เพราะความตายเมื่อครั้งยังเยาว์ นำพาเขาให้ต้องมารับหน้าที่อะไรบางอย่าง ?
เช้าวันนี้ท้องฟ้าอึมครึม สายลมเย็น ๆ พัดมากระทบใบหน้าของเขาเป็นระยะ ๆ ถ้าหากคาดไม่ผิด อีกไม่นานฝนคงเทกระหน่ำลงมาแน่ ๆ อากาศในช่วงนี้มันช่างวิปริตจริง ๆ วิปริตเหมือนใจของคนหลาย ๆ คน
'ภูมิ' ชายหนุ่มอายุ 30 ปี รีบพาร่างสูง 180 เซ็นติเมตรเดินเข้าไปในสำนักงานนักสืบเอกชนแห่งหนึ่ง เขาขยับแว่นสายตาและรีบก้าวขาให้เร็วขึ้น เมื่อเขามองเห็น 'ผู้ว่าจ้าง' ของเขานั่งอยู่หลังเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ ภูมิรีบทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"เป็นไงบ้างช่วงนี้ คดีที่ให้ไปสืบ คืบหน้าไปถึงใหนแล้ว"
เจ้าของสำนักงานนักสืบแห่งนี้หรือผู้ว่าจ้างของภูมิเอ่ยถามเขาทันทีที่ตูดของเขาแตะเก้าอี้ ภูมิขยับแว่นสายตาอีกครั้งก่อนตอบคำถามเขาคนนั้น
"ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เงียบเหมือนป่าช้า"
"จากความสามารถของนายไม่น่าจะยากนะ"
"ไม่ใช่ว่ามันยากแต่ยังไม่มีอารมณ์"
ภูมิตอบกลับไปอย่างไม่ยี่หระ และทำท่าจะลุกขึ้น แต่ 'ผู้ว่าจ้าง' ของเขาโบกมือเป็นเชิงห้าม เขาจึงทรุดลงนั่งอีกรอบ
"ระวังตัวด้วย โรคเก่ากำเริบถี่ขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ"
เมื่อเขาพูดจบภูมิก็ลุกขึ้นและเดินออกมาจากสถานที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเดินออกมาพ้นชายคา ภาพเบื้องหลังของภูมิก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ไม่เหลือสภาพของสำนักงานที่ดูดี สะอาดสะอ้าน แห่งนั้นอีก กลับกันมันกลับกลายสภาพเป็นเหมือนสำนักงานร้าง ๆ ที่ไม่น่าจะมีคนอาศัยอยู่ได้เลย
ภูมิค่อนข้างหัวเสียเล็กน้อย แค่เตือนเขาให้ระวังตัวถึงกับต้องให้เขาถ่อสังขารมาหาถึงที่นี่ โทรไปบอกหรือไม่ก็ไลน์ไปก็ได้ ทำตัวเป็นพวกโลว์เทคโนโลยี่ไปได้ ทั้งที่ตัวเองก็อยู่บนโลกนี้มาตั้งไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีแล้ว น่าจะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของโลกยุคนี้บ้าง รู้บ้างสิว่าการเดินทางมันมีค่าใช้จ่าย กี่ครั้งแล้วที่เขาทำงานให้แต่ค่าจ้างไม่คุ้มกับงานที่ทำเลย ไปหาน้อง ๆ หนู ๆ ที่สถานที่อโคจรก็หมดแล้ว
ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนจากข้อความของโทรศัพท์ ภูมิจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตสีดำ หยิบเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดดู
'ยอดเงินในบัญชีของคุณมี 500,789.99 บาท'
ให้มันได้อย่างนี้สิ เงินถึง งานก็เดิน ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อ ขยับแว่นสายตา ขึ้นคร่อมมอร์เตอร์ไซค์ฮอนด้าสตรีท 400 สวมหมวกกันน็อคและขับออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว แวะตู้ ATM กดเงินไปใช้เล่น ๆ ซะหน่อยสักแสน
"สวัสดีครับพระคุณเจ้า"
ภูมินั่งคุกเข่าอยู่หน้ากุฏของพระสงฆ์รูปหนึ่งอย่างสำรวม
"โยม..ภูมิ ไม่เจอเป็นเดือน งานยุ่งหรือ โยมแม่เป็นอย่างไรบ้าง"
"ก็เรื่อย ๆ ครับพระคุณเจ้า แม่สบายดี ตอนนี้อยู่ที่เกาหลี แม่เป็นเมนลิซ่า พระคุณเจ้าก็น่าจะรู้"
จะว่าไปก็คิดถึงแม่เหมือนกันนะเนี่ย ไม่เจอเป็นเดือนแล้ว
"คราวนี้บริจาคเท่าไหร่ล่ะ รีเควสไว้ได้เลยว่าจะให้เอาไปทำอะไรบ้าง"
"รอบนี้เจ้านายใจป้ำ ผมโอนให้พระคุณเจ้าสองแสนครับ"
เจ้านายที่ภูมิหมายถึงก็คือ 'ผู้ว่าจ้าง' คนนั้นนั่นเอง
"อืม เดี๋ยวขึ้น 15 ค่ำรอบนี้ อาตมาจะรีบจัดการให้ จะให้ใครเป็นพิเศษไหม"
"ไม่ล่ะครับ พวกเขาพิเศษสำหรับผมทุกตน เอ๊ยทุกคน"
อยู่คุยกับพระคุณเจ้าได้สักพัก ภูมิก็ขอตัว ขับมอร์เตอร์ไซค์คู่ใจกินลมชมวิวไปเรื่อย ๆ มองวิวสองข้างทางอย่างสบายอารมณ์ ลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ แล้วฝนก็กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขาจึงพารถคู่ใจแวะจอดที่ศาลาพักรถข้างทาง
"ขอหลบฝนหน่อยนะครับคุณตาคุณยาย"
ภูมิเอ่ยขออนุญาติสองตายายที่นั่งอยู่ในศาลา พร้อมกับถอดหมวกกันน็อคและถอดแว่นสายตาออกมาเช็ดไปด้วย ชำเลืองหางตามองสองตายายที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง พอแว่นแห้งและสะอาดดีแล้วเขาก็รีบสวมแว่น ภาพภายใต้แว่นสายตาก็สดใสขึ้นทันที ยิ้มให้สองตายายอีกครั้ง แล้วก็ก้มหน้าเขี่ยโทรศัพท์
เกือบชั่วโมงฝนจึงเริ่มซาเม็ดลง ภูมิจึงเดินออกมาจากศาลาและโบกมือให้สองตายายที่ตอนนี้ทั้งสองขึ้นไปนั่งห้อยขาอยู่บนหลังคา
เสียงท้องของภูมิร้องจ๊อก ๆ เขาจึงรีบบิดคันเร่งมุ่งหน้าเข้าสู่ตลาด ไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำดีกว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้องจริง ๆ
"คุณตาครับ คุณตาไปกับผมไม่ได้นะครับ"
พูดกับกระจกส่องหลังเสียงเข้ม
"ไม่ดื้อนะครับ แล้วผมจะจัดการให้"
จบคำพูดของภูมิ คุณตาก็หายวับไปทันที ภูมิรู้สึกหนักใจหน่อย ๆ พักนี้ 'พวกเขา' สามารถเข้ามาประชิดตัวของภูมิได้บ่อยขึ้น ไม่ใช่ว่า 'พลัง' ในตัวเขามันลดน้อยลง แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก 'พวกเขา' ส่วนมากที่เข้ามาประชิดตัวของภูมิจะต้องการขอความช่วยเหลือ หรือขอส่วนบุญ ซึ่งภูมิก็ไม่เคยปฏิเสธ เขาช่วยเหลือทุกตน โดยให้พระคุณเจ้าเป็นสื่อกลาง โดยเงินที่เขาบริจาคนั้น พระคุณเจ้าจะใช้ในการประกอบพิธีส่งดวงวิญญาณให้แก่สัมพเวสี และผีไม่มีญาติ
เรื่องนี้จะเปิดให้อ่านฟรีจนจบนะคะ ใครชอบแนว ๆ นี้ ผี วิญญาณเข้ามาลองอ่านกันดูนะ
เพราะคิดว่าพ่อที่อยู่ในวัยใกล้เกษียณ จะเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างเธอ เขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวาง แต่ขวางไปขวางมา กลับกลายเป็นว่าเขากลับเป็นคนเคี้ยวหญ้าต้นนั้นซะเอง
รามสูรผู้ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธ เมขลาผู้หญิงคนแรกที่กล้าปฎิเสธเขา เพราะค่ำคืนที่เร่าร้อนเพียงคืนเดียว ทำให้เขาติดใจในตัวเธอ แต่เธอกลับคิดจะหนี รามสูรจึงวางแผนเพื่อให้เมขลา มาเป็นทาสรักของเขา แต่ว่าไป ๆ มา ๆ เธอกลับได้เป็นเจ้าของหัวใจของเขาซะนี่
เพราะถูกคนรักและเพื่อนสนิทหักหลัง เธอจึงหนีตามผู้ชายที่รู้จักกันในแอพหาคู่ แม้จะหวาดกลัว แต่ว่าเธอก็ไม่ขอกลับไปเจอเพื่อนทรยศ และคนรักจอมหักหลังอีก
ห้าปีก่อนเธอกับเขามีความสัมพันธ์กัน แต่ด้วยความไม่เหมาะสมหลายอย่าง เธอจึงต้องหนีเขาไป
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย