เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
รัชศกหยางเหรินที่สี่สิบ ณ หมู่บ้านลู่ซาน
ซีเฉินติดตามคนร้ายที่ลอบวางยาพิษเขามาจนถึงหมู่บ้านลู่ซานที่ห่างจากเมืองหลวงราวห้าสิบลี้กระทั่งเขาสามารถจับคนร้ายกลุ่มนี้ได้
ทั้งหมดเป็นคนงานทำสวนที่จวน ทว่าล้วนเป็นคนมือสังหารที่แฝงกายเข้ามายังมีสองคนที่เป็นหัวหน้าสองคนนี้เป็นคนขับรถม้าให้กับอนุของเขาเอง
เหล่าอี้และเหล่าหลงสององครักษ์ฝาแฝดของเขาจับคนร้ายได้ก็สั่งให้คนพวกนั้นคุกเข่าต่อหน้าซีเฉินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าราบเรียบ
“นางอยู่ที่ใด”
ไม่มีผู้ใดให้คำตอบแก่เขา น้ำเสียงของซีเฉินจึงเข้มขึ้น
“ข้าถามว่านางอยู่ที่ใด”
หนึ่งในมือสังหารกลับเอ่ยว่า
“เจ้าเก่งนักก็หาเองสิ”
กล่าวจบยังกล้าถ่มถุยน้ำลายใส่หน้าเขา เพราะระยะห่างจึงทำให้น้ำลายน้ำไม่กระทบผิวของซีเฉิน ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้คนผู้นั้นอยู่ไม่สู้ตายแล้ว
ซีเฉินลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาช้า ๆ จากนั้นจึงคว้าแท่งเหล็กเขี่ยไฟที่ถูกเผาจนร้อนทิ่มเข้าไปในปากของคนผู้นั้นจนส่งเสียงชี่ ๆ และเกิดควันพวยพุ่งพร้อมกับกลิ่นเนื้อไหม้ตามมา
คนผู้นั้นไม่มีโอกาสได้ร้องด้วยซ้ำ เพราะความทรมานแสนสาหัสทำให้เขาหมดสติไปในทันใด
ส่วนคนที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นก็รีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต”
ซีเฉินวางเหล็กในมือลงบนเตาถ่านสีแดงที่กำลังลุกโชติช่วงด้วยเปลวเพลิง หันมามองเขาเอ่ยเสียงเย็น
“นางอยู่ที่ใด”
ครานี้เขารีบตอบโดยไม่อ้อมค้อมอีก ทว่าเสียงสั่นเหมือนคนจับไข้
“อยู่บนภูเขาลู่ซาน นางหลบอยู่ในกระท่อมกลางหุบเขาขอรับ”
“ดี”
ซีเฉินเอ่ยเพียงคำนั้นเหล่าหลงองครักษ์ของเขาก็เชือดคอคนผู้นั้นทันใด
กระท่อมกลางหุบเขาลู่ซาน
หลังจากวางยาพิษท่านอ๋องระหว่างทางกลับจวนหลังจากที่เขาพาอนุคนโปรดไปดื่มกินที่เหลาสุราก็เกิดมีนักฆ่ากลุ่มหนึ่งคิดสังหารซีเฉิน
เขาห่วงใยอนุของเขานักทว่าเขากลับพบว่าเป็นนางที่วางยาพิษเขาและหลบหนีมาพร้อมกับกลุ่มมือสังหาร
ทว่าคนพวกนั้นกลับไม่สามารถทำอันใดซีเฉินได้ เขารู้ทันเสียก่อน มือสังหารที่จื่ออินอนุคนงามของเขาสั่งมาให้จัดการเขายังถูกเหล่าอี้และเหล่าหลงฆ่าจนไม่เหลือ
หลังจากหนีมาได้สำเร็จ จื่ออินจึงซ่อนตัวที่ภูเขาลู่ซาน สาเหตุที่นางต้องการสังหารซีเฉินนั้นเพราะนางมีใจให้กับหยางโจวซือซึ่งเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของซีเฉิน
นางคิดว่าหากนางฆ่าซีเฉินได้ หยางโจวซือจะยอมรับนางเข้าจวน ทั้งหมดนี้ล้วนทำเพราะด้วยความลุ่มหลงในรัก ทว่าตนเองกลับถูกพิษเสียเองเพราะซีเฉินรู้ทันและลอบสลับยาพิษในสุราให้นางดื่ม
นี่คือเรื่องราวที่จื่อเม่ยซึ่งเป็นนักเขียนได้เขียนเอาไว้ในนิยายของตัวเอง
นิยายเรื่องนี้มีตัวร้ายนามว่าซีเฉิน และพระเอกของเรื่องของหยางโจวซือ นางเขียนอนุจื่ออินขึ้นมาเพื่อที่จะกระตุ้นความโกรธแค้นระหว่างซีเฉินกับหยางโจวซือให้มากขึ้น
ดังนั้นอนุจื่อจึงเป็นตัวประกอบที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย
แน่นอนว่านางวางเนื้อเรื่องคร่าว ๆ เอาไว้จนถึงตอนจบแล้วนั่นก็คือหยางโจวซือฆ่าซีเฉินที่คิดจะก่อกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ในตอนจบ
แต่ใครจะคาดคิดว่าเมื่อนางลงมือเขียนเนื้อเรื่องโดยละเอียดมาถึงตอนที่อนุจื่อวางยาพิษซีเฉินแล้วหลบหนีกระทั่งตัวเองถูกพิษจนตายนั้น จู่ ๆ ก็เกิดลมฝนพัดกระหน่ำและยังเกิดฟ้าผ่าอยู่หลายจุดกระทั่งไฟดับไป
จื่อเม่ยรู้สึกว่าร่างกายไหววูบคล้ายจะเป็นลม นางเวียนหัวบ้านหมุนกระทั่งหมดสติไปฟุบหน้าลงบนสมุดเขียนนิยายของตัวเอง ยังไม่ทันได้เขียนต้นฉบับลงคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ และเมื่อนางฟื้นขึ้นมา นางก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของจื่ออินและกำลังทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสเพราะถูกพิษ
ตอนนั้นที่ฟื้นขึ้นมาในมือของนางยังมีสมุดเขียนพล็อตนิยายและมีปากกาติดมือมาด้วยและก่อนที่นางจะหมดสติไปนางก็ได้ซ่อนสมุดเอาไว้พร้อมปากกาในกระท่อมหลังนั้นด้วยไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
นับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่นางตัดสินใจได้ถูกต้อง เพราะก่อนที่นางจะสลบไปซีเฉินก็ติดตามนางพบ เขาสังหารคนคุ้มกันของนางจนสิ้นและลากนางกลับมาที่จวนซีอ๋องสำเร็จ
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"