ห้าปีก่อนเธอกับเขามีความสัมพันธ์กัน แต่ด้วยความไม่เหมาะสมหลายอย่าง เธอจึงต้องหนีเขาไป
ห้าปีก่อนเธอกับเขามีความสัมพันธ์กัน แต่ด้วยความไม่เหมาะสมหลายอย่าง เธอจึงต้องหนีเขาไป
"น้องภูมิ หนูอยากกินก๋วยเตี๋ยวมั้ยครับ ? เดี๋ยวแม่ไปต่อแถวเอามาให้ นั่งรอแม่อยู่ตรงนี้ อย่าไปไหนนะครับ"
'พอใจ ภักดิ์สุวรรณ' หญิงสาววัยสามสิบปีบอกกับลูกชายวัยสามขวบกว่าของเธอ
"ครับแม่"
'น้องภูมิ' หรือเด็กชาย 'ธนวัน ภักดิ์สุวรรณ' รับปากกับแม่หนักแน่น พร้อมกับพยักหน้าไปด้วย พอใจจึงลุกจากม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่เดินไปต่อแถวเพื่อเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ลูกชาย
วันนี้ในหมู่บ้านมีงานมหากฐิน ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานนี้ขึ้นมาและจะมีเศรษฐีใจบุญจากกรุงเทพ ฯ นำกฐินสามัคคีมาทอดถวายด้วย งานนี้มีโรงทาน มีมหรสพมากมาย มีรถแห่และในตอนเย็นจะมีหมอลำซิ่งอีกด้วย
โรงทานวันนี้มีหลายอย่าง ไอติม น้ำอัดลม ขนม ส้มตำ และก๋วยเตี๋ยว ลูกชายของเธอชอบกินก๋วยเตี๋ยวเธอจึงไปต่อแถวเข้าคิวเพื่อนำมาให้ลูกชาย
"ได้แล้วครับ"
เธอถือถ้วยโฟมเดินตรงมา พร้อมกับบอกกับหนูน้อย
"ว้าว..ไอติม ใครเอามาให้ครับ ?"
พอใจรู้สึกแปลกใจเพราะเห็นลูกชายตัวน้อยถือถ้วยไอติมแบบตักในมือ
"ไม่มีใครเอาให้ ภูมิไปต่อแถวเอาครับ"
"เก่งมากครับ เราต้องต่อแถว ไม่แซงคิวนะครับ"
เธอถือโอกาสสอนกฏกติกามารยาทในสังคมให้ลูกชายไปด้วยซะเลย พร้อมกับคีบเส้นและผักใส่ปากให้หนูน้อยไปด้วย วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นเพราะหลังออกภรรษาก็เข้าหน้าหนาวเลย
เธอมองลูกชายด้วยสายตารักใคร่ แม้จะไม่มีพ่อแต่พอใจก็บอกกับตัวเองว่าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกชาย จะไม่ให้ลูกของเธอรู้สึกว่าขาดอะไรไปในชีวิต
นี่เป็นปีแรกนับตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดหนึ่งของทางภาคอีสาน ที่เธอพาลูกชายมาร่วมงานบุญด้วยเพราะทุกปีที่ผ่านมาน้องภูมิยังเล็กอยู่ เธอรู้สึกสนุกกับรถแห่ที่มาสร้างความบันเทิง อยากจะฟ้อนเหมือนกับชาวบ้านเหมือนกันแต่ก็เป็นห่วงลูกชาย นึกทึ่งถึงการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะถ้าไม่ร่วมแรงร่วมใจกันจริง ๆ จะไม่สามารถจัดงานมหากฐินที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้
พอใจย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เกือบสามปีแล้ว ตอนนั้นลูกชายของเธอมีอายุครบหนึ่งขวบพอดี เธอซื้อที่ผืนเล็ก ๆ ปลูกบ้านและหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนนิยาย เรื่องสั้นและบทความ บวกกับมีเงินสำรองอยู่ก้อนหนึ่ง ถ้าใช้ประหยัดหน่อยก็น่าจะอยู่ได้จนถึงลูกชายของเธอเรียนจบมหาลัย วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของที่นี่ทำให้เธอกับลูกอยู่ได้อย่างสงบและสบายใจ
พอใจเป็นเด็กกำพร้า เธอเติบโตมาในสถานสงเคราะห์ด็กกำพร้า พอโตขึ้นมาพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้ก็ออกจากสถานสงเคราะห์แห่งนั้น ออกมาทำงานและส่งตัวเองเรียน พอเรียนจบก็ได้ทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในตำแหน่งประชาสัมพันธ์
การงานกำลังเจริญรุ่งเรืองแต่ก็มาท้องน้องภูมิซะก่อนจึงทำให้เธอต้องออกจากงาน พอคลอดน้องก็ไม่มีใครช่วยเลี้ยงจึงต้องหยุดทำงานยาว ทำให้ต้องมองหาอาชีพใหม่ ซึ่งอาชีพนักเขียนก็ตอบโจทย์เธอได้ดี
"แม่ !"
"ครับผม"
เสียงลูกชายปลุกเธอให้ออกจากภวังค์
"ภูมิกินไอติมอีกได้ไหมครับ ?"
"ได้สิ ไปต่อแถวเอานะครับ"
พอแม่พูดจบน้องภูมิก็วิ่งจู๊ดไปต่อแถวเอาไอติมซึ่งมีคนเอามาแจกในงานกฐิน เธอมองลูกชายด้วยสายตาเป็นห่วงแต่ก็ต้องปล่อยให้ลูกลองทำอะไรด้วยตัวเองบ้าง
"ประกาศ ! ๆ ขณะนี้เจ้าภาพกฐินจากทางกรุงเทพ ฯ มาถึงแล้ว ให้ชาวบ้านทุกคนช่วยกันต้อนรับด้วยนะครับ ขอบคุณครับ"
เสียงผู้ใหญ่บ้านประกาศ สักพักก็มีรถตู้สามคันวิ่งเข้ามาและจอดภายในบริเวณวัด
"แม่ได้แล้วครับ ภูมิเอามาเผื่อแม่ด้วย"
น้องภูมิวิ่งมาแล้วก็ยื่นไอติมในกรวยขนมปังส่งให้แม่ พอใจรู้สึกดีใจที่ลูกชายทำอะไรมักจะนึกถึงเธอเสมอ
"ขอบคุณครับ"
เธอรับมาแล้วกล่าวขอบคุณ จุ๊บแก้มลูกชายไปหนึ่งที
"ภูมิไปวิ่งเล่นกับเพื่อนนะครับแม่"
"ได้ อย่าซนนะครับ แม่จะนั่งรออยู่ตรงนี้"
ภูมิพยักหน้าก่อนจะวิ่งไปทางกลุ่มของเด็ก ๆ ที่ตอนนี้กำลังวิ่งไล่กันอยู่อย่างสนุกสนาน
น้องภูมิเป็นเด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและอารมณ์ดี พอใจมองตามลูกชายอยู่สักพักเธอก็ไปต่อแถวเอาก๋วยเตี๋ยวมากินบ้าง เสียงเพลงจากรถแห่ครึกครื้น ป้า ๆ ในหมู่บ้านรวมทั้งสาว ๆ ต่างก็เต้นกันสนุกสนาน
เมื่อได้ก๋วยเตี๋ยวแล้วเธอก็กลับไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่เดิม เพื่อรอลูกชาย
"โอ๊ะ ! ขอโทษครับ"
น้องภูมิรีบกล่าวขอโทษคุณลุงตัวสูงใหญ่คนหนึ่ง เพราะหนูน้อยวิ่งไปชนเขา
'ภูผา เดชวรวงกุล' ปรายตามองเด็กชายคนนั้นด้วยความแปลกใจ ดวงตากลมโตที่สบกันนั้นไม่ได้มีแววหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ผิวพรรณที่ขาวสะอาดหน้าตาน่ารัก เด็กนี่เป็นลูกเต้าเหล่าใครกันนะ
น้องภูมิลูบกางเกงของคุณลุงที่เปื้อนไอติมที่เขาถือมาป้อย ๆ
"เปื้อนหมดเลย ขอโทษนะครับคุณลุง"
น้องภูมิกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าหนูน้อยแม้จะเพิ่งสามขวบกว่าแต่ก็ฉลาดเกินวัย รู้ว่าตัวเองทำผิดก็รู้จักกล่าวคำขอโทษ เพราะแม่ของเขามักจะสอนเสมอว่าเมื่อทำผิดต้องขอโทษแล้วก็ต้องปรับปรุงแก้ไข แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่หนูน้อยก็ทำตาม
"ไม่เป็นไร"
น้ำเสียงเย็นชากล่าวออกมา ก่อนที่จะเดินไปทางห้องน้ำ ภูมิจึงไปวิ่งเล่นกับเพื่อนต่อ
ช่วงสาย ๆ ก็มีการสรุปยอดกฐินและเปิดโอกาสให้ชาวบ้านทุกคนต่อยอดกฐินด้วย พอใจกับภูมิก็ร่วมทำบุญ
"แม่ครับ กลับกันเถอะ ภูมิง่วงแล้ว"
พอใจจึงอุ้มลูกชายเอาไว้แนบอกเดินตรงไปยังบริเวณที่เธอจอดรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้ เมื่อมาถึงก็ขับพาลูกชายออกไป
"ภู..ไปโดนอะไรมาลูก ?"
คุณหญิงสดศรีเอ่ยถามลูกชาย เพราะมองเห็นรอยเปื้อนปื้นใหญ่ที่กางเกงของลูกชายตรงบริเวณหัวเข่า
"เด็กที่ไหนก็ไม่รู้เอาไอติมมาชนผม"
เขาตอบมารดาไปด้วยเสียงเซ็ง ๆ รู้สึกคุ้นเคยกับเด็กคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อได้คำตอบจากลูกชายคุณหญิงก็พนมมือและฟังพระสวดต่อ ภูผาก็เช่นกัน
ปีนี้ครอบครัวของเขานำกฐินมาถวายที่วัดแห่งนี้เพราะคนงานในบ้านบอกว่าวัดยังขาดแคลนหลายอย่าง แม่ของเขาซึ่งเป็นสายบุญอยู่แล้วก็ไม่ได้ขัดข้อง แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องบังคับให้เขามาด้วยก็ไม่รู้ ภูผาคิดอย่างเบื่อหน่าย
จะว่าไปแล้วชีวิตของเขามันก็น่าเบื่อหน่ายมาตั้งแต่เกือบห้าปีก่อนแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาไล่ใครบางคนออกไปจากชีวิตของเขา
แตงไทยสาวสวยผู้ที่ตั้งใจจะขึ้นคานไปตลอดชีวิต แต่พอได้เจอพ่อกำนันรูปหล่อ ปนิธานที่ตั้งไว้ก็เริ่มสั่นคลอน
เพราะคิดว่าพ่อที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ จะเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างเธอ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง แต่ขวางไปขวางมา กลับกลายเป็นว่าเขากลับเป็นคนเคี้ยวหญ้าต้นนั้นซะเอง
รามสูรผู้ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธ เมขลาผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฎิเสธเขา เพราะค่ำคืนที่เร่าร้อนเพียงคืนเดียว ทำให้เขาติดใจในตัวเธอ แต่เธอกลับคิดจะหนี รามสูรจึงวางแผนเพื่อให้เมขลา มาเป็นทาสรักของเขา แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เธอกลับได้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาซะนี่
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
“คุณรักฉันยอมรับมาเถอะ” “เปล่าเลย มิรันดา ผมไม่เคยรักคุณเลยสักนิด ที่ผ่านมามันก็แค่เรื่องเซ็กซ์ ให้ยืนยันอีกกี่ครั้งผมก็พูดเหมือนเดิม ผมไม่ได้รักคุณผมรักแค่เซ็กซ์ของคุณ” ************************* เพราะเสียคนรักจากการลอบทำร้ายของคู่อริเมื่อห้าปีก่อน มาร์คัสจึงไม่คิดจะรักใครอีก แต่เหมือนฟ้าจะกลั่นแกล้งเมื่อมาเจอกับมิรันดาสาวน้อยที่เขาใช้เงินซื้อมาเพื่อให้เธอเลิกยุ่งกับน้องเขยของตนเอง ชายหนุ่มทั้งทั้งหลง แต่ก็ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบเดิมเกิดขึ้นอีก เขาจึงคิดจะวางมือและถอนตัวจากธุรกิจสีเทา แต่การจะลงจากหลังเสือนั้นมันยากกว่าที่คิดไว้ ในเมื่อมีคนที่จ้องจะกำจัดเขาให้สิ้นซาก
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
“อ๋องหื่น” “หึหึ...ข้าหื่นที่ไหนกันเล่า ข้าแค่อยากแสดงความรักกับเจ้าเท่านั้นเอง และตอนนี้ก็ลับตาคน ข้าว่าเรามาเย้ยฟ้าท้ายุทธภพกันดีไหม” เขาพูดจบก็ผลักร่างเล็กโน้มลงไปนอนราบกับหลังคาทันทีแล้วตัวเองก็คร่อมทับ “อือ...เดี๋ยวหลังคาบ้านเขาพังหรอก” “ไม่ลองไม่รู้เถียนเถียน” “บ้าน่า อย่าทำอะไรพิสดารได้ไหม เดี๋ยวพลาดท่าตกไปพิการเอาหรอก” “ข้ามีวิชาตัวเบา ไม่ทำให้เจ้าเป็นอันตรายหรอกเมียข้า” เขาพูดแล้วก็โน้มหน้าหมายจะลงไปซุกไซ้ซอกคอระหงทันที......
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY