปล่อยมือของเขาที่กำลังขยำหน้าอกของนางอยู่ออก ตอนที่นางกำลังคิดว่าเขาคงจะปล่อยนางไปแล้ว
นิ้วของชายคนนั้นก็ล้วงเข้าไปในริมฝีปากของนาง แล้วก็คีบปลายลิ้นของนางออกมา
ภายใต้แรงที่แข็งแกร่งของชายคนนั้น ปากของนางเหมือนจะพังไปหมดแล้ว มีน้ำใส ๆ ดุจคริสตัลไหลลงมาอย่างน่าเวทนา
เฉียวชูเยว่ไม่คาดคิดเลยว่า เรื่องราวมันจะกลับกลายมาเป็นเช่นนี้ได้
เมื่อวานสามีของนางสอบผ่านและดีใจมาก เขาจึงไปดื่มเหล้ากับเพื่อนพ้อง ตกดึกก็เดินโซเซกลับบ้านมาและบอกว่าเขาเผลอไปทำร้ายผู้สูงศักดิ์จนได้รับบาดเจ็บเข้า
สามีของนางเพิ่งจะสอบผ่าน หากเวลานี้เกิดเรื่องขึ้นมา เขาอาจจะถูกลงโทษจากเบื้องบนได้ เกรงว่าเขาอาจจะเป็นจวี่เหรินไม่ได้แล้ว (*จวี่เหริน บุคคลที่สอบได้ตำแหน่งบัณฑิตระดับชุมชน)
พ่อสามีเป็นคนสำมะเลเทเมาคนหนึ่ง ไม่ค่อยจะอยู่บ้านสักเท่าไหร่ ส่วนแม่สามีก็สุขภาพไม่ค่อยจะดีนัก สามีของนางก็เป็นคนขี้ขลาด เมื่อวานนี้พอไปทำร้ายคนอื่นเสร็จ วันนี้เขาก็ไม่กล้าออกไปไหนอีกเลย
ภายใต้สภาวะที่สิ้นหวังนี้ นางจึงทำได้เพียงเตรียมของขวัญและมาขอโทษ ซึ่งนางไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่นางเข้าประตูมา นางจะถูกคนปิดตา แล้วก็กดนางลงบนเก้าอี้เพื่อปู้ยี่ปู้ยำนางเช่นนี้
อันที่จริงนางไม่ควรถูกจับได้ง่ายเช่นนี้ แต่ร่างกายของนางมันแปลกมาก จู่ ๆ ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนไม่สามารถออกแรงใด ๆ ได้เลย
“ท่านใต้เท้า ท่านหยุดเถิด ข้าขอล่ะ” นางอมนิ้วของอีกฝ่ายเอาไว้ ขณะที่พูดก็ยังสะอึกสะอื้นไปด้วยเล็กน้อย
ในไม่ช้า อีกฝ่ายก็จูบริมฝีปากของนางอย่างเผด็จการ จนนางไม่สามารถแม้แต่จะคร่ำครวญออกมาได้เลย
ลิ้นของอีกฝ่ายเย็นและหยาบกร้าน เหมือนกับมีหนามมาขูดบนลิ้นที่อ่อนนุ่มของนางอย่างไรอย่างนั้น ร่างกายของนางเริ่มอ่อนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ สมองของนางก็เริ่มวิงเวียนมากขึ้นแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นว่านางเป็นเช่นนี้ ลูกตาสีดำของชายคนนั้นก็กระชับแน่นขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ในเมื่อฮูหยินรู้ว่าข้ามีสถานะที่สูงส่ง เช่นนั้นก็ควรจะรู้ด้วยว่า การจะทำลายชื่อเสียงของบัณฑิตสักคนหนึ่ง สำหรับข้าแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก”
“ข้าไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง ถ้าอยากจะขอโทษ ก็ต้องใช้ร่างกายฮูหยินชดใช้เท่านั้น”
ปลายจมูกของชายคนนั้นถูอยู่ที่ใบหูของเฉียวชูเยว่ไปมา ครู่ต่อมา เขาก็สอดเข้าไปในร่างกายของเฉียวชูเยว่ทันที
เฉียวชูเยว่ดิ้นอย่างรุนแรง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนั้น ทุกอย่างกลับเปล่าประโยชน์ เก้าอี้เล็ก ๆ ที่กำลังรับน้ำหนักของคนสองคนส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้นมาจากน้ำหนักที่เกินจะรับไหว
เฉียวชูเยว่ร้องไห้ออกมา หัวสมองของนางมันชาไปหมด
นางไม่รู้เลยว่าตัวเองร้องไห้มานานแค่ไหน สุดท้ายนางก็เป็นลมหมดสติไป
ถึงแม้นางจะหมดสติไปแล้ว แต่การกระทำของชายคนนั้นก็ไม่ได้ปราณีขึ้นแต่อย่างใด เขากลับพานางไปที่เตียง แล้วก็ข่มขืนนางจนสาสมใจต่อ
ตอนที่เฉียวชูเยว่ตื่นขึ้นมา ผ้าสีดำที่ดวงตาของนางได้หายไปแล้ว เหลือเพียงแค่นางที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้คนเดียว
นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายเหมือนกับการลงโทษด้วยการดึงร่างออกมาเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่มุมริมฝีปากหรือที่ส่วนล่างของร่างกายต่างก็เหมือนกับถูกฉีกขาดออกทั้งสิ้น
นางลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก แล้วก็ทำการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็จัดระเบียบทรงผมอยู่ที่หน้ากระจกทองสัมฤทธิ์ในห้อง
แต่รอยแดงบนคอของนางไม่ว่านางจะพยายามใช้ปกเสื้อปิดบังอย่างไร ก็ไม่สามารถกลบรอยเอาไว้ได้เลย
นางจึงทำได้เพียงจับคอเสื้อเอาไว้แน่น แล้วก็ค่อย ๆ ผลักประตูให้เปิดออก
สาวใช้หลายคนกำลังยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นเฉียวชูเยว่ สายตาของพวกนางก็แสดงความดูถูกเหยียดหยามออกมา
สาวใช้เหล่านี้แต่งตัวเหมือนกัน แม้ว่าทุกคนจะสวมเสื้อผ้าเหมือนกัน แต่รองเท้าและเครื่องประดับของพวกนางกลับแตกต่างกันออกไป
ผู้ที่มีสถานะต่ำกว่าจะแต่งกายดูเรียบง่ายอย่างมาก ในขณะที่ผู้ที่มีสถานะสูงกว่า จะสวมกำไลหยกบนข้อมือและมีปักปิ่นหยกบนศีรษะ
คนที่โดดเด่นชัดที่สุดในหมู่พวกนาง ได้สวมสร้อยข้อมือหยกสีขาวแวววาวเอาไว้บนข้อมือ
ครอบครัวของเฉียวชูเยว่ทำการค้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นางมองเพียงแค่แวบเดียวก็รู้ได้ทันทีว่ากำไลหยกนั้นมีมูลค่า ลำพังแค่กำไลหยกของสาวใช้เพียงคนเดียวก็มีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่าของครอบครัวของนางทั้งหมดแล้ว
สาวใช้โค้งคำนับอย่างเกียจคร้านและพูดเขึ้นว่า “ข้าน้อยชื่อไป๋เสวี่ย ได้รับคำสั่งจากใต้เท้าให้มารับใช้ฮูหยินเจ้าค่ะ”
เฉียวชูเยว่รวบคอเสื้อเอาไว้ นางพยายามซ่อนตัวเองด้วยความอับอายและความโกรธแค้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋เสวี่ยก็แอบเบ้ริมฝีปาก
“ท่านใต้เท้าของพวกเรามีสถานะที่ไม่ธรรมดา การที่ได้รับใช้ท่านใต้เท้านับว่าเป็นความโชคดีของฮูหยินอย่างยิ่ง ฮูหยินอย่าไม่รู้จักชั่วดีหน่อยเลย”
ร่างกายของเฉียวชูเยว่สั่นเทาด้วยความโกรธ นางก็เป็นหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์จากครอบครัวที่ดีคนหนึ่งเช่นกัน จู่ ๆ ก็มาโดนคนปู้ยี่ปู้ยำ ยังจะให้นางเฉลิมฉลองตีฆ้องตีกลองด้วยความปิติยินดีปรีดาหรืออย่างไร?