ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
บทที่ 1 การพิสูจน์ตัวตน
เสียงหวีดหวิวของลมหนาวพัดผ่านเข้าไปในซอกหิน ท่ามกลางท้องฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีเทาทึบ
หลินจิ่วเอ๋อร์ยืนอยู่ที่หน้าผา พลางกวาดสายตามองภูเขาที่ทอดยาวออกไปสุดสายตา หัวใจของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนและเหนื่อยล้า ราวกับมีความทรงจำบางอย่างที่ไม่ใช่ของตนเองกำลังก่อตัวขึ้น
นางไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่ ที่โลกโบราณแห่งนี้ หรือในร่างของหญิงที่ถูกสามีทอดทิ้ง นางเพียงจำได้ว่าในโลกปัจจุบัน นางเป็นผู้บริหารหญิงที่ทำงานในกรมททหาร มีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียน
ในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้... ภาพความทรงจำของหลิน-จิ่วเอ๋อร์ก็หลั่งไหลเข้ามา
ชีวิตที่เต็มไปด้วยการถูกปฏิเสธจากสามี การถูกเหยียดหยามจากคนในจวนแม่ทัพ และความหวังอันเลือนลางที่จะได้รับความรักจากชายที่ไม่เคยหันมามองนางเลย
“ทำไมชะตาชีวิตถึงต้องเล่นตลกเช่นนี้…” นางพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหดหู่ พลางกำมือแน่น
หลินจิ่วเอ๋อร์ในร่างปัจจุบันมองเงาสะท้อนของตนเองในสายน้ำ ความอ่อนแอและความทุกข์ใจ ที่อดีตท่านของร่างนี้สะสมมานานยังคงปรากฏให้เห็นชัดเจน
“หลินจิ่วเอ๋อร์คนนั้นอาจจะยอมรับโชคชะตาเช่นนี้... แต่ข้าไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ”
นางหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก การเดินทางครั้งใหม่นี้ แม้ว่าจะยากลำบาก แต่นางจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องทนทุกข์ทรมานเช่นเดียวกับหลินจิ่วเอ๋อร์คนเดิม
นางสาบานว่าจะแก้ไขทุกอย่าง เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตที่ถูกขีดไว้ และจะทำให้ซูเหยียนหันมามองเห็นคุณค่าของตน
เวลาล่วงเลยผ่านไป
ในจวนแม่ทัพตระกูลซู ความเงียบสงบกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาของผู้คนในบ้าน ทุกคนต่างรู้ดีว่าหลินจิ่วเอ๋อร์เป็นเพียงภรรยาที่สองที่ไม่มีค่าในสายตาของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่
นางนั่งอยู่ในห้องพักของตน สายตามองออกไปยังสวนที่อยู่ภายนอก ขณะเดียวกันความคิดมากมายก็วิ่งผ่านในหัว นางรู้ว่าหากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตในโลกนี้ นางต้องเริ่มจากการวางแผนอย่างรอบคอบ
“ซูเหยียน... ท่านจะไม่ยอมรับข้า แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกละเลยอีกต่อไป” นางพูดด้วยความมั่นใจ แม้ว่าจะรู้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงใจของท่านแม่ทัพที่ไม่เคยสนใจตน แต่นางจะไม่ยอมแพ้
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังก้องผ่านทางเดินยาวที่ทอดไปสู่ห้องโถง แม่ทัพซูเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากภารกิจทหาร แววตาของเขาคมกริบและเย็นชา เขาเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการเคารพนับถือจากทหารและคนทั่วไป
แต่ในเรื่องส่วนตัว เขาไม่เคยสนใจหลินจิ่วเอ๋อร์ หรือให้คุณค่ากับภรรยาคนที่สองเลย เพราะนางเป็นลูกสาวของอำมาตย์หลินตู้ ที่มักใหญ่ใฝ่สูง เป็นคนสนิทของฮ่องเต้ ในสายตาของแม่ทัพซู คนอย่างอำมาตย์หลินทำงานด้วยปาก
พระราชทานสมรสฮูหยินแม่ทัพคนที่สอง โดยแม่ทัพซูได้รับลูกสาวคนโตของอำมาตย์หลินให้มาตบแต่ง แม้จะเป็นอนุภรรยาก็ยอม ซึ่งแม่ทัพซูเกลียดนัก การที่เอาลูกสาวมาผูกติดกับเขาเท่ากับว่า เพิ่มอำนาจให้กับอำมาตย์หลินไปอีกมาก
“ท่านแม่ทัพซูกลับมาแล้วหรือ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง เป็นเสียงของเสี่ยวถิงถิง คนรับใช้สาวที่คอยรับใช้เขา และเป็นต้นห้องของฮูหยินซูเหม่ยลี่ ฮูหยินเอกของเขา
“อืม” เขาตอบรับสั้น ๆ โดยไม่หันไปมอง เสี่ยวถิงถิงรีบหายตัวไปทันที เพราะต้องไปรายงานและสอพอนายหญิงของตน
ในจังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านห้องของหลินจิ่วเอ๋อร์ สายตาของเขาก็เหลือบเห็นเงาร่างของนาง ที่กำลังนั่งอยู่ในห้อง นางยังคงเหมือนเดิมสงบและเงียบเฉย
แต่วันนี้พอเขาได้สบตากับนาง ก็มีบางอย่างในแววตาของนางที่ต่างออกไป... ทำให้เขาชะงัก
เขาหันไปมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร แต่ความรู้สึกที่เห็นแววตาแน่วแน่ของนางยังคงติดอยู่ในใจ
ในค่ำคืนนั้น หลินจิ่วเอ๋อร์นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กภายในห้อง สายตาจ้องมองไปยังแผนการที่นางวาดขึ้นมา บนกระดาษมีคำจารึกถึงการวางแผนเพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตนเอง
นางรู้ดีว่า... หากต้องการให้ซูเหยียนหันมามอง นางต้องพิสูจน์คุณค่าของตน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เริ่มที่การพยายามทำให้เขารักนางในทันที นางรู้ว่าแม่ทัพซูเหยียนเป็นคนที่มองเห็นคุณค่าจากความสามารถและความแข็งแกร่ง
ไม่ใช่ความงามหรือการอ้อนวอน นางจะใช้ความรู้จากโลกปัจจุบันมาเป็นประโยชน์ในการวางแผนทั้งในเรื่องการเมือง การค้าขาย และการทหาร เพื่อทำให้เขาเห็นว่านางไม่ใช่เพียงภรรยาที่ไร้ค่า
แต่ถ้าทำให้เขามองเห็นตนเองอยู่ในสายตาของเขาให้ได้ อีกอย่างความต้องการของนางนั้น หากทำสำเร็จ...
หลินจิ่วเอ๋อร์จะขอหย่า... กับท่านแม่ทัพซู
หลายวันต่อมา ในยามเช้าที่จวนแม่ทัพตระกูลซู ที่ห่างจากชายแดนของหลงซาน กับอีกสองแคว้น คือ... แคว้นถังหยุน และแคว้นซงเถา
หลินจิ่วเอ๋อร์เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการทำกิจวัตรที่เงียบสงบ นางพยายามปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในโลกนี้ และเริ่มเรียนรู้รายละเอียดของบ้านเมืองที่แตกต่างไปจากยุคปัจจุบัน
ก่อนอื่นนางคิดว่า นางต้องรู้จักกับทุกคนในจวนแม่ทัพเสียก่อน ว่าใครดีกับนาง ใครร้ายกับนาง นางจะได้ระมัดระวังตัว
ในทุกย่างก้าวของนางต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ นางค่อย ๆ ทำความรู้จักกับผู้คนในจวนแม่ทัพ เริ่มสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบ่าวไพร่ และผู้ติดตามของแม่ทัพ นางวางแผนทุกอย่างอย่างระแวดระวัง เพื่อทำให้ตัวเองเป็นที่ยอมรับ
บ่าวไพร่ต่างเริ่มสงสัยในการเปลี่ยนแปลงของหลินจิ่วเอ๋อร์ บางคนเห็นว่า นางเริ่มมีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น และไม่ได้พยายามอ้อนวอนสามีเหมือนแต่ก่อน
เพราะด้วยความเป็นบุตรสาวคนโตของอำมาตย์หลินตู้ ทำให้นางถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ ตอนที่แม่ทัพซูได้รู้ว่าเป็นนาง เขายังไม่อยากจะเข้าใกล้
อนึ่งหลินจิ่วเอ๋อร์ชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และยังชอบเล่นหูเล่นตาแพรวพราว ไม่มีจริตของลูกสาวของผู้รากมากดีเสียเลย ทำให้เขานึกคำปฏิเสธมากมาย แต่พอจะไปพูดดับฮ่องเต้ อำมาตย์หลินตู้ที่เก่งเรื่องวาทศิลป์ก็พูดดักทางแม่ทัพซูทุกทาง
ขนาดเขาบอกว่า แต่งงานกับเขาต้องไปอยู่ชายแดน...
หลินจิ่วเอ๋อร์ยังพร้อมที่จะมา เมื่อก่อนนางจะสู้รบและสร้างความรำคาญใจให้กับทั้งแม่ทัพซู และฮูหยินเอกซูเหม่ยลี่เสมอ จนอยากจะไล่นางออกไปจากชีวิตทั้งสองคน
ทว่าเหม่ยลี่ก็เป็นถึงบุตรสาวคนสุดท้องของราชครูถังเถียนหรง ทำให้เขาแทบกระดิกไม่ได้ ใจของแม่ทัพมีเมียทั้งที่ไม่ได้รักทั้งสองคน ทำให้อยู่กับพวกนางแบบไปวัน ๆ และเอาหูเอาตาของเขาไปติดกับงานในกองทัพอย่างเดียว
หลินจิ่วเอ๋อร์ตระหนักได้ เพราะความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกลับมาแล้ว
“ข้ารู้ดีว่าท่านแม่ทัพไม่สนใจข้าหรอก แต่สักวันหนึ่งท่านจะต้องหันมามองข้า” นางพึมพำกับตัวเอง พลางยิ้มเล็กน้อย
นางตั้งใจจะทำให้ชีวิตในโลกนี้เป็นไปในทิศทางที่นางต้องการ แม้ว่าเส้นทางนี้จะยากลำบากเพียงใดก็ตาม ในโลกปัจจุบันนางไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ดันมาเป็นเมียน้อย แบบนี้เสียชื่อจริง ๆ
เมื่อความจำเป็นนำพา เบลล่า ฟรานเซนโก้ นางแบบสาวให้มาพัวพันกับความอันตรายของซีนอล ออตโตนี มาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอำนาจแห่งลากูนผู้ไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัว ต้องยื่นมือช่วยเหลือเธอ...
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY