"นกยูง" ไปมูพญานาคเพื่อให้สอบสัมภาษณ์งานราบรืน แต่พอกลับถึงบ้าน สองหนุ่มพญานาคดันตามมาหาถึงห้องนอนเสียอย่างนั้น!
"นกยูง" ไปมูพญานาคเพื่อให้สอบสัมภาษณ์งานราบรืน แต่พอกลับถึงบ้าน สองหนุ่มพญานาคดันตามมาหาถึงห้องนอนเสียอย่างนั้น!
_____สำหรับเด็กจบใหม่ที่ต้องใช้พลังมูในการช่วยหางาน น้ำศักดิ์สิทธิ์จากวัดป่าสกุลค้อ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่เลื่องลือในฐานะวังพญานาคจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญที่อาจจะช่วยให้ “นกยูง” บัณฑิตป้ายแดงสอบผ่านการสัมภาษณ์งาน เด็กหนุ่มผู้มีจิตมุ่งมั่นขับรถจากกรุงเทพ 8 ชั่วโมงไปอุดรธานีทันที หลังแวะกินไข่กระทะและขนมปังญวนรองท้องแล้วจึงดิ่งตรงไปยังวัดสกุลสุทโธซึ่งเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของวัด รับบัตรคิวและยืนรอรอบเที่ยงครึ่งอย่างใจจดใจจ่อ เขาหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไปพลางระหว่างการรอและพบว่าสถานที่ไหว้มูปู่และย่านาคราชด้านในเป็นเกาะกลางน้ำขนาดเล็กซึ่งเกิดจากพืชน้ำต่างๆ รวถึงต้นสกุลค้อตายแล
ะกองทับถมรวมกันจนเหมือนเกาะกลางน้ำ เชื่อว่าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์และวังพญานาค ทันทีที่ก้าวเข้าไปในเขตจะพบว่าอากาศเย็นลงหลายองศาเซลเซียสราวกับไม่ใช่ดินแดนบนโลกมนุษย์
_____เมื่อได้เวลาเที่ยงครึ่ง นกยูงเดินไปต่อคิวเข้าแถวรอ ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อนเข้า ทางเดินเป็นกรวดล้างซึ่งตะปุ่มตะป่ำไม่เป็นมิตรกับฝ่าเท้าเท่าไรแต่นกยูงก็เดินเข้าไปอย่างไม่ย่อท้อ ในมือถือขวดน้ำเปล่าไปขวดหนึ่งเพื่อเก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งใน 108 แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเมืองไทย เด็กหนุ่มเข้าไปเป็นคิวสุดท้าย เขาเดินย่องๆ แบบคนเท้าบางตามชาวบ้านไม่ค่อยจะทัน เมื่อเท้าแรกย่างเข้าไปยังสะพานพญานาคซึ่งเชื่อมระหว่างแผ่นดินกับเกาะ อากาศรอบตัวเย็นวาบลงราวกับอุณหภูมิลดไป 4-5 องศาเลยทีเดียว แดดร้อนเมื่อครู่หายไปหมด เมื่อเงยหน้ามองดูยอดไม้สูงชะลูดก็พบว่าร่มเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ
_____“เหมือนไม่ใช่โลกมนุษย์เลย”
_____นกยูงพึมพำ เขาเดินตามสะพานพญานาคเข้าไปจนเห็นป้ายศาลปู่ย่าจึงเดินตรงต่อไปอีก พื้นเปลี่ยนจากสะพานปูนเป็นไม้กระดานตีเป็นพื้น มีเสียงไม้ลั่นดังสลับกับเสียงลมพัดยอดไม้และเสียงบางอย่างวิ่งอยู่ใต้กอใบไม้เน่าที่ทับถมอยู่รอบสะพาน เด็กหนุ่มรู้สึกใจไม่ดี มันอาจจะมีงูกระโดดขึ้นมาก็ได้
_____“เขาแค่มาทักทายน่ะ”
_____เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเบื้องหลังจนนกยูงสะดุ้ง!
_____เด็กหนุ่มหยุดยืนและหันไปมอง ชายหนุ่มใบหน้าได้รูป คิ้วเข้ม ตาคมกริบ กรอบหน้าชัดเจนเหมือนเทพบุตรขอมหน้าปราสาทหินทำให้หัวใจนกยูงเต้นตุบตับ
_____“ใครมาทักทายเหรอครับพี่”
_____“งูน่ะ”
_____“งู!”
_____“เป็นบริวารของพญานาค มาดูลาดเลาว่าใครจะมาไหว้บ้าง”
_____นกยูงคิดว่าพี่เค้าคงเป็นสตาฟฟ์ของที่นี่มั้ง สวมชุดทหารพรานลายพรางโคตรเท่เลย นกยูงยิ้มให้ก่อนหันไปเดินต่อ เขาพบว่าข้างหน้าไม่มีใครเลย มันเงียบสนิทเหมือนไม่ใช่ดินแดนเดียวกับวัดที่วุ่นวายด้านนอก ดวงตาหันกลับไปเหลือบๆ มองว่าพี่เค้าจะเดินตามมาหรือเปล่า เฮ้อ…โชคดีที่เดินตามมา มีเพื่อนแล้วกู
_____“พี่ทำงานที่นี่เหรอครับ”
_____นกยูงตัดสินใจหันไปถาม ผมขอไปด้วยนะพี่ ที่นี่มันโคตรวังเวงเลย อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้และยิ้มให้ หล่อล่ำดำบึกแบบนายทหารนี่ทำหัวใจเกเรเลยไอ้นกยูง
_____“ใช่ พี่อยู่ในวังนาคินทร์”
_____“ที่นี่คือวังนาคินทร์เหรอครับ”
_____“ใช่แล้ว บริเวณเกาะกลางน้ำแห่งนี้คืออาณาบริเวณของเจ้าพญานาคราชปู่ศรีสกุลค้อและองค์แม่ศรีสกุลนาคราชเทวี ทางเข้าวังนาคินทร์อยู่ตรงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”
_____“ผมอยากไปตักน้ำที่บ่อศักดิ์สิทธิ์ครับ”
_____ชายหนุ่มพยักหน้าและเหลือบเห็นขวดน้ำพลาสติกว่างเปล่าในมือนกยูง เขาพยักหน้ารับทราบและอาสาเดินนำ
_____“มาทางนี้สิ ทางนั้นเป็นทางไปไหว้ศาลแต่ถ้าน้องจะมารับน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นหลัก ไปทางนั้นจะใกล้กว่า”
_____ร่างสูงใหญ่เดินนำ นกยูงแปลกใจเพราะเมื่อกี้เขาเห็นว่าสะพานไม้กระดานเป็นทางเดินเส้นตรงทางเดียวแต่จู่ๆ พี่เขาก็เลี้ยวไปอีกทางซึ่งตอนแรกเขามองไม่เห็น
_____“ต้นไม้บังมั้ง”
_____นกยูงไม่คิดอะไรมาก เขาเดินตามไป อากาศรอบตัวเย็นลงเรื่อยๆ จนไหล่เริ่มสั่น บรรยากาศต้นไม้หนาทึบทำให้แสงรอบตัวสลัวลงและมืดครึ้ม ชายหนุ่มสูงใหญ่หยุดกลางทางและหันมามอง
_____“น้องหนาวไหม”
_____เด็กหนุ่มเงยมองแปลกใจที่พี่เขารู้
_____“นิดหน่อยครับ”
_____“ยิ่งใกล้บ่อศักดิ์สิทธิ์ก็ยิ่งใกล้ทางเข้าวังนาคินทร์ เป็นวังใต้บาดาล อากาศเย็นจัด”
_____“เหรอครับ”
_____“เอาเสื้อคลุมหน่อยมั้ย”
_____นกยูงพยักหน้า
_____“ก็ดีครับ”
_____แล้วชายหนุ่มผิวเข้มหน้าคมก็ปลดกระดุมเสื้อทหารพรานออก! เขาถอดเสื้อทหารแขนยาวออกและคลุมบ่านกยูงไว้ ชิ้นในคือเสื้อยืดคอกลมสีขาวลีบติดกล้ามเท่ๆ ของพี่เค้า! คนอะไรกล้ามงามขนาดนี้วะ! พี่เป็นนายแบบเปล่าครับ!
_____“เอ่อ…ขอบคุณครับพี่…”
_____“ครรตะ พี่ชื่อครรตะ”
_____ชายหนุ่มยิ้มเท่ให้แต่นกยูงโฟกัสหัวนม! บนกล้ามอกนูนๆ ของพี่เค้ามีหัวนมเด้งโดดออกมานอกเสื้อยืด! อีโรติกไปไหมครับพี่! คิดดีไม่ได้เลย
_____“ผมนกยูงครับ”
_____ครรตะทำหน้าหนักใจ
_____“อืม…มีปีก”
_____“ครับ?”
_____“เคยได้ยินไหมว่านาคไม่ถูกกับครุฑ แล้วครุฑก็เป็นสัตว์ปีก พวกนั้นชอบลากไส้นาคมากิน เลยต้องมีหน่วยลาดตระเวนคอยตรวจตราดูว่าไม่มีครุฑแอบซ่อนตัวเข้ามาหาทางเข้าวังนาคินทร์”
_____“อ๋อ งี้นี่เอง แล้วจะรู้ได้ไงล่ะครับพี่ว่าใครครุฑ”
_____“ได้กลิ่นก็พอเดาได้”
_____นกยูงคิดว่าตำนานพื้นบ้านแบบนี้ก็มีด้วย แล้วจู่ๆ ชายหนุ่มสูงใหญ่ก็ก้มลงที่ลำคอของเขา! เด็กหนุ่มเขินหน้าแดง! พี่…พี่ก้มลงมาทำไมครับ พี่ครรตะหอมมากเลยครับ กลิ่นเหมือนแสงแดดกับลมเย็นๆ เลย
_____“พ…พี่ครรตะทำไรครับ”
_____ใบหน้าหล่อเหลาที่ใกล้จนแทบรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นหันไปมองและยิ้มหล่อจนนกยูงใจเต้นแรง!
_____“พี่ดมกลิ่นนกยูงไง”
_____“ผมไม่ได้เป็นครุฑนะครับ”
_____“ไม่มีกลิ่นครุฑ แต่ท่าทางเนื้อนิ่ม หอมหวานน่าลิ้มลอง”
_____มือใหญ่วาดขึ้นไล้ปลายนิ้วเบาๆ ไปที่แก้มของนกยูง เด็กหนุ่มตื่นเต้นมาก! เหมือน…เหมือนพี่เค้าจะจูบเลยอ้า! เอาไงดี เราไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่พี่เค้าหล่อเกินไป เปิดประสบการณ์ลองเบิกเนตรดูเผื่อจะได้รู้รสนิยมก็ดีนะ ครรตะมองใบหน้าน่ารักที่หลับตาปี๋ก็อมยิ้มเอ็นดู เขาหยิบใบไม้ออกจากเส้นผมของนกยูงให้ อีกฝ่ายลืมตามองและใช้มือปัดเส้นผม
_____“ใบไม้น่ะ”
_____“ข…ขอบคุณครับพี่”
_____“คุยกันไปเพลินๆ ก็ถึงเสียแล้ว บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์”
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ในชาติก่อน นางได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติเป็นเวลาห้าปี แต่ความดีความชอบทางการทหารกลับถูกน้องหญิงยึดไป คู่หมั้นที่นางรักหมดใจนั้นกลับนิ่งเฉยและร่วมมือกับอีกฝ่ายผลักนางตกลงสู่ห้วงลึกจนต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในคืนที่หนาวเย็น หลังจากได้เกิดใหม่ นางสาบานว่าจะทำให้ทุกคนที่รังแกนางได้รับผลกรรมที่สาสม เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เสแสร้งและผู้ชายเจ้าชู้ นางยิ้มเยาะ : ความดีความชอบทางทหาร? รางวัล? คู่หมั้น? เอาไปให้หมด นางหันหลังกลับและคุกเข่าในงานเลี้ยงในวังอย่างน่าตกใจโดยชี้ตรงไปยังมุมมืดที่มีอ๋องอวี้นั่งอยู่บนรถเข็น“ขอฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับอ๋องอวี้เพคะ” ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องอวี้เซียวจือ ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้และมีนิสัยเย็นชา เป็นคนที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสมือนปีศาจที่มีชีวิต ทุกคนหัวเราะเยาะนางว่าคงบ้าไปแล้ว ถึงรนหาที่ตายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเห็นถึงความโดดเด่นและพลังที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวชายคนนี้ นางช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและรักษาขาที่เป็นพิการ เขาสัญญาว่าจะให้ชีวิตที่มั่นคงแก่นางและเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง เมื่อน้องหญิงที่แอบอ้างนำความดีความชอบทางทหารของนางไปอวดความเก่งกล้า และแม่แท้ ๆ ยังคงใช้กลอุบายควบคุมชะตากรรมของนาง… นางและอ๋องอวี้ร่วมมือกันวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เปิดโปงกลโกงและแสดงความกล้าหาญในสนามรบ! จนกระทั่งอ๋องอวี้ยืนขึ้นได้อีกครั้งและมีอำนาจครอบครองราชสำนัก จนกระทั่งนางแสดงตราประทับที่แท้จริงข และให้ทหารทั้งหลายยอมรับ ทุกคนเพิ่งรู้สึกตระหนักว่า คนที่พวกเขาเคยทิ้งไปไม่ต่างจากขยะนั้น ทั้งคู่ได้จับมือกันแล้วครองแผ่นดินไว้ด้วยแล้ว
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ได้ข่าวว่าเจ้าเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่ทำให้ครอบครัวลี่ล่มสลาย ถูกขับไล่ออกจากประเทศไปหลายปี… ตอนนี้กลับมาแล้ว คืนนั้น หลี่ เย่ถิงจับเอวเธอแน่นแล้วกดเธอเข้ากับมุมกำแพงอย่างแรง ดวงตาเย็นเยียบมืดลึก “ฉันอนุญาตเธอตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฉียวเว่ยยี่ยิ้มเย้ยเย็น “คุณหลี่ คำคนมันน่ากลัวนะคะ เราสองคนจบกันไปนานแล้ว กรุณารักษามารยาทด้วยค่ะ” วันถัดมา เหล่าบรรดาผู้มีอำนาจทั่วทั้งเมืองจิงก็ได้รับบัตรแดงคำเตือนจากครอบครัวลี่ทันทีว่า “คุณนายรองของพวกเราอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ไม่ชอบได้ยินคำซุบซิบนินทา” พวกคนที่นั่งรอให้เฉียวเว่ยยี่ตกต่ำแล้วหนีไปแบบหมดรูป ??? พวกคุณไปจดทะเบียนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในขณะที่เขาเฝ้ารักสตรีผู้นั้น ทว่าในขณะเดียวกันนางก็เฝ้ารอความรักจากเขาอย่างมีความหวัง 'ความรักทำให้คนโง่งม' คำกล่าวนี้ช่างเหมาะสมกับนางยิ่ง หรือชั่วชีวิตนี้ของนางจะเป็นได้เพียงอากาศ วนเวียนอยู่รอบกายแต่กลับไร้ค่าไม่มีตัวตน "พระองค์จะหันมาเหลียวแลหม่อมฉันบ้างได้หรือไม่ หม่อมฉันก็มีหัวใจไม่ต่างจากผู้อื่นเช่นกัน"
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY