ไอ้แคล้วหนุ่มบ้านไร่ลูกชายกำนัน แอบชอบน้องบัวรินลูกสาวพ่อค้าร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เธอไม่เคยชายตาแลเขาเลย ไอ้แคล้วจึงตัดสินใจจับน้องบัวรินทำเมีย....
ไอ้แคล้วหนุ่มบ้านไร่ลูกชายกำนัน แอบชอบน้องบัวรินลูกสาวพ่อค้าร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เธอไม่เคยชายตาแลเขาเลย ไอ้แคล้วจึงตัดสินใจจับน้องบัวรินทำเมีย....
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
วาสนาคนอย่างไอ้แคล้ว เกิดมายี่สิบสามปียังไม่เคยได้พบกับความรักและความเสียวที่แท้จริงเลย
เรื่องเสียวที่พบเจอครั้งล่าสุด คือ... เมื่อคืนนี้จากหนังโป๊และมือของตัวเอง ประสบการณ์เสียว ไม่เป็นที่น่าจดจำ เพราะไม่เคยมีสักครั้งที่แคล้วจะสมหวังกับใครสักคนด้วยความรัก มีแค่ความพลั้งเผลอ และความแอบรักฝ่ายเดียวเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นแคล้วยังมีความหวังในเรื่องความรัก ประสบการณ์รักที่เคยผิดหวัง เขาเคยแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เทียวไล้เทียวขื่อและได้ขอคบหาด้วยแต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้เจอว่าเธอนอกใจ
ทว่าเขาก็ไม่คิดจะยอมทิ้งคำว่ารักแม้จะถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาก็ยังเพียรที่จะหาคนรัก แม้ว่าการเปิดใจในรักครั้งแรกจะไม่สมหวัง และถูกทรยศหักหลังอย่างไร้เยื่อใยก็ตาม
ปัจจุบัน คนที่แคล้วชอบพอ เธอชื่อว่า “บัวริน"
สาวสวยวัยสิบแปดปีลูกสาวของ “น้าแนว” ที่เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่หน้าไซต์งานก่อสร้างบนที่ดินของพ่อกำนันดวงดี บิดาบังเกิดเกล้าของแคล้วนั่นเอง ที่กำลังสร้างหอพักเอาไว้ให้คนเช่า กำนันดวงดีจึงให้แคล้วมาเป็นหัวหน้าคุมงาน
บัวริน... เธอเป็นสาวสวย รูปร่างผอมบางน่าทนุถนอมแต่ถึงอย่างนั้นบัวรินมีสิ่งหนึ่งที่เด่นสะดุดตา ก็คือหน้าอกหน้าใจไฟหน้าใหญ่ ๆ กลมกลิ้งของเธอนั่นเอง
อย่าหาว่ามีแต่ไอ้แคล้วเลยที่ไม่อาจจะละสายตาได้ พวกหนุ่ม ๆ อีกหลายคนก็พากันตกหลุมพรางความงดงามของสองประทุมมานั้นเช่นกัน
ในยามที่แคล้วมาอุดหนุนซื้อก๋วยเตี๋ยวที่ร้านของเธอ แคล้วพยายามที่จะจับจ้องมองสบตากับเธอ เขาพยายามส่งสายตาว่าตัวเองนั้น มีความรู้สึกดี ๆ ให้
แต่ทว่าบัวรินก็ไม่ได้ทอดสะพานให้เขาแต่อย่างใด แคล้วได้แต่เศร้า เขาเอาแต่คิดว่า... เป็นเพราะตัวเองเป็นคนอับโชคใช่ไหม?
หรือบัวรินคิดแต่เพียงว่า เขาเป็นเพียงลูกชายของพ่อกำนันดวงดี ที่มีฐานะทางบ้านดีเท่านั้น หรือคิดแต่เขาไม่ได้ทำงานทำการ ได้แต่รอเกาะพ่อกิน
อีกอย่างเขาเคยใช้ชีวิตเสเพลสำราญไปวัน ๆ อาจจะทำให้เธอเข้าใจผิดก็เป็นได้
หรือว่า... แคล้วหน้าตาบ้าน ๆ ไม่มีอะไรโดดเด่นในสายตามองเธอกันแน่ แคล้วได้แต่ครุ่นคิด
เพราะว่า... คู่แข่งแต่ละคนที่มาจีบบัวรินนั่น บางคนมีดีกรีเสียด้วย
แคล้วคิดว่า... บางทีบัวรินอาจจะมีใจเอนเอียงไปให้ทางหนุ่มผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่มีดาวติดบนบ่า คนที่มีตำแหน่งและเพิ่งจบนายร้อยมาหมาด ๆ เสียมากกว่า เช่นสารวัตรฉัตรชัย
ทุกครั้งที่เขาเห็นเวลาที่บัวรินคุยกับสารวัตรฉัตรชัย ทั้งแววตา รอยยิ้มและน้ำเสียงของเธอ เวลาคุยกับสารวัตรช่างแตกต่างจากที่พูดคุยกับแคล้วไปโดยสิ้นเชิง
แค่คิดแคล้วก็ขุ่นเคืองทำให้เขาเสียใจไปหลายวัน และยิ่งคิดลบ ๆ มันก็ปลุกความอคติของตัวเองออกมาจนได้ แคล้วรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์เวลาที่เห็นภาพอย่างนั้น แม้จะชินตาแต่ไม่ชินที่หัวใจ
จนทำให้คิดอยากจะทำอะไรสักอย่างในเร็ววันนี้
คืนหนึ่งขณะที่บัวรินกำลังจะเก็บร้านเพื่อจะกลับบ้าน เพราะว่าที่ร้านขายดีมากจนของหมดเร็ว แถมมีลูกค้าจากไซต์งานก่อสร้างมาอุดหนุนทุกวันจนหมดเกลี้ยง
ช่วงนี้เป็นวันแรงงาน 1 พ.ค. ที่นี่ก็ให้คนงานหยุดงานได้ถึงห้าวัน
แคล้วทำทีมายืนที่หน้าไซต์งาน และบอกให้ทุกคนรีบพากันกลับบ้านและเดินทางดี ๆ
“กลับบ้านก่อนนะครับหัวหน้า”
“เออ ๆ กลับบ้านดี ๆ นะทุกคน เดินทางปลอดภัย”
เขาเอ่ยร่ำลาลูกน้อง แต่สายตาของเขาก็คอยชำเลืองมองไปที่ร้านของบัวรินอย่างไม่วางตา
วันนี้เป็นไงเป็นกัน แคล้วจะต้องสารภาพรักกับบัวรินให้จงได้ เขาจะเผยความรู้สึกแท้จริงกับเธอ
แคล้วเดินไปหาบัวรินถึงที่ร้าน เขาเผยยิ้ม
“บัวรินจ๊ะ แม่ค้าคนสวย วันนี้พี่แคล้วจะมาขอเหมาของกินที่ร้าน พอจะขายให้ได้ไหมจ๊ะ รวมถึงแม่ค้า... เอ่อ... น้องบัวรินด้วย” แคล้วไปเย้าแหย่เล่น
แต่บัวรินไม่เล่นด้วย เธอหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ
"ร้านปิดแล้วจ้า ขายไม่ได้จริง ๆ จ้า แล้วเอ่อ... ฉันไม่ได้เป็นสาวขายตัวนะฮึ! พี่แคล้วเนี่ยพูดจาน่าเกลียดจริงๆ" เธอตอบค่อนแขวะแคล้วในท้ายประโยค และขึงตาใส่
“จะมาสารภาพรักสินะ เฮ้อ... พี่น่ะคงจะไม่มีปัญญาเลี้ยงน้องให้มีความสุขหรอกจ้า อย่ามามงมาเหมา อีกอย่างขอแค่พี่แคล้วมาอุดหนุนน้องทุก ๆ วันก็พอแล้วนะจ๊ะ” แม้จะไม่ชอบคำพูดก่อนหน้า แต่เธอก็ยังคงรักษามารยาท
แต่ทว่าท่าทางและน้ำเสียงที่บัวรินที่พูดกับเขานั้น ทำเอาหัวใจของแคล้วกระตุกวูบไหว ไม่ใช่อะไรเพราะแคล้วรู้สึกกรุ่นโกรธ เขามันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ เธอถึงต้องพูดจาไม่ไว้หน้าเขาขนาดนี้
นี่เขาคือลูกชายกำนันดวงดีเชียวนะ!
“พรุ่งนี้พี่แคล้วก็ค่อยกลับมาใหม่เถิดจ๊ะ ฉันจะเก็บร้าน พี่อย่ามาเกะกะเลย” บัวรินไม่ได้ให้ความหวังแคล้วเลยสักนิด
แคล้วเอาแต่ขบฟันกลั้นความรู้สึก และยังคงไม่ไปไหน เขายังคงมองดูเธอเก็บร้านอยู่ตรงนั้น
ในหัวคิดถึงเรื่องที่จะทำอย่างไรจะชนะใจของเธอได้ แต่ทว่า... บัวรินไม่ได้สนใจ และออกจะแสดงอาการเกลียด ราวกับแคล้วเป็นคนร้ายที่ก่ออาชญากรรม
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ซูลี่สวยแต่ชอบเสแสร้ง โม่สิงหย่วนไม่เคยสนใจฟังคำหวานที่ซูลี่พูดล้อเล่นเลย ต่อมา ซูลี่ก็เลิกเอาใจเขา โม่สิงหย่วนคว้าเธอเข้ามากอด “ซูลี่ เอาใจฉันหน่อยสิ ฉันจะยกทุกอย่างให้หมด” โม่สิงหย่วนมักจะสุขุมรอบคอบเสมอ จนกระทั่งพบซูลี่ เขาก็หมดความควบคุม
สิบปีเต็มที่ฉันแอบรักภาคิน วงศ์วรานนท์ ผู้ปกครองของฉัน หลังจากครอบครัวของฉันล้มละลาย เขาก็รับฉันไปดูแลและเลี้ยงดูฉันจนโต เขาคือโลกทั้งใบของฉัน ในวันเกิดอายุสิบแปดปี ฉันรวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อสารภาพรักกับเขา แต่ปฏิกิริยาของเขากลับเป็นความเกรี้ยวกราดอย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขาปัดเค้กวันเกิดของฉันตกพื้นแล้วคำรามลั่น “สติแตกไปแล้วเหรอ? ฉันเป็นผู้ปกครองเธอนะ!” จากนั้นเขาก็ฉีกภาพวาดที่ฉันใช้เวลาวาดเป็นปีเพื่อเป็นคำสารภาพรักของฉันจนไม่เหลือชิ้นดี เพียงไม่กี่วันต่อมา เขาก็พาโคลอี้ คู่หมั้นของเขากลับมาบ้าน ผู้ชายที่เคยสัญญาว่าจะรอฉันโต ที่เคยเรียกฉันว่าดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดของเขา ได้หายไปแล้ว ความรักที่ร้อนแรงและสิ้นหวังตลอดสิบปีของฉันทำได้เพียงแผดเผาตัวเอง คนที่ควรจะปกป้องฉันกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายฉันเจ็บปวดที่สุด ฉันก้มมองจดหมายตอบรับจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในมือ ฉันต้องไปจากที่นี่ ฉันต้องถอนรากถอนโคนเขาออกจากหัวใจ ไม่ว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ของพ่อ “พ่อคะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “เอวาตัดสินใจแล้ว เอวาอยากไปอยู่กับพ่อที่กรุงเทพฯ ค่ะ”
หยุนซูแอบหลงรักซู่ โจวหยวนมานานเจ็ดปี แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุไม่คาดฝันทำให้เธอกลายเป็นคุณนายซู่ขึ้นมา ทุกคนต่างพากันเยาะเย้ยว่าเธอเป็นไก่ป่าที่ได้โผขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ กลายเป็นนกฟีนิกซ์ในพริบตาเดียว แต่เธอไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย สิ่งที่เธอใส่ใจมีเพียงอย่างเดียว — ก็คือในที่สุด “ซู่ โจวหยวน” ก็กลายเป็นของเธอแล้ว ตอนที่หยุนซูเพิ่งแต่งงานกับซู่ โจวหยวนเธอคิดว่า เขาไม่รักเธอตอนนี้ก็ไม่เป็นไร แค่ในวันข้างหน้าเขาจะรักเธอก็พอแล้ว แต่ซู่ โจวหยวนไม่มีหัวใจ แบบนั้นก็คงไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งมีหน้าอกมีเรียวขา แล้วทำไมต้องมาทรมานตัวเองอยู่กับซู่ โจวหยวน ที่เป็นเหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกด้วยล่ะ? เมื่อหยุนซูได้สติขึ้นมา ก็เอาใบหย่าฟาดใส่หน้าซู่ โจวหยวนตรง ๆ จากนั้นต่างคนก็ต่างไป เขาเดินบนเส้นทางอันสว่างของตัวเอง ส่วนเธอก็เริ่มชีวิตใหม่กับหนุ่มน้อยสุดฮอตของเธอ หลังจากหย่ากันแล้ว ซู่ โจวหยวนก็มักจะเห็นข่าวลือของอดีตภรรยาตัวเองติดอันดับค้นหายอดฮิตอยู่บ่อย ๆ เมื่อวานยังมีข่าวว่าเธอไปดินเนอร์กับมหาเศรษฐีหนุ่มจากวงการเทคโนโลยี วันนี้กลับมีข่าวว่าเธอไปสร้างรังรักกับหนุ่มน้อยสุดฮอตอีกแล้ว??? ซู่ โจวหยวนเหวี่ยงโทรศัพท์ในมืออย่างแรงแล้วตะโกนว่า “ไปให้พ้นกับรังรักบ้า ๆ นั่น! ผู้หญิงคนนั้นเป็นของฉัน!” หยุนซูผู้ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันเอ่ยขึ้นว่า “คุณคะ ไม่ทราบว่านามสกุลอะไรเหรอ?”
ก็เลิกกันไปแล้ว ไม่รักกันแล้ว ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเป็นหมาหวงก้าง ขุนพลแฟนเก่าของนาเดียพยายามเข้าใกล้เธอเหมือนมีเจตนาแอบแฝง นาเดียไม่ไว้ใจเขาทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้พบหน้า เธอพยายามถอยห่าง เขาพยายามรุกคืบ และการกระทำนั้นทำให้เธอเริ่มสั่นคลอนลงทุกวัน เขายังทำตัวเป็นหมาหวงก้าง และระรานคนไปทั่ว ผู้ชายเฮ็งซวยที่เลิกกันไปหลายปีแล้วกำลังทำให้เธอเจอกับเรื่องยุ่งเหยิงที่ยิ่งแก้ก็เหมือนยิ่งพันตัวเธอจนติดหนึบกับเขา คำแนะนำ นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นนะคะ หากชื่นชอบรบกวนผู้อ่านทุกท่านกดหัวใจเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ และซื่อในเว็บหรือแอนดรอยจะราคาถูกกว่า แอปเปิ้ลนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY