ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ณ เมืองหยุน
ในย่านเมืองเก่า มีไฟไหม้ในบ้านของตึกเก่าหลังหนึ่ง เปลวเพลิงลุกลามไปอย่างรวดเร็วด้วยแรงลม เผาผลาญอย่างรุนแรงจนเปลวไฟและควันดำปกคลุมตึกไปกว่าครึ่ง
“ช่วยออกมาแล้ว! ช่วยออกมา……”
เจียงหว่านถูกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงอุ้มออกมาวางตรงริมถนน
ใบหน้าที่งดงามของเธอเปื้อนคราบเขม่าเต็มไปหมด ดวงตารูปทรงดอกท้อที่เคยสดใสกลับนิ่งเฉย มองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่าราวกับบ่อน้ำนิ่ง
เมื่อได้สติ ความโชคดีที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทำให้เธอไม่ใส่ใจเรื่องมารยาทตามปกติที่ได้รับการปลูกฝังมาแต่อย่างใด เธอเพียงกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิงด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขที่จำได้ขึ้นใจด้วยท่าทีรีบร้อนและสั่นเทาในทันที
“ขออภัยค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง……”
เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สองสามครั้งก่อนจะถูกตัดสายไป ความขมขื่นที่เอ่อล้นออกมาถูกกลืนกลับไปติดอยู่ในลำคอ ก่อนที่ความโศกเศร้าจะแพร่กระจายไปทั่วร่าง
“ปัง!”
ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดดังสนั่นกลบเสียงตอบรับจากระบบอัตโนมัติ เจียงหว่านเงยหน้าขึ้นขวับและได้เห็นบ้านที่เธออยู่เมื่อครู่ระเบิดกระจุย
ชิ้นส่วนมากมายกระเด็นออกมาพร้อมกับแรงระเบิด
ทุกคนในที่นั้นต่างตกใจกลัว โดยเฉพาะผู้รอดชีวิตที่เพิ่งได้รับการช่วยออกมา บางคนกรีดร้องและกอดกันไว้เพื่อปลอบใจอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เจียงหว่านที่นอนอยู่บนเปลตามลำพังดูโดดเดี่ยวมากขึ้นไปอีก
“เผยเสี้ยน……” เจียงหว่านกัดริมฝีปาก และพยายามโทรออกอีกครั้งอย่างไม่ยอมแพ้
แต่ปลายสายยังคงตัดการเชื่อมต่อหลังดังเพียงไม่กี่ครั้ง
ในขณะนั้น การแจ้งเตือนจากเวยป๋อก็ปรากฏขึ้นมา
“แฟนหนุ่มเศรษฐีผู้ลึกลับของดาราสาวชื่อดังเหยียนเสวี่ยหนิงถูกจับภาพไว้ได้?”
บัญชีข่าวซุบซิบเปิดเผยว่า:โปรดิวเซอร์รายการหนึ่งชวนเหยียนเสวี่ยหนิงไปทานอาหาร แต่เธอไม่ยอมดื่มฉลอง สองฝ่ายจึงเกิดมีปากเสียงกัน แฟนหนุ่มที่เป็นประธานจอมเผด็จการของเธอเดินผ่านมาและพาเหยียนเสวี่ยหนิงออกไปทันที โดยไม่ไว้หน้าโปรดิวเซอร์คนนั้นเลยแม้แต่น้อย
โพสต์ดังกล่าวบรรยายเหตุการณ์ได้อย่างถึงพริกถึงขิง ราวกับผู้อ่านได้เห็นเองกับตาว่า ท่านประธานจอมเผด็จการได้ปกป้องภรรยาคนสวยของเขาไว้
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพราะสถานะของฝ่ายชาย รูปถ่ายที่หลุดออกมาจึงมีเพียงภาพด้านหลังของเขา โดยไม่มีการเปิดเผยใบหน้า ส่วนเหยียนเสวี่ยหนิงที่อยู่ด้านหลังชายคนนั้นสวมเสื้อสูทที่ใหญ่เกินตัว เธอมีรอยยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ขณะเดินตามเขาไป พร้อมกับยื่นมือไปหาชายคนนั้น คล้ายกับกำลังจะจับมือกัน
เจียงหว่านมองหน้าจออย่างเหม่อลอย สายตาของเธอจับจ้องไปที่ภาพถ่ายนั้น
เป็นเผยเสี้ยน!
เธอจำเสื้อสูทตัวใหญ่ที่เหยียนเสวี่ยหนิงสวมอย่างไม่พอดีตัวได้ในพริบตา
ทุกชุดสูทของเผยเสี้ยนถูกสั่งตัดพิเศษโดยช่างฝีมือจากราชวงศ์อิตาลี แต่ละชุดล้วนเฉพาะตัวและไม่ซ้ำใคร เธอคุ้นเคยกับชุดพวกนั้นเกินกว่าที่จะจำพลาด
เธอกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนข้อนิ้วขาวซีดไร้สีเลือด เธอหึงหวงแทบจะเป็นบ้าแล้ว หัวใจเหมือนถูกบีบคั้นจนทั้งเจ็บและปวดไปหมด
ในช่วงเวลาที่เธอต้องเผชิญกับความเป็นความตาย เขากลับตัดสายโทรศัพท์ของเธอและไปอยู่เคียงข้างเหยียนเสวี่ยหนิง
สองปีของการแต่งงานนั้น มันมีค่าอะไรบ้าง?
ในเวลานี้ น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้มานานกลับพุ่งทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เจียงหว่านแหงนหน้าขึ้นสูง แต่หยาดน้ำตาก็ยังคงไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
เหยียนเสวี่ยหนิงเป็นรักแรกของเผยเสี้ยน ตามข่าวลือในสังคม เหล่าคนตระกูลเผยไม่ยอมรับเธอ เพราะเธอเป็นเพียงหญิงสาวที่มาจากครอบครัวธรรมดา ๆ
สุดท้ายทั้งสองก็ถูกตระกูลเผยกีดกันให้เลิกรากัน โดยเหยียนเสวี่ยหนิงเป็นฝ่ายเสนอให้จบความสัมพันธ์
หลังจากนั้น เผยเสี้ยนมุ่งมั่นทำงานหนัก จนขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของตระกูลเผย
เดิมที เขาคิดว่าหลังจากนั้นจะได้กลับมาคบกับเหยียนเสวี่ยหนิง แต่กลับพบว่าเธอมีคนรักใหม่ไปแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะเขาจงใจประชดตระกูลเผยหรือไม่ ชายหนุ่มจึงเลือกแต่งงานกับเจียงหว่าน หญิงสาวธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรเลยเหมือนกัน และให้เธอครองตำแหน่งคุณนายเผย เพื่อขัดขวางแผนการของคนในครอบครัวที่พยายามจะส่งผู้หญิงที่พวกเขาเลือกมาให้
ในตอนนั้น เจียงหว่านเองก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากพ่อเจียงที่ต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายเศรษฐีผู้เอาแต่ใจ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แสนแพงของคุณยาย
ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างมีจุดประสงค์ จึงตกลงแต่งงานกันตามสัญญา
การแต่งงานมีเงื่อนไขเพียงแค่หนึ่งปี แต่เมื่อครบกำหนด สถานะสมรสกลับดำเนินต่อไป ซึ่งทั้งสองยังคงรักษาชีวิตแต่งงานไว้โดยไม่พูดถึงข้อตกลง จนถึงตอนนี้ เวลาล่วงเลยกว่าที่เคยตกลงกันไว้มาก เจียงหว่านคิดว่าเธอได้กลายเป็นคุณนายเผยจริง ๆ แล้ว แต่สุดท้าย ทุกอย่างกลับเป็นเพียงภาพลวงตาที่เธอคิดไปเอง
เมื่อครู่เธอเกือบต้องเอาชีวิตไปทิ้งในกองเพลิง เธอพยายามโทรหาเขาถึงสองครั้ง แต่เขากลับตัดสายทุกครั้ง ที่แท้เพราะไปอยู่เคียงข้างเหยียนเสวี่ยหนิง……
ความรักจอมปลอมที่เธอเคยคิดว่ากลายเป็นจริงไปแล้ว พอเหยียนเสวี่ยหนิงปรากฏตัวขึ้น เธอก็ถูกลากออกมาจากความฝันสู่ความจริงที่โหดร้าย เธอตื่นจากฝันหวานด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
เธอไม่ใช่แม้แต่ตัวแทนด้วยซ้ำ เธอเป็นเพียงเครื่องมือที่เผยเสี้ยนใช้เพื่อประชดคนในครอบครัวเท่านั้นเอง
เจียงหว่านนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเริ่มแดงก่ำขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
บางทีอาจถึงเวลาที่เธอควรยอมแพ้ได้แล้ว ควรเลิกหลอกตัวเองด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เสียที
……
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ