เมื่อความจำเป็นนำพา เบลล่า ฟรานเซนโก้ นางแบบสาวให้มาพัวพันกับความอันตรายของซีนอล ออตโตนี มาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอำนาจแห่งลากูนผู้ไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัว ต้องยื่นมือช่วยเหลือเธอ...
เมื่อความจำเป็นนำพา เบลล่า ฟรานเซนโก้ นางแบบสาวให้มาพัวพันกับความอันตรายของซีนอล ออตโตนี มาเฟียหนุ่ม ผู้ทรงอำนาจแห่งลากูนผู้ไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำเข้ามาในโลกส่วนตัว ต้องยื่นมือช่วยเหลือเธอ...
บทที่ 1 มาเฟียหนุ่มซีนอล
ซีนอล ออตโตนี วัยสามสิบสามปี เจ้าพ่อมาเฟียแห่งลูมินัสลากูน เมืองแห่งทะเลสาบที่ส่องประกายราวกับแสงดาวยามค่ำคืน ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในพื้นที่นี้ ทุกการตัดสินใจของเขาคือกฎเหล็ก
ซีนอล ออตโตนี คือคำจำกัดความของ "ความสมบูรณ์แบบ" ในแบบฉบับชายหนุ่มอิตาลีผู้ทรงอำนาจและน่าหลงใหลจนใคร ๆ ที่ได้เห็นไม่อาจละสายตาได้
คนเราจะโชคดีทั้งทรัพย์สมบัติ อำนาจ และรูปสมบัติให้เป็นที่น่าอิจฉา เขามีร่างสูงใหญ่และสมส่วนอย่างน่าทึ่ง ความสูงที่ร้อยเก้าสิบเซนติเมตร ทำให้เขาดูโดดเด่นเหนือทุกคน ดวงตาสีเทาที่ลึก และแค่ได้สบตาก็ทำให้รู้สึกเยือกเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
แต่ทว่ากับพลิ้วไหวดุจผืนน้ำของทะเลสาบในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ ซีนอลสามารถสะกดใจทุกคนที่สบตาเข้าโดยตรง และยิ่งจมูกโด่งได้รูป คมชัดราวกับถูกแกะสลักจากหินอ่อน
กรามแข็งแรงที่เน้นอยู่ในกรอบหน้า รับกับมุมปากที่ยกขึ้นเพียงเล็กน้อย หากพิจารณาดี ๆ แล้วในรอยยิ้มหยักนั่น แฝงไปด้วยเสน่ห์อันตรายและความมั่นใจที่ไม่มีใครเทียบได้
รอยเคราที่ปรากฏบาง ๆ บนกรอบหน้าเพิ่มความลึกลับและความเป็นชายอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่ได้ทำสีผม เส้นผมสีดำสนิทของเขาเงางามและจัดทรงอย่างเนี้ยบ
เขาก้าวเข้ามาในห้องแห่งนี้ ทุกสายตาพุ่งเป้าไปที่เขาเป็นตาเดียวกัน
แม้ร่างหนาจะไม่ได้ใส่สูทสีเข้ม ๆ เหมือนเคย แค่เพียงเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีดำ ที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถันประณีต ก็กินขาดบุรุษทุกคนที่อยู่ในห้องนี้
ไหล่กว้างผายตามหลักผู้ชายอกสามศอก หน้าอกที่มีมัดกล้ามเนื้ออย่าสมบูรณ์ บ่งบอกถึงการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี
“สวัสดีครับคุณซีนอล เป็นเกียรติแก่ผับของเราครับ”
“วันนี้มีอะไรดี ๆ หรือ” เสียงของเขาที่ทุ้มนุ่มลึกและทรงพลัง ราวกับท่วงทำนองที่ผสานกันระหว่างความเย็นชากับความดึงดูดในเวลาเดียวกัน
“มีแน่นอนครับ ถ้าคุณได้เห็นหน้าของเธอละก็ อาจจะ”
“อย่าโม้มากนะ”
“ไม่มีแน่นอนครับ ผมพูดเรื่องจริงเสมอ” เปาโลเจ้าของผับที่อยู่ภายใต้การดูแลของซีนอล
เปาโลหันไปตบมือเรียกพนักงาน เครื่องดื่ม และอื่น ๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ ก็ถูกลำเลียงออกมาวางตรงหน้าเขา เปาโลผายมืออีกที สาว ๆ สวย ๆ กำลังจะดาหน้าเข้ามานั่ง
“ไม่... วันนี้ฉันอยากจะนั่งอย่างสงบ”
“อ้อ... ครับ ได้ครับคุณซีนอล” เปาโลหันไปสะบัดมือ สาว ๆ ทั้งหลายก็ถอนหายใจกันอย่างเสียดาย และพากันล่าถอยกลับไป
“ทุกคนก็ออกไปด้วย” เขาเอ่ยปากไล่ ทั้งเปาโล และบอดี้การ์ดของเขา
ดวงตาที่สะท้อนความอันตรายราวกับเสือดำที่เฝ้ามองเหยื่อจากเงามืด ความเย็นชาและห่างเหินที่เขาแสดงออก ทำเอาทุกคนขนลุกไปหมด
ซีนอลยกแก้ววิสกี้ขึ้นจรดริมฝีปาก และเทน้ำสีเหลืองอำพันเข้าไปในลำคอ
ใบหน้าของคุณปู่ลอเรนโซวนเวียนอยู่ในหัวของเขา เรื่องที่ท่านเอ่ยกับเขาในวันนี้
ณ คฤหาสน์ของท่านลอเรนโซ
ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาสูงชัน เมื่อมองลงไปก็เห็น ลูมินัสลากูน
ทะเลสาบที่เปล่งประกายราวกับอัญมณีเมื่อต้องแสงจันทร์ ตัวคฤหาสน์ถูกออกแบบในสไตล์นีโอคลาสสิกที่งดงามและทรงอำนาจ ผนังหินอ่อนสีขาวสะอาดสะท้อนแสงอ่อน ๆ ยามค่ำคืน หน้าต่างกระจกทรงโค้งสูงเปิดรับลมเย็นจากทะเลสาป
สวนที่ล้อมรอบเต็มไปด้วยไม้พุ่มตัดแต่งเป็นระเบียบ และน้ำพุหินอ่อนที่มีรูปปั้นเทพเจ้าโรมันตั้งอยู่กลางลานกว้าง เสียงน้ำไหลเพิ่มความสงบให้กับสถานที่แห่งนี้
รั้วเหล็กดัดลายวิจิตรทอดยาวปกป้องคฤหาสน์ดุจดั่งของล้ำค่าหายาก
ที่ระเบียงทอดยาวยื่นไปในทะเล เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นลูมินัสลากูนทั้งผืนก็ว่าได้ ในยามค่ำคืนนี้ แสงที่สาดส่องมาจากเมืองที่อยู่ในฝั่งตรงกันข้าม และแสงจันทร์ดวงกลมโต ที่สะท้อนบนผืนน้ำทำให้ที่นี่ดูราวกับภาพวาดในเทพนิยาย
ซีนอลถอนหายใจลึก ๆ และผินหน้าหันหนี ไม่มองหน้าของคุณปู่ของตนเอง ในสายตาของคุณปู่ลอเรนโซ ชายหนุ่มยังขาดบางสิ่ง... ความรักและความสุขที่แท้จริง
คุณลอเรนโซ ผู้เคยเดินทางชีวิตมาด้วยความแข็งกร้าวเช่นเดียวกับซีนอล ตระหนักดีว่า หากปราศจากคู่ครองที่จะคอยเติมเต็ม ชีวิตที่ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ อาจกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า
จู่ ๆ คุณปู่ลอเรนโซก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ "ซีนอล แกยังคิดเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า ที่ว่าแกน่ะจะสร้างโลกใบนี้ด้วยมือของตัวเอง อำนาจ ทรัพย์สินล้ำค่า รวมถึงที่ว่าทุกคนยำเกรง เฮ้อ... แต่แกเคยถามตัวเองไหมว่า สิ่งเหล่านั้นเติมเต็มชีวิตของหลานได้จริง ๆ หรือเปล่า?”
น้ำเสียงของชายชราที่ผมเป็นสีดอกเลาแล้ว เต็มไปด้วยความหนักแน่น ซีนอลหันกลับมา ก็พบดวงตาที่อ่อนโยน... แต่ใบหน้าของซีนอลก็ยังเย็นชา และไร้อารมณ์เหมือนเดิม
“ปู่หมายถึงอะไร”
คุณปู่กำลังจะขยับปาก เขาก็รีบยกมือห้ามเสียก่อน ก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ที่อยากจะให้ซีนอลหาผู้หญิงสักคนมาแนบกาย และรักเธอคนนั้นอย่างหมดหัวใจ
“ผมไม่ต้องการสิ่งที่เรียกว่าความรักนะครับ ความสุขของผมคือการได้ครอบครองทุกอย่างในมือ”
“เฮ๊ย! แล้วยังไง มันสุขจนแกน่ะ เคยได้เห็นหน้าของตัวเองในตอนนี้ไหม หน้าตาไม่มีแม้แต่รอยยิ้มน่ะ” อดที่จะว่าให้หลานชายไม่ได้
“รู้ไหมเรื่องเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ มันหายไปจากแกได้ หากมีใครสักคนทรยศหรือหักหลังแก แต่ว่าความรักที่แท้จริงน่ะนะ ไม่มีใครพรากไปจากแกได้...” ซีนอลทำหน้าปุ¬เลี่ยนๆ
คุณปู่ก็ได้แต่หัวเราะรวน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเศร้าหม่น ที่ท่านพูดออกไปแล้วแต่หลานชายไม่เชื่อ
"เอาเถอะ ๆ แกคิดว่าแกแข็งแกร่ง แต่จริง ๆ แล้ว แกน่ะน่าจะเป็นคนที่เปราะบางกว่าที่คิดนะ การมีใครสักคนที่รักอย่างไม่มีเงื่อนไขต่างหาก ที่จะทำให้แกรู้จักความแข็งแกร่งที่แท้จริง" ซีนอลเอาแต่ส่ายหน้า และถอนหายใจยาว ๆ เขายังกอดอก แล้วมองสบตากับคุณปู่
สักพักท่านก็ยักไหล่ แล้วมองออกไปยังทะเลสาบที่อยู่เบื้องหน้า
"ผมเห็นพ่อทำลายตัวเองเพราะความรัก ผมเห็นแม่ร้องไห้จนวันสุดท้ายของชีวิต ผมไม่เชื่อว่าความรักจะนำพาความสุขมาให้ มันมีแต่จะทำลายทุกสิ่ง"
คุณลอเรนโซชักสีหน้านิด ๆ แล้วหันมาวางมือลงบนไหล่ของหลานชาย
“ตอนนี้แกยังไม่เชื่อ แต่สักวันเมื่อความรักมันเข้าตา แล้วจะโงหัวไม่ขึ้น คนอย่างแกน่ะนะ ปู่เชื่อว่า ต้องคลั่งรักมาก ความรักที่แกเชื่อว่าเป็นตัวทำลายล้างนะ มันไม่จริงสักหน่อยซีนอล” ท่านยังแสดงอาการขบขันออกมา พร้อมกับจ้องมองหลานชายตาไม่กะพริบ
ซีนอลก็อยากจะเถียงเหมือนกัน แต่เขาก็ต้องนิ่งเสีย และนั่งนิ่ง ๆ รอฟังสิว่าคุณปู่จะพูดอะไรต่อไป
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากที่แฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนและหมดสติไปหนึ่งสัปดาห์ เขาก็ฟื้นคืนความทรงจำขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาจำได้ว่ามีคนที่เขารักมายาวนาน ดังนั้น สิ่งแรกที่เซิ่งหลินชวนทำเมื่อฟื้นจากอาการโคม่า คือการขอเลิกกับฉินเวย “เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันความจำเสื่อม ไม่ได้เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจทำจริงๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราตัดขาดความสัมพันธ์ ความรักของเราก็ทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเลย ” ฉินเวยไม่ได้ว่าอะไร บัญเอิญว่าการวิจัยยาใหม่ในห้องทดลองสำเร็จ ฉินเวยจึงขอเข้าร่วมการทดลองยา “เมื่อคุณรับประทานยาเม็ดนี้ ความทรงจำส่วนนี้จะถูกลบไปอย่างถาวร คุณฉินเวย คุณตัดสินใจดีแล้วหรือ?”
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY