เจ้านายดีๆ ก็เหมือนรักแท้ หลายคนเชื่อว่ามี แต่น้อยคนนักที่จะได้เจอ.....ซึ่งเจ้านายของฉันไม่ใช่คนดี แต่เป็นพวกยันเดเระ!
เจ้านายดีๆ ก็เหมือนรักแท้ หลายคนเชื่อว่ามี แต่น้อยคนนักที่จะได้เจอ.....ซึ่งเจ้านายของฉันไม่ใช่คนดี แต่เป็นพวกยันเดเระ!
เจ้านายจอมโหด กำลังโกรธอะไรฉันอยู่นะ!
บทนำ
..................
"ไอ้เจ้านายใจร้าย วาจาพิกลพิการฟังไม่รู้ความ จิตใจหยาบกระด้าง ไม่มีเมตตาข้าทาสบริวาร ดีแต่สั่งให้ฉันทำงานล่วงเวลาจนไม่เคยได้ไปเดท ไอ้แว่นสี่ตาน่ารำคาญ!"
"แฮ่กๆๆๆ ขอดัดแปลงคำพูดจากละครเรื่องดังหน่อยเหอะ แฮ่กๆๆๆ"
ฉันหอบหายใจแรงหลังจากระบายความอัดอั้นในใจตลอดเวลาห้าปีที่มีออกไปบนดาดฟ้ากว้างของบริษัทที่คิดว่าไร้ผู้คน หลังจากที่วันนี้ถูกสั่งให้ทำโอทีอยู่คนเดียวทั้งๆ ที่มีนัดดูตัวแท้ๆ ประสบการณ์ล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่มความสัมพันธ์ครั้งที่ร้อย ทำให้ฉันรู้สึกอัดอั้นใจเสียเหลือเกิน
"ฮืออออ ทำไมต้องสั่งให้ทำโอทีทุกครั้งที่มีเดทด้วยเนี่ย! ความสาววัยแรกแย้มกำลังค่อยๆ ถูกกลืนไปตามกาลเวลา ความตื่นเต้นเร้าใจค่อยๆ แห้งเหี่ยวลงทุกวัน"
"เป็นแบบนี้แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เสียซิงสักทีเนี่ย" เพราะความโมโหเลยพูดจาไปเรื่อยไปเปื่อย แต่ทว่าใครจะไปคิด ว่าพอพูดจบประโยคฉันก็ได้โดนสมใจ (T^T)
"อยากเสียซิงขนาดนั้นเลยหรือไง"
"ให้ผมช่วยคุณดีมั้ยล่ะ"
เสียงทุ้มเย็นยะเยือกที่แสนคุ้นเคยที่มักจะใช้จิกหัวใช้งานฉันราวกับทาสดังขึ้น
ตุ้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวใจเจ้ากรรมเต้นระรัว แข้งขาก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยขึ้นมากะทันหัน เมื่อเห็นว่าร่างสูงที่แสนคุ้นเคยของใครบางคนกำลังเดินออกมาจากมุมสูบบุหรี่
"คะ คะ คะ คุณขุนพล" ความตกใจทำให้ฉันพูดจาราวกับแผ่นเสียงตกร่อง หัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เพราะดันทำเรื่องใหญ่เข้าให้เสียแล้ว เพราะคนที่ด่ากราดไปเมื่อครู่ ก็คือเขาคนนี้นั่นเอง
ชายหนุ่มร่างสูงราวๆ ร้อยแปดสิบกว่าๆ ที่มีใบหน้าคมคายได้รูป ทว่ากลับถูกบดบังด้วยกรอบแว่นตาสีดำแสนเชย แต่ก็ไม่อาจบดบังออร่าความหล่อของเขาได้ เขาหล่อ เขารวย จบนอก ซึ่งตรงสเปกฉันทุกอย่างโดยเฉพาะแว่นตาเชยๆ ของเขา อะไรจะทำให้คลั่งได้เท่ากับหนุ่มแว่นกันล่ะ ยกเว้นแค่ปากของเขาที่ไม่ตรงสเปกฉันอย่างแรง เพราะฉันไม่ชอบผู้ชายที่เลี้ยงหมาไว้ในปาก
ตึก ตึก ตึก
ร่างสูงสาวเท้าเดินเข้าหาหญิงสาวด้วยท่าทางสบายๆ โดยที่ยังคงคีบบุหรี่เอาไว้ในมือ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวร่างบางที่ยังคงตกอยู่ในอาการงุนงง
ฟู่ว
"ว่าไงล่ะ คุณน้ำขิง" เจ้านายหนุ่มเอ่ยชื่อของลูกน้องสาวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่คนตรงหน้า
"ความปรารถนาของคุณน่ะ ให้ผมช่วยสงเคราะห์ให้ดีหรือเปล่าล่ะ"
"แค่กๆๆ มะ ไม่เป็นไรค่ะ"
‘เห็นไหมล่ะ ว่าเขาน่ะเลี้ยงหมาเอาไว้ในปากจริงๆ ด้วย (T^T) ’
"ทำไมล่ะ นั่นไม่ใช่ความปรารถนาของคุณงั้นหรอ"
"ไม่งั้น.....คุณคงไม่ด่าผมขนาดนั้นหรอกจริงมั้ย (^_^) "
" (¯^¯;) "
'แงงง น้ำขิงผิดไปแล้ว น้ำขิงไม่ได้ตั้งใจ'
'ฮืออ จะตกงานไหมเนี่ย น้ำขิงตกงานไม่ได้นะ สินเชื่อคอนโดกับรถ ที่ยื่นกู้ไปเพิ่งจะผ่านแท้ๆ'
"ว่าไงคุณน้ำขิง"
"สรุปมันใช่ หรือ ไม่ใช่ความปรารถนาของคุณกันแน่"
"นะ น้ำขิงขอโทษได้ไหมคะ"
"น้ำขิงขาดสติไปชั่วครู่"
"ถ้าขอโทษง่ายๆ แล้วจะมีกฎหมายไว้ทำไมล่ะครับ (^_^) "
"จะไล่น้ำขิงออกหรอคะ (T^T) "
"ทำไมล่ะ.....ไม่อยากออกงั้นหรอ"
หงึกๆ
น้ำขิงรีบพยักหน้าหงึกหงักตอบรับทันที
‘ใครจะไปอยากออกกันล่ะ’
ตึก ตึก ตึก.....
“งั้นหรอ.....”
“ไม่อยากออกสินะ” เจ้านายหนุ่มเดินต้อนเลขาสาวของตัวเองไปจนชิดกำแพง ก่อนจะใช้มือกักร่างเล็กเอาไว้ เพื่อไม่ให้หนีไปไหนได้ ก่อนจะค่อยๆ แทรกขาของตัวเองเข้าไปตรงกลางระหว่างขาเรียวทั้งสองข้างของเธอ
“คะ คุณขุนพล จะทำอะไรคะ อุ้บ!...อื้อ” ยังไม่ทันที่น้ำขิงจะเอ่ยจบประโยค ริมฝีปากของเธอก็ถูกช่วงชิงไปด้วยฝีมือของเจ้านายหนุ่ม
จุ้บ!
จ้วบ
“อึก อื้อ!” ด้วยความตกใจ น้ำขิงพยายามทั้งผลักทั้งดันคนตรงหน้าออกจากตัว แต่ทว่าร่างสูงกลับบดเบียดกายเข้ามาใกล้มากขึ้นจนทั้งสองแนบชิดกัน
จุ้บ!
จ้วบๆ
‘อื้อ ละ ลิ้น เขาส่งลิ้นเข้ามา!’ น้ำขิงได้แต่กู่ร้องในใจ เพราะริมฝีปากของเธอถูกครอบครองเอาไว้ และไม่สามารถสลัดคนตรงหน้าออกได้ง่ายๆ
‘วะ ว่าแต่ ทะ ทำไมมันรู้สึกดีจัง’
‘หรือจูบแรกของคนอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกันนะ’
จุ้บ!
จ้วบๆ
“อืมม” เจ้านายหนุ่มยังคงบูดจูบลูกน้องสาวอย่างหนักหน่วง ก่อนที่มือของเขาจะเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายนุ่มนิ่ม
“อึก! อื้อ” น้ำขิงส่งเสียงประท้วง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกลูบไล้ตามเนื้อตัว
‘นะ น่ากลัว เขาอันตราย’
‘อันตรายมากๆ’
นั่นคือสิ่งที่น้ำขิงรู้สึกในตอนนี้ เธอเริ่มรู้สึกแล้ว ว่าตัวเองมองคนแค่ภายนอกมากเกินไป ภาพลักษณ์ของเจ้านายหนุ่มที่เธอเคยมองก็คือ ชายหนุ่มผู้เงียบขรึม และปากจัด ถึงเธอจะชอบหนุ่มแว่น และ ชอบเสพนิยายพวกหนุ่มฮ็อตเนิร์ดก็ตาม แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับตัวเอง
จุ้บ!
จ้วบๆ
ยิ่งถูกบดจูบ และลูบไล้ไปตามตัวมากเท่าไหร่ น้ำขิงก็ยิ่งสติพร่ามัวเข้าไปทุกที เธอถูกเจ้านายหนุ่มชักจูงอย่างง่ายดายเพราะความไม่ประสา และไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอถูกพาตัวเข้ามาในห้องทำงานสุดหรูของเจ้านายหนุ่ม มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกอุ้มไปนั่งบนโต๊ะทำงานกว้างที่ถูกปัดสิ่งของที่ขวางทางกระจายตกอยู่เต็มพื้น ซึ่งตอนนี้ขุนพล กำลังปลดกระดุมเสื้อ และเนกไทของตัวเองออกอย่างช้าๆ เขาดูไม่ได้รีบร้อนหรือตื่นตระหนกเหมือนร่างบางที่กำลังนั่งมองเขาอย่างอึ้งๆ เลยสักนิด
ร่างสูงที่เมื่อเสื้อเชิ้ตที่สวมใส่ถูกปลดกระดุมออกจนหมดเผยให้เห็นซิกแพ็กเป็นลอนสวย ทำเอาน้ำขิงถึงกลับต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าซิกแพ็ก ก็คือรอยสักที่หน้าท้องของเขา
ฟึบ
เสื้อเชิ้ตราคาแพงถูกโยนลงบนพื้นห้องอย่างไม่ไยดี ก่อนที่มือหนาจะถอดแว่นที่กำลังสวมโยนทิ้งไปที่จุดเดียวกันกับเสื้อ เขาขยี้ผมที่ถูกเซ็ทจนเข้ารูปเรียบร้อยจนเสียทรง แต่ทว่ามันกลับดูเซ็กซี่ในสายตาของน้ำขิงเสียเหลือเกิน
“..................” น้ำขิงได้แต่มองร่างสูงของเจ้านายหนุ่มอย่างอึ้งๆ และเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตาคมของเจ้านายหนุ่ม เธอก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอีก
‘นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย’
ตึก ตึก ตึก.....
ขุนพลค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้น้ำขิงเรื่อยๆ ในสภาพที่ท่อนบนเปลือยเปล่าอวดซิกแพ็ก ส่วนมือของเขาก็กำลังทำหน้าที่ปลดเข็มขัดกางเกงที่กำลังสวมไปพลาง
“!” น้ำขิงสะดุ้ง ก่อนจะรีบกระโดดลงจากโต๊ะทำงาน
“อะ เอ่อ คุณขุนพลคะ นะ นะ นะ น้ำขิงขอกลับบ้านก่อนนะคะ” น้ำขิงแทบจะเอ่ยไม่เป็นภาษาเพราะความตื่นเต้น ตอนนี้เธอยังจับต้นชนปลายเหตุการณ์ไม่ได้เลยสักนิด ว่ามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
‘ฉันกับเจ้านายปากมอมกำลังจะมีเซ็กส์กันเนี่ยนะ ไม่เข้าท่าเลยสักนิด’
‘ถึงแม้เขาจะตรงสเปกของฉันสุดๆ เลยก็เถอะ’
“อยู่ๆ ก็ป๊อดขึ้นมาหรอ?” ขุนพลยืนพิงโต๊ะทำงาน ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอกด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร หากเธอไม่เล่นด้วย แต่ทว่าคำพูดของเขากลับเต็มไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันจนคนฟังถึงกับขมวดคิ้ว
“ว่าใครป๊อดกันคะ (╰_╯) ” น้ำขิงเอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง เพราะคติของเธอคือฆ่าได้ แต่หยามไม่ได้ ซึ่งนิสัยนี้ของเธอมันก็ดันเข้าทางของใครบางคนเสียเหลือเกิน
“ไม่รู้สิ (^_^) ” ขุนพลเอ่ยยิ้มๆ ก่อนทำท่าจะใส่เข็มขัดที่ปลดออกไปเมื่อครู่กลับที่เดิม
ตึกๆๆๆ
หมับ
มือเล็กคว้าเข็มขัดในมือหนา ก่อนจะจับกระชากโยนทิ้งไปอีกทาง
“หึ” เมื่อเห็นท่าทางของคนตรงหน้า ขุนพลก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างพอใจ
หมับ
ไม่รอให้เกิดเดดแอร์นาน มือหนาจัดการรั้งร่างบาง เข้ามาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะยกตัวเธอขึ้นไปนั่งบนโต๊ะอีกครั้ง
“หวังว่าจู่ๆ คงจะไม่ป๊อดขึ้นมาอีกนะ” ขุนพลเอ่ยดัก เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนตรงหน้า
“ไม่ มี ทาง ค่ะ” น้ำขิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำ เพราะไม่อยากเสียหน้า แต่ว่าความจริงในใจเธอตอนนี้กำลังฟุ้งซ่านเหลือเกิน
‘ (T^T) ’
‘จู่ๆ ก็จะได้เสียตัวเฉยเลยตรู’
เมื่อสาวนักเขียนนิยายวาย(18+) เริ่มหมดไฟในการแต่งฟิค ปฏิบัติการค้นหาอินสไปเรชั่น(สุดซี๊ด!) จากคู่จิ้นในดวงใจที่เธอชื่นชอบจึงบังเกิด "วายุ-ฟาโรห์จ๋า มัมหมีมาแล้ว!"
พอดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน.....คำนี้สามารถใช้อธิบายเกี่ยวกับน้องแป้งสุดเนิร์ดได้เป็นอย่างดี หน้าตาน่ารักระดับปานกลาง แต่ทว่ากลับมีเสน่ห์โดยธรรมชาติ ถึงไม่ได้สวยมาก แต่น่ามองจนไม่อาจละสายตา
สวัสดีครับพี่สาวตัวน้อยของผม เราสองคนไม่ได้เจอกันมาก็นานแล้วนะ พี่คงไม่รู้ว่าปีนี้ผมก็สูงขึ้นอีกแล้ว แต่ผมรู้นะ ว่าพี่น่ะไม่สูงขึ้นเลยสักนิด พอถึงวันที่เราได้เจอกันอีกครั้ง พี่จะจำผมได้ไหมนะ😊
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ความเกลียดชิงชังทำให้เขาทิ้งให้เธออยู่ในสถานะ เมียในนาม แต่เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากเขา ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองเช่นเขากลับต้องการกักขังเธอไว้ตลอดไปและหลอกล่อเธอด้วยเพลิงสวาทร้ายที่เร่าร้อนเกินห้ามใจ...
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
“ปล่อยหยกนะคุณโตก คุณทำบ้าอะไรคะ” หญิงเรียบร้อยโวยวายทุบตีเขาและดิ้นรนให้เขาปล่อยแต่ก็ดิ้นเสียแรงเปล่าเมื่อเขากอดรัดเธอแน่นกว่าเดิม พร้อมกับฟาดตีก้นของเธอแรงๆ หลายครั้งติดต่อกันจนเจ็บน้ำตาเล็ด “อยากก็บอกผัวสิ ไปอ่อยไอ้หมอคมนั่นทำไม” ปัง! เท้าใหญ่ยกถีบประตูห้องทำงานตัวเองให้เปิดออก และเมื่อเปิดออกแล้วก็ถีบปิดแรงๆ กลับ ปัง! “พูดบ้าอะไรของคุณคุณโตก มันเรื่องส่วนตัวของหยก หยกจะอ่อยใครก็ได้ จะคุยกับใครก็ได้”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด