เขาให้เธอเลือกระหว่าง ‘แฟนตัวจริงหรือเมียสมอ้าง’ บอกว่าชอบใจคำไหนก็ให้เลือกใช้เอาเอง ทั้งที่เธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้น อย่างนี้ก็ได้ด้วย!
เขาให้เธอเลือกระหว่าง ‘แฟนตัวจริงหรือเมียสมอ้าง’ บอกว่าชอบใจคำไหนก็ให้เลือกใช้เอาเอง ทั้งที่เธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเท่านั้น อย่างนี้ก็ได้ด้วย!
บทนำ
นิชนิภากำลังคิดถึงชะตากรรมอันโหดร้ายของตนเอง
ชีวิตที่ยุ่งเหยิงน่าปวดหัวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่… มันคงจะเป็นวันนั้นที่เธอมาเจรจาขอลดหนี้กับเจ้าหนี้มาเฟีย นึกอยู่แล้วว่าเขาคงจะไม่ใช่คนใจดี สรุปว่าเธอต้องมาทำงานใช้หนี้ที่บ้านเขา แต่อยู่บ้านเดียวกันได้แค่ไม่กี่วันเขาก็จับเธอโยนขึ้นเตียงเสียแล้ว
เป็นเธอที่ใจเบา หรือเป็นเขาที่ใจร้าย หรืออาจจะเป็นทั้งคู่ก็ได้ที่ใจบาป เธอถึงต้องมานอนอยู่ใต้ร่างเขาแล้วต่อต้านแบบพอเป็นพิธี…
หญิงสาวรูปร่างแบบบางที่นอนราบอยู่บนเตียงตะลึงตาค้างเมื่อชายหนุ่มที่คร่อมร่างอยู่ด้านบนเริ่มกดปลายจมูกโด่งลงมาที่ซอกคอ
ไม่อยากจะเชื่อว่าพลภัทรจะทำแบบนี้
เขาไม่เคยแสดงออกในเชิงสิเน่หาหรือว่าชื่นชอบในตัวเธอเลยสักครั้ง นับตั้งแต่ที่รับเธอเข้ามาทำงานเพื่อชดใช้หนี้ เจอกันแต่ละครั้งเขาก็มักจะทำสีหน้าเข้มขรึมเสมอ มีเพียงครั้งเดียวที่เขายิ้มแต่นั่นก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่มอบให้เธอ
นิชนิภาเริ่มสับสนว่าตนเองควรทำอย่างไร ใจหนึ่งก็อยากต่อต้านที่เขาก้ำกึ่งใช้กำลังเข้าบังคับ จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอตรึงไว้กับที่นอนแล้วเริ่มปลุกปล้ำ แต่อีกใจก็อยากจะยินยอมเพราะเธอก็ชอบเขาไม่น้อย
ทว่ามันรวดเร็วมากเกินไปที่จะปล่อยให้ความสัมพันธ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น เธอเพิ่งรับปากตกลงจะเป็นแฟนสมอ้างให้กับเขาวันนี้นี่เอง เวลาผ่านมาเพียงไม่กี่นาทีเขาก็จะใช้สิทธิ์เกินข้อตกลงเสียแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงรีบร้องบอก “คุณพล! ปล่อยนิ!”
ชายหนุ่มได้ยินเต็มสองหูแต่ก็ยังคงรุกไล่ไซ้ซอกคอไม่เลิก เขาค่อยๆ ใช้ริมฝีปากอุ่นประทับลงไปบนผิวนุ่มแล้วลากไล้ไปมา สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากผิวสาวเข้าปอดอย่างเชื่องช้าแล้วค่อยผ่อนลมหายใจอุ่นออกมารินรดลงไปที่เดิม ไม่น่าเชื่อว่าไรหนวดจางๆ ที่ครูดไปบนผิวนุ่มจะทำให้คนใต้ร่างหวั่นไหวได้ แรงต้านจากฝ่ามือน้อยๆ ที่ผลักอกส่งให้รู้ว่าเธอขัดขืนอย่างไม่จริงจัง
เรียวปากสีหวานพร่ำบอกให้เขาหยุด ทว่าทั่วทั้งร่างกำลังหอบสะท้าน และแรงต้านที่ข้อมือบางก็น้อยนิดเสียเหลือเกิน
พลภัทรไม่ได้เจนจัดเรื่องบนเตียงนัก หากแต่ก็ไม่ใช่ไก่อ่อน มีประสบการณ์ร้อนรักมาพอสมควรจึงรู้ว่านิชนิภากำลังหวั่นไหว และหากเขาดื้อดึงจะเล้าโลมเธอต่อไป หญิงสาวคงไม่รอดพ้นไปจากเงื้อมือเขาแน่
ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังขัดขืน คนที่ตัวใหญ่กว่าด้านบนก็กำลังสับสนในใจ เขาจะปล่อยเธอไปก่อนก็ได้ ทว่าก็อยากสั่งสอนเธอเสียบ้าง ที่ผ่านมานิชนิภาไม่เคยออดอ้อนหรือส่งยิ้มหวานอ่อนโยนแบบจริงใจ
เธอเคยยิ้มให้เขาก็จริงแต่เป็นเพียงยิ้มให้ตามมารยาทเท่านั้น ที่เห็นได้บ่อยๆ ก็คือยิ้มอ่อนที่ไปไม่ถึงดวงตา กระทั่งครู่ก่อนเธอยังหัวเราะร่ากับชายอื่นทั้งที่เพิ่งจะตกลงคบกันแล้วแท้ๆ
คนกำลังหึงจึงพรมจูบไปตามลำคอแทนการสั่งสอนด้วยวาจา
“คุณพล นี่คือวิธีจีบผู้หญิงของคุณจริงๆ เหรอคะ!”
“แบบนี้ละชัดเจน ตรงประเด็น ผมไม่ชอบอ้อมค้อม” แล้วเขาก็ผละริมฝีปากออกจากลำคอขาวเนียน
พลภัทรตัดสินใจได้แล้วว่าคงจะต้องให้บทเรียนกับนิชนิภาเสียบ้าง ขนาดนอนอยู่ใต้ร่างเขาเธอยังไม่ขอร้อง ใช้แต่น้ำเสียงออกคำสั่ง ทำแบบนี้กับเขามาก็หลายครั้งและไม่เคยส่งผลดีแต่กลับไม่จดจำ
คราวนี้ละ เขาจะสอนให้เธอหัดอ่อนหวานสมเป็นผู้หญิงเสียบ้าง…
แล้วชายหนุ่มก็ประกบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากสีหวานที่น่าเย้ายวนใจ
“อื้อ!…” นิชนิภาพยายามกรีดร้อง แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเท่าใดริมฝีปากเธอก็ยังตกอยู่ในความครอบครองของพลภัทร เขาไม่ได้สนใจเสียงร้องค้านของเธอแม้แต่นิด เรียวลิ้นนุ่มยังซุกไซ้และพยายามจะแทรกผ่านไรฟันเข้ามา และเขาก็มีชั้นเชิงมากกว่าคนอ่อนหัดอย่างเธอเสียด้วย
ไม่นานเขาก็สามารถเข้ามาสำรวจโพรงปากของเธอได้ตามอำเภอใจ นิชนิภาถูกล่อลวงด้วยฝ่ามือหนาที่ผละจากข้อมือบางไปเพื่อลูบไล้ต้นขา เพราะเธอกลัวว่าเขาจะไล้มือสูงขึ้นมาพร้อมกับการดึงรั้งชายกระโปรง ขณะที่เธอพยายามส่งมือไปยื้อข้อมือห้ามไว้ชายหนุ่มก็จู่โจมดูดดึงริมฝีปากเธออย่างรุนแรง
เมื่อถูกสัมผัสอย่างไม่ทะนุถนอมนานเข้าเธอก็ต้องยอมเพราะเริ่มเจ็บ พอยอมแล้วชายกระโปรงจึงถูกดึงขึ้นมากองอยู่ที่สะโพกมน
คราวนี้พลภัทรค่อยๆ ผ่อนแรงขบเม้ม เขาค่อยๆ เบี่ยงเบนความสนใจด้วยการจูบไล้อย่างนุ่มนวล เปลี่ยนจากครู่ก่อนที่เร่าร้อนดิบเถื่อน เหมือนจะสอนว่าถ้าเธอไม่ดื้อด้านเขาก็จะอ่อนโยนกับเธอเหมือนกัน
“อื้อ…” ครั้นพยายามจะร้องค้านอีก จากที่เขาขบเม้มกลีบปากเธอเบาๆ จึงกลายเป็นแทรกเรียวลิ้นเข้ามากระหวัดเกี่ยวเรียวลิ้นเธอเป็นพลันวัน และคราวนี้เขาหยอกเย้า ปลุกปั่นจนกระทั่งเธอเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง
จุมพิตครั้งนี้พาให้สติพร่าเลือนออกไป ลมหายใจอุ่นที่เป่ารด ไออุ่นจากร่างกายของเขา กลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวที่ส่งกลิ่นยั่วเย้า และฝ่ามือหนาที่กำลังลากไล้อยู่บนผิวบางกำลังจะทำให้เธอกลับเข้าร่างไม่ได้
ร่างกายราวกับไม่เชื่อฟังเธอเลย
นิชนิภาปล่อยให้ชายหนุ่มเคล้นคลึงทรวงอกข้างหนึ่งของเธอได้โดยง่าย เธอเพียงวางมือแปะไว้บนลาดไหล่กว้างเบาๆ เพราะเริ่มอ่อนแรงลงทุกทีๆ
เขาเล้าโลมเพียงแค่นี้เธอก็พ่ายแพ้เสียแล้ว หากว่าเขาไม่หยุดมือเธอคงกลายเป็นเจลาตินแน่ๆ
พลภัทรหรี่ตามองคนตัวอ่อนใต้ร่างแล้วนวดคลึงเต้ากลมไปพลางๆ เขาชักอยากจะกระชากเดรสสีจืดของเธอออกไปให้พ้นเสียแล้ว แต่ถ้าเขาได้เห็นเรือนร่างใต้ร่มผ้าเขาจะหยุดตัวเองได้อย่างไร
ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าความเป็นชายได้ผงาดขึ้นแล้ว แทนที่พลภัทรจะหยุดซุกซนบนร่างกายของหญิงสาวแต่เขากลับใช้นิ้วดันบราเซียของเธอขึ้นไปให้พ้นทาง พอไม่มีปราการขวางกั้นแล้วก็นวดคลึงเต้ากลมได้อย่างสนุกมือ
สติที่หลุดลอยออกนอกอวกาศไปแล้วจึงกลับเข้ามาประทับร่าง เพราะมือหนาของชายหนุ่มเริ่มซุกซนมากเกินไป นิชนิภาลืมตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มกำลังไล่ปลดกระดุมเสื้อ และอีกไม่นานเขาจะถอดเดรสของเธอออกได้
และก็เป็นไปตามที่คิด เมื่อกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายหลุดออกริมฝีปากอุ่นก็ผละไปทันควัน พลภัทรปล่อยให้เรียวปากเธอเป็นอิสระเพราะเขาจะทำอย่างอื่นนั่นเอง
“อย่าค่ะ!” นิชนิภารีบร้องบอกอีกครั้ง และคราวนี้เสียงเธอสั่นสะท้านจนคล้ายอ้อนวอน
แต่คนที่เริ่มจะทนไม่ไหวกลับเป็นพลภัทรเสียเอง อยู่ๆ ก็ทำหูทวนลมขึ้นมา เขารีบลากริมฝีปากอุ่นลงมาประทับบนเนินอกขณะที่มือทั้งสองข้างกำลังช่วยกันดึงชุดเดรสและบราเซียออก
ทว่าเขาคงจะใจร้อนมากเกินไป เสื้อผ้าสตรีที่ไม่ซับซ้อนจึงถอดยากขึ้นมาทันที ตอนนี้นึกได้แค่วิธีกระชากหรือทำให้ขาดออกจากกัน และเมื่อยังไม่อยากทำรุนแรงถึงขั้นนั้นจึงได้แต่พรมจูบไปบนผิวบางส่วนที่สามารถขจัดสิ่งกีดขวางออกไปได้
นิชนิภาเริ่มใจหายเมื่อชายหนุ่มจูบต่ำลงไปจนเกือบถึงยอดอกแล้ว จะสั่งเขาก็คงไม่ได้เปลี่ยนเป็นขอร้องก็อาจจะไม่ได้ผล แต่เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจึงพร่ำบอกกับลมกับฟ้า “คุณพลอย่า นิขอร้อง!”
พลภัทรตั้งหน้าตั้งตาจะเปลื้องผ้าเท่านั้น จนกระทั่งมาสะดุดหูที่คำหนึ่ง “นิขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ นิอยากมั่นใจว่าคุณทำเพราะชอบ ไม่ได้ทำเพราะหน้ามืดหรือประชดใคร”
‘นั่นสิ เขาทำเพราะอะไรกันแน่… ทีแรกตั้งใจแค่สั่งสอน ไปๆ มาๆ กลายเป็นจะครอบครองเธอทั้งตัว’
ริมฝีปากที่กำลังลากไล้อยู่บนทรวงอกหยุดชะงัก “ผมไม่เคยรักอาญ่า ไม่จำเป็นต้องประชด”
“แต่คุณก็มีลูกกับเธอแล้ว จะไม่ให้เกียรติเธอสักนิดเหรอคะ”
ชายหนุ่มรู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมาทันที จะพูดออกไปจริงหรือว่านั่นไม่ใช่ลูกตนเอง…
อารมณ์ที่พุ่งทะยานจนเกือบหยุดไม่ได้เมื่อครู่ก่อนสลายหายไปสิ้น ความจริงที่เก็บไว้อัดแน่นอยู่เต็มอกจนเจ็บจุกไปทั้งใจ พลภัทรถอนหายใจแรงอย่างสุดเซ็งก่อนจะเอ่ย “เอาเป็นว่าตอนนี้คุณเป็นผู้หญิงของผมแล้ว อยากจะคิดอะไรก็ตามใจ”
แล้วร่างสูงก็ลุกออกไปจากเตียง
เธอพูดแทงใจดำเขาใช่ไหมละถึงได้ชะงักไปแบบนั้น ไม่ใช่แค่เขาหรอกที่ต้องเจ็บ พูดออกไปเองแท้ๆ แต่ก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน
นิชนิภาลุกขึ้นนั่งแล้วดึงชุดเดรสให้กลับเข้าที่เข้าทางอย่างลวกๆ ใช้จังหวะที่พลภัทรเดินไปเข้าห้องน้ำวิ่งออกไปที่ประตู
ครู่เดียวเธอก็กลับมาอยู่ในห้องพักของตนเองได้
‘เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เธออยากรับบทนางเอกงั้นหรือ… ระหว่างเธอกับเขามันคืออะไรกันแน่…’ คิดพลางกดล็อกลูกบิดประตูแล้วทรุดเข่าลงนั่งคิดใคร่ครวญ
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
ย้อนเวลากลับมาก็ดี หรือจะเป็นเพียงฝันหนึ่งก็ช่าง แต่ข้ารู้แล้วว่าการงมงายกับความรักข้างเดียวนั้นมันช่างน่าเวทนายิ่งนัก ในเมื่อข้าพยายามมามากแล้วแต่ท่านกลับไม่เห็นค่า เช่นนั้นก็พอเท่านี้เถอะ
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
นั่งรีวิวนิยายอยู่ดีๆ จ้าวลี่หลินก็ทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นนางร้ายในนิยายตรงหน้า สวรรค์ข้าเพียงด่านางร้ายผู้นี้ไปสองสามประโยคเท่านั้น เหตุใดต้องกลั่นแกล้งกันถึงเพียงนี้ แล้วสามีผู้นี้มิใช่ว่าเขาคือแม่ทัพผู้เก่งกาจหรือไร เกิดอะไรขึ้นจึงได้มาเป็นชาวสวนแบบนี้ แต่ถึงจะถูกไล่ออกมาเป็นชาวสวนแล้วอย่างไร ไม่ได้เป็นขุนนางก็เป็นคนร่ำรวยได้ มีเงินย่อมมีอำนาจมิใช่หรือ แต่หากอยากกลับไปยิ่งใหญ่อีกครั้งก็ต้องฟังภรรยาอย่างข้า สามี...อยากรวยต้องช่วยข้าทำสวน
เรือนนี้ผีไม่หลอก : นามปากกา บ.บี อู่หลิงเยว่หญิงสาววัย 17 ปี ตายเพราะแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 21 แต่ยังไม่ทันได้ผุดได้เกิด กลับตื่นขึ้นในร่างหญิงโบราณที่ชื่อแซ่เดียวกันท่ามกลางภาวะสงคราม โลกใหม่ที่นางมาเยือนคือแคว้นเหยียน ดินแดนที่เพิ่งถูกตีแตกและกำลังจะล่มสลาย นางไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีครอบครัวหลงเหลือ มีเพียง “ห้างสรรพสินค้าส่วนตัว” พร้อมระบบแลกแต้มที่ยังไม่เสถียร และกฎเหล็กข้อเดียว: จะใช้ของในห้างสรรพสินค้าได้ ต้องทำความดีเพื่อสะสมแต้ม! แต่ในยุคที่ผู้คนกำลังอดอยากและถูกไล่ล่าจากศัตรู หากนางเผลอหยิบเอาอาหารออกมาจากอากาศแล้วมีคนพบเห็นเข้า นางคงถูกตีตราว่าเป็นแม่มดนอกรีตเป็นแน่ เพื่อเอาตัวรอด อู่หลิงเยว่หนีเข้าเรือนร้างเก่าแก่ของตระกูลเกา เรือนที่คนทั้งหมู่บ้านร่ำลือว่ามีผีเฮี้ยน เพราะเจ้าของเรือนกับบ่าวไพร่สิบสองชีวิต เคยถูกฆ่าตายยกหลังในคืนเดียว นางจึง "แกล้งเป็นผี" แจกจ่ายข้าวของกลับไปเป็นข้าว ยา และของใช้ ชาวบ้านได้ของกินนางได้แต้ม ระบบได้ทำงาน วิน วิน!!! แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด... แม่ทัพเซี่ยโม่เหวิน นำทหารสามร้อยนายเข้ามาตั้งค่ายในหมู่บ้านหานเฉิง เพื่อดูแลชาวบ้านและทหารหนีตายจากทั่วสารทิศ เมื่อเขาค้นพบว่าองค์ชายแห่งแคว้นยังมีชีวิตอยู่พร้อมกองกำลังขนาดใหญ่ที่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการกอบกู้บ้านเมือง เขาจึงวางแผนพาชาวบ้านและทหารที่เหลือทั้งหมดไปรวมกำลังกับองค์ชาย ทว่า..ชาวบ้านกลับปฏิเสธ พวกเขาไม่เชื่อในกองทัพ แต่กลับเชื่อมั่นใน "ผีเรือนร้าง" ผีที่ไม่เคยหลอกใคร แต่แจกข้าว แจกยา และความหวัง เมื่อทางเลือกหมดลง..เซี่ยโม่เหวินจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีแม่ทัพคนใดเคยคิดจะทำมาก่อน เขาจะไปเชิญ “ผี” ร่วมเดินทางไปด้วย และสิ่งที่เขาได้พบในเรือนร้าง จะเปลี่ยนทุกอย่างที่เขาเคยเชื่อไปตลอดกาล
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
จะมีสิ่งใดน่าทุกข์ใจไปมากกว่าการถูกคนในครอบครัวรังเกียจภายหลังจากมารดาเสียชีวิตเด็กน้อยอายุห้าขวบต้องพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดพร้อมกับน้องสาวที่พึ่งลืมตาดูโลกอีกทั้งน้องชายฝาแฝดที่พึ่งเกิดมายังถูกพรากไป หลี่อันหนิง เด็กสาวผู้เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่ไม่เหมือนผู้ใดนอกจากต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากคนในครอบครัว ตลอดชีวิตนางยังไม่เคยได้รับอุ่นไอจากผู้เป็นบิดาที่ยังเหลืออยู่ จนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต นางก็ยังไม่รู้เลยว่าเหตุใดสวรรค์ถึงได้กำหนดชะตาชีวิตเช่นนี้ให้กับตน เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวพบว่าตนเองกลับมายังอดีตในช่วงเวลาที่ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ พร้อมกับความสามารถที่ไม่มีมนุษย์คนไหนทำได้เหมือนอย่างนาง หลี่อันหนิงได้เริ่มวางแผนแก้แค้นให้กับตนและช่วยเหลือน้องทั้งสองมิให้มีชะตากรรมดั่งชาติที่แล้ว ************************************************************ “ท่านแม่!! ท่านแม่!! ตื่นสิเจ้าคะ นอนที่นี่ไม่ได้นะเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ร่างเล็กแกรนแกะเอาเสื่อที่ห่อม้วนร่างของมารดาออก ก่อนจะเขย่ากายที่เย็นชืดไปนานแล้วของนาง ทว่าในระหว่างที่สายฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงร้องแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อยก็ดังขึ้น หลี่อันหนิงมองไปยังช่วงขาของมารดาเห็นบางสิ่งกำลังขยับไหว นางจึงเลิกชุดสีขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตของมารดาขึ้น บัดดลร่างเล็กของเด็กทารกที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดก็ปรากฏแก่สายตา ด้วยสัญชาตญาณ เด็กน้อยในวัยห้าขวบรีบถอดเสื้อคลุมด้านนอกอันเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำฝนออกมาห่อร่างเล็กของน้องสาวเอาไว้ ส่วนตนเองก็เอาแต่เอ่ยพึมพำว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พี่สาวจะดูแลน้องเอง หลี่อันหนิงกอดเด็กทารกเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ร่างกายเล็กจ้อยของตนกำบังลมฝนให้น้องน้อยอย่างกล้าหาญ ******************************************************** ร่างเล็กนั่งตากฝนอยู่บนเขาเป็นเวลาเนิ่นนาน เพราะหาหนทางกลับเรือนเฉกเช่นผู้ใหญ่ไม่ได้ กายของเด็กน้อยเริ่มสั่นสะท้านเสียงฟันของนางกระทบกันดังกึกกัก ก่อนสติสุดท้ายของเด็กหญิงจะดับวูบไป หลี่อันหนิงคล้ายมองเห็นมารดาของตนที่นอนอยู่เบื้องหน้าลุกขึ้นมาตระกองกอดนางเอาไว้แนบอก ก่อนกระซิบน้ำเสียงอ่อนโยนว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แม่อยู่นี่แล้ว เสียงเพลงกล่อมเด็กที่มารดาเคยร้องกล่อมตนยามค่ำคืนยังคงดังก้องประทับในโสต หลี่อันหนิงหลับไปทั้งรอยยิ้มโดยไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นต่อจากนั้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY