ฉันเป็นแฟนเขา เราเป็นแฟนกัน แต่ทำไมล่ะ...ทำไมเขาไม่เคยแคร์ฉันเลย....
ฉันเป็นแฟนเขา เราเป็นแฟนกัน แต่ทำไมล่ะ...ทำไมเขาไม่เคยแคร์ฉันเลย....
ณ คอนโดมิเนียมราคาแพง ภายในห้องนอนสุดหรูบนเตียงคิงไซส์ขนาดใหญ่ ขณะนี้มีสองร่างกำลังละเลงบทรักอันเร่าร้อนกันอยู่ เสียงครวญครางของทั้งคู่ที่ดังระงมไปทั่วทั้งห้อง โดยที่ไม่สนใจเลยว่าคนข้างนอกจะได้ยินมั้ย
“อ๊ะ..อ๊ะ...อ๊ะ...อืออ...ว..วิน แรงไป” เสียงครางหวานๆ ของซินดี้นั้นไม่ได้ทำให้กวินทร์ผ่อนแรงลงสักนิด
“อ่าาส์..ตอดแรงสัส..ซีดดดดส์”
“อืออ อ่ะ อะ”
“ฮึ่ม แน่นจริงๆ”
“ล..ลึกไปเกินไป”
พั่บ พั่บ พั่บ!
“อื้ออ อ๊ะ อ๊ะ”
“อ่าาาส์”
สำหรับซินดี้นั้นเซ็กส์ของกวินทร์ มันทั้งรุนแรงและสุดแสนจะเร่าร้อนเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็พยายามอ่อนโยนกับคนตัวเล็กสุดๆ แล้วนะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเจ้าลูกชายของเขานี่แหละที่มีขนาดใหญ่โตเกินมาตรฐานเอง หึ!
สวบ! สวบ!
“อะ อะ อืออ”
“เอามันส์ชิป”
“อ๊ะ ว...วินน”
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”
“ซี๊ดดดดดส์ อ่าาาส์ เสียวหัว” ใบหน้าหล่อเงยหน้าครางซี๊ดด้วยความกระสันไม่ต่าง เนื่องจากร่องรักอันคับแคบของซินดี้นั้นรัดแน่นเกินไปจนท่อนเอ็นของเขาแทบขาด
“อ่าาา”
“อื้ออ อื้มม”
จ๊วบ จ๊วบ! ริมฝีปากหนาบดจูบริมฝีปากอิ่มอย่างรุนแรง จนคนตัวเล็กนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ กำปั้นเล็กทุบอกแกร่งดัง ปึก! ปึก! หวังจะให้คนตัวสูงถอนจูบออก แต่เขากลับนิ่งไม่สนใจยังคงกระหน่ำจูบต่อไปลิ้นร้อนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างดูดดื่ม
ส่วนซินดี้นั้นจากตอนแรกผลักไส ตอนนี้กลับเคลิบเคลิ้มไปกับคนมากประสบการณ์อย่างกวินทร์จนได้ คนตัวเล็กจูบตอบกลับไปอย่างไม่ประสีประสา ทั้งที่ก็โดนเขาจูบอยู่บ่อยครั้งก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะชินเสียที ไม่นานนักกวินทร์ก็ถอนปากออกจากริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้บวมเจ่อไม่รอให้คนตัวเล็กได้กล่าวอะไรร่างสูงก้มลงไปหาอกอวบทันที
ก่อนลิ้นร้อนจะจัดการดูดและเลียไปทั่วหน้าอกอวบนั่น จนมันวาววับไปด้วยน้ำลาย
“อะ อ่ะ อ๊ะ”
“หึ เสียวมั้ย” กวินทร์หัวเราะในลำคอแล้วยังไม่วายแกล้งซินดี้ด้วยคำถามลามกนั่นอีก
ไม่มีคำตอบจากคนตัวเล็กตอนนี้มีแต่เสียงครางอือ อา ออกมาจากริมฝีปากบางซินดี้ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว สมองน้อยๆ นั้นมันตื้อไปหมดยิ่งดวงตากลมโตตอนนี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา ยิ่งทำให้กวินทร์เร่งแรงกระแทกใส่ลึกกว่าเดิม ไหนจะปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อกำลังเผยออ้าร้องครวญครางนั้น มันทำให้เขาอดใจไม่ไหวจนต้องก้มลงมอบจูบให้ซินดี้อย่างดูดดื่ม
“อื้ออ อื้ม”
จ๊วบ! จ๊วบ!
หน้าอกอวบกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการขยับกระแทกจากร่างสูง มือหนาเองไม่ว่างเปล่าเขาเลื่อนบีบเคล้นคลึงเต้าอวบอิ่ม ยิ่งเม็ดบัวสีชมพูนั่นช่างน่าดูดจริงๆ มองแบบนี้แล้วยิ่งเอ็กซ์เข้าไปใหญ่ ปากหนาผละออกจากริมฝีปากอวบอิ่ม หันมาสนใจยอดอกแทนทั้งขบทั้งกัดทั้งดูดมันทำราวกับจะมีน้ำนมไหลออกมา
“อื้ออ อื้ออ วินน บ...เบา ซ...ซิน เจ็บ”
“หึ่มม....”
เนื่องจากซินดี้มีผิวขาวจัดพอจับนิดจับหน่อยผิวกายก็เกิดรอยแล้ว ในตอนนี้เองก็เช่นกันร่างกายของซินดี้แดงไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ร่องรอยสีกุหลาบ เพราะคนตัวสูงนั่นแหละที่เป็นคนทำมัน จนตอนนี้ผิวกายอันขาวนวลลายราวกับตุ๊กแกแล้ว!! ซึ่งเรื่องนี้กวินทร์รู้ดี...แต่เขาก็ยังคงทำมันอย่างไม่แคร์อะไรสักนิด
“ว..วิน ซิน จ..จะถึงแล้วว” สิ้นเสียงของคนตัวเล็ก กวินทร์ก็เร่งจังหวะกระแทกท่อนเอ็นใส่ร่องแคบให้เร็วและหนักหน่วงขึ้นไปอีก
พั่บ พั่บ พั่บ
“พร้อมกันนะ”
“อื้อออ”
“อะ อ่าาส์”
พั่บ พั่บ สวบ! สวบ!
“อะ อะ อะ อร้ายยยยย” ในที่สุดคนคนเล็กก็ไปถึงจุดสุดยอดก่อนไม่นานกวินทร์ก็ตามมาติดๆ
“ฮึ่มซีดดดดดดส์” กวินทร์หลั่งลูกๆ ทั้งหลายเข้าสู่ร่องแคบของซินดี้จนหมดทุกหยาดหยด
“อือปล่อยในอีกแล้วหรอ”
“.........” เงียบ คนตัวโตที่เหนื่อยจากกิจกรรมเมื่อครู่ตอนนี้ซุกหน้าลงบนอกอวบของซินดี้เรียบร้อย
“วิน ลุกไปได้แล้ว”
“อือ คนจะนอน”
“ก็ไปนอนดีๆ สิ ซินหนักนะแล้วก็เอาไอนั่นออกด้....อ๊ะ” พูดยังไม่ทันขาดคำกวินทร์แกล้งซินดี้ด้วยการดันแก่นกายเข้าไปหนักๆ ทีนึง โทษฐานพูดมากนัก!
“ถ้าไม่เงียบ จะไม่ได้นอน” แสร้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุ ซินดี้เห็นดังนั้นก็รีบเงียบปากทันที ได้แต่นอนนิ่งตัวแข็งทื่อเป็นหิน และด้วยร่างกายซึ่งเหนื่อยบวกเพลียจากกิจกรรมรักเมื่อครู่มากอยู่แล้วไม่นานนักก็หลับไปในที่สุด
กวินทร์เห็นซินดี้หลับไปแล้วก็ถอนแก่นกายออกจากร่างบางแล้ว จูบซับหน้าผากมนของซินดี้ไปทีนึง ก่อนขยับกายลุกขึ้นเต็มความสูงและเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักก็ออกมาพร้อมกับกะลังมังใบเล็กพร้อมน้ำอุ่นในนั้นและผ้าขาวบางหนึ่งผืน เขาเดินมานั่งระหว่างขาซินดี้และค่อยๆ จับแยกขาออก
ก่อนจะบรรจงเช็ดทำความสะอาดกลีบกุหลาบซึ่งจากเดิมเคยเป็นสีชมพูแต่ตอนนี้กลายเป็นแดงเข้มไปแล้ว พอทำทุกอย่างเสร็จก็ก้มจูบริมฝีปากอิ่มอย่างแผ่วเบา แล้วเดินเอาอุปกรณ์ทุกอย่างไปเก็บและกลับเข้ามานอนข้างคนรัก ก่อนจะค่อยๆ ดึงซินดี้เข้ามากอดไว้แนบอกหลังจากนั้นก็เข้าสู่ห้วงนิทราตามคนตัวเล็กไปติดๆ
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด