ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / นิยายวาย / ข้าวโพดในไร่ชา (Mpreg)
ข้าวโพดในไร่ชา (Mpreg)

ข้าวโพดในไร่ชา (Mpreg)

5.0

ถ้าเด็กมันจะยั่ว อยากได้เราเป็นผัวเราก็ต้องสนอง ถ้าคิดจะมีเมียเด็กต้องเช็คร่างกายให้พร้อม เด๋ียวเมียหาว่าแก่ ถ้าคิดจะมีผัวแก่ต้องยั่วให้เป็น ลีลาต้องเด็ด แต่งตัวให้ยั่ว ให้ผัวรักผัวหลงจนโงหัวไม่ขึ้น พ่อเลี้ยง กิตติภูมิ เลิศธนาธีรกานต์ (พี่บลู) อายุ 29 ปี เจ้าของไร่ชาเลิศธนา ไร่ชาที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของเชียงใหม่และเมืองไทย “ไอ้เด็กปากเก่ง ทำงานให้เก่งอย่างปากหน่อยแล้วกัน อย่าดีแต่ปาก ถ้ายังไม่หยุดพูดจะโดนของดีอุดปากจนพูดไม่ออก” ภูตะวัน อิทธินานนท์ (ข้าวโพด) อายุ 22 ปี ผู้ช่วยปากกล้า กล้าแม้กระทั่งต่อปากต่อคำกับเสือร้ายอย่างพ่อเลี้ยงกิตติภูมิที่ไม่มีใครเคยกล้า “คนแก่ใจร้าย ดุยิ่งกว่าเจ้าพิทบูล พ่อเลี้ยงบ้าอำนาจ ดีแต่วางมาดกับคนอื่น จะมีใครรู้ไหมว่าตัวตนที่แท้จริงเป็นคนแก่หื่นกามดีๆนี่เอง”

สารบัญ

บทที่ 1 ตอนที่ 1 พ่อเลี้ยงไร่ชา

“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยหรือเปล่าลูกไม่ค่อยกลับมานอนบ้านใหญ่เลยช่วงนี้”

เสียงแม่เลี้ยงกานดาเอ่ยถามลูกชายคนโตที่เดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางอิดโรย แต่ก็ยังคงความหล่อเหลาและดูดีอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ลูกชายของเธอจะทำงานหนักและไม่ค่อยได้พักผ่อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของใบหน้าคมลดลงเลย กลับมีเสน่ห์ด้วยซ้ำเมื่อลูกชายยุ่งจนไม่มีเวลาโกนหนวดโกนเคราที่ขึ้นหร็อมแหร็มอยู่ตอนนี้ทำให้ใบหน้าขาวจึงดูเข้มขึ้นดึงดูดผู้พบเห็น ผิวที่ขาวอย่างคนที่อยู่ในอากาศเย็นและขาวตามยีนของผู้แม่ดูคล้ำลงเพียงแค่เล็กน้อยแต่ก็ถือว่ายังขาวอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชายคนอื่นลูกชายเธอหล่อขนาดนี้ทำไมยังไม่มีแฟนนะ

เมื่อก่อนสมัยเรียนปริญญาโทลูกชายของเธอคบกับแฟนสาวจนถึงขั้นจริงจังจะขอแต่งงาน แต่ฝ่ายหญิงมาขอเลิกเสียก่อนเพราะพบรักกับเศรษฐีเมืองนอก ทำให้ชายหนุ่มอกหักจนไม่ได้คบใครอีกเลยและขอเรียนต่อปริญญาเอกจนจบ พอจบมาก็ไปหมกตัวในไร่ แต่ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงมาจีบเพียงแต่ลูกชายเธอไม่สนใจต่างหากมัวแต่ขลุกอยู่ในไร่ชา จนตอนนี้ กิตติภูมิ เลิศธนาธีกานต์ หรือพี่บลู อายุ 29 ปี แล้วยังไร้คู่ครองมาข้างกาย แล้วเมื่อไหร่ที่เธอจะมีหลานย่ากับเขาเสียที

“ช่วงนี้ยุ่งครับแม่ ช่วงใกล้สิ้นเดือนต้องรีบปิดบัญชีต้องทำรายรับรายจ่ายและทำเรื่องเบิกค่าแรงคนงานครับเลยยุ่ง”

ร่างสูงกำยำถอดหมวกออกก่อนที่จะเดินมาหาผู้เป็นแม่แล้วหอมแก้มอิ่มที่เริ่มมีอายุแต่ยังคงความสวยงามอยู่เพื่อขอกำลังใจ คนเป็นแม่จึงลูบศีรษะลูกชายก่อนที่จะหอมแก้มลูกชายทั้งสองข้างตอบ

“หายเหนื่อยเลยครับ” ฝ่ายลูกชายยิ้มให้ผู้เป็นแม่ ลักยิ้มที่ปรากฏอยู่ข้างแก้มทั้งสองข้างทำให้ใบหน้าหล่อมีเสน่ห์ขึ้น แต่น่าเสียดายลักยิ้มนี้ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัวก็จะไม่ค่อยได้เห็น

“ยังไม่ได้เลขาหรือผู้ช่วยมาทำบัญชีเลยเหรอลูก ประกาศไปนานแล้วนะทำไมหายากจัง” แม่เลี้ยงเหนื่อยแทนลูกชายเพราะเห็นหาคนงานมาทำบัญชีเป็นเดือนสองเดือนแล้ว

“คงไม่มีใครอยากขึ้นไปอยู่ลำบากในที่กันดาร ไร้แสงสีเสียงหรอกครับแม่ ไม่เป็นไรครับระหว่างรอคนบลูก็พอจะทำได้แต่อาจจะช้าหน่อยต้องใช้เวลาหลังเลิกงาน เลยอาจจะไม่ค่อยได้มาที่บ้านใหญ่บ่อยนะครับ”

กิตติภูมิบอกมารดาไปตามความจริงเพราะถึงเขาจะให้ค่าจ้างสูงมากในการจ้างผู้ช่วยและมีคนสนใจสมัครมากมาย แต่พอบอกสถานที่ไปก็มาทำกันได้ไม่ถึงเดือนก็มาขอลาออกเพราะไม่ชอบชีวิตลำบากไกลสีเสียง ไกลความเจริญ

“เมื่อไหร่จะได้เมียสักทีล่ะลูกทำตัวยุ่งซะขนาดนี้” คนอยากเป็นย่าคนเปิดประเด็น พลางลูบศีรษะลูกชายที่นั่งพับเพียบกับพื้นเอาหน้าแนบตักแม่เหมือนอ้อนพร้อมกับหลับตาคุยกับแม่ ทิ้งมาดพ่อเลี้ยงไร่ชาที่ดุดันจริงจังกับงานไป

“ขนาดหาผู้ช่วยมาช่วยงานยังไม่ได้เลยครับแม่ หาเมียน่าจะยากมากกว่า” เจ้าลูกชายบอกแม่เหมือนน้อยใจในวาสนาให้แม่เอ็นดู

“โถ โถ พี่บลูลูกแม่ งั้นก็ต้องหาเมียที่มาช่วยงานได้ หรือหาผู้ช่วยมาช่วยงานแล้วจีบเป็นเมียซิลูก จับปลาครั้งเดียวได้นกสองตัว” แม่เลี้ยงแนะนำลูกชาย

“ใช่ที่ไหนละครับแม่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวรึเปล่า” ลูกชายค้านแม่เบาๆ

“อย่างน้อยแม่ก็ภูมิใจที่ลูกจำสุภาษิตไทยได้ ฮาฮาฮา ตกลงเอาอย่างที่แม่ว่านะดีไหมลูก” คนแกล้งพูดผิดบอกกับลูก

“แล้วคุณพ่อไปไหนครับเนี่ย ไม่เห็นหน้าเลย” ชายหนุ่มถามหาพ่อเลี้ยงธนาเพื่อพามารดาออกจากบทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องมีครอบครัวของตัวเอง

“ไปหายัยโบว์เห็นน้องบอกว่ามีลูกค้าที่รีสอร์ตถามหาคุณพ่อบอกเป็นเพื่อนเก่าก็เลยจะไปดูว่าใครมาหา”

ถึงบ้านใหญ่จะปลูกไว้ในส่วนของรีสอร์ตแต่ก็แยกโซนกันชัดเจน ตอนนี้พ่อเลี้ยงธนาพ่อของเขาได้โอนในส่วนไร่ชาให้ชายหนุ่มดูแล ส่วนรีสอร์ตธีรกานต์ กฤติยาภรณ์หรือโบว์น้องสาวของเขาดูแลอยู่ โดยทั้งสองที่มีส่วนของกิตติภพน้องชายคนเล็กที่เรียนแพทย์อยู่อย่างละยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์

“แล้ว นี่หลานไปไหนครับปกติเห็นอยู่กับคุณยายตลอด”

ชายหนุ่มถามถึงน้องบูมลูกชายของกิตติภพน้องชายของเขาที่แม่เขาขอเลี้ยงหลานเองระหว่างที่น้องชายเขาเรียนแพทย์อยู่ พูดถึงบอมบอมน้องชายเขาก็เจอมรสุมชีวิตที่หนักหน่วงต้องท้องในวัยเรียนทำให้ต้องหยุดเรียนกลางคัน กว่าจะเคลียร์ปัญหาชีวิตได้กว่าจะได้กลับไปเรียนต้องเสียเวลาเป็นปี ตอนนี้แม่เลี้ยงกานดาจึงต้องขอเอาหลานไว้ดูแลเองเพื่อไม่ให้น้องชายห่วงลูกมากนัก จนทำให้เด็กน้อยวัยสองขวบกว่าก็ติดคุณยายมาก

“โน่น คุณตาเค้าเอาไปอวดเพื่อน” แม่เลี้ยงกานดาพูดไปยิ้มไป นางมีความสุขทุกครั้งที่พูดถึงน้องบูมหลานรักของนาง

“เออ หิวหรือยังลูกไปอาบน้ำอาบท่าไปจะได้มาทานข้าว วันนี้นอนบ้านใหญ่ได้ไหมลูก” คนเป็นเเม่พูดเสียงเศร้าเพราะไม่ค่อยได้เห็นหน้าลูกชายช่วงนี้ แต่ใจจริงไม่อยากให้ลูกชายขับรถกลับไร่ตอนกลางคืนเพราะอยากให้พักผ่อนให้เต็มที่มากกว่า

“ได้ครับแม่ เดี๋ยวคืนนี้บลูนอนนี่ก็ได้ พรุ่งนี้เช้าบลูค่อยกลับไร่ก็ได้ครับ งั้นบลูไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”

พอลูกชายบอกจะนอนค้างที่บ้านแม่เลี้ยงกานดายิ้มแก้มปริ นางอุตส่าห์แสดงละครทำหน้าเศร้าให้ลูกชายสงสารและก็ได้ผลในที่สุดลูกชายที่หายใจเข้าออกเป็นไร่ชาก็ยอมนอนค้างที่บ้านตั้งหนึ่งคืน เดี๋ยวต้องไปเตรียมกับข้าวไว้เผื่อให้ลูกชายเอากลับไปไว้ทานท่ี่ไร่ต่อพรุ่งนี้อีก

“คุณพ่อสวัสดีครับ” กิตติภูมิทักทายผู้เป็นบิดาหลังจากที่อาบน้ำแล้วลงมาเพื่อทานข้าว ก่อนที่จะนั่่งลงข้างพ่อเลี้ยงธนาผู้เป็นพ่อที่เล่นกับน้องบูมหลานชายตัวน้อยอยู่

“อ้าว ไอ้เสือมาแล้วเหรอลูก เป็นไงบ้างได้คนช่วยงานหรือยัง” พ่อเลี้ยงธนาเงยหน้าจากหลาน มาคุยกับลูกชายเพราะผู้ช่วยคนเก่าที่เคยทำงานกันมานานหลายปีมาลาออกกะทันหัน เพราะได้สามีชาวต่างชาติเลยต้องย้ายตามสามีไป ทำให้หาคนมาแทนไม่ทัน พอได้มาก็มาทำได้ไม่นานเพราะอยูู่บนดอยการเดินทางมาใช้ชีวิตในเมืองหรือกลับมาเยี่ยมบ้านลำบากก็ขอลาออกไปถึงสองคนแล้ว ลูกชายเลยต้องทำเองทุกอย่าง

“ยังครับพ่อ เดี๋ยวก็คงมีครับไม่เป็นไรบลูยังไหว” กิตติภูมิบอกเพื่อให้ผู้เป็นพ่อสบายใจ เขารู้ว่าทั้งพ่อและแม่เป็นห่วงแต่เขาก็อยากให้ทั้งสองที่ทำงานมาตลอดชีวิตพักผ่อนเลี้ยงหลานอยู่บ้าน เดี๋ยวปัญหาทุกอย่างเขาจะจัดการเอง

“น้องบูมว่าไงครับคนเก่ง คิดถึงป๊ะบลูไหม” กิตติภูมิถามหลานชายเพราะตอนแรกน้องบูมพูดคำว่าลุงไม่ได้เลยเรียก ปะบู ก่อนที่จะมาเป็น ป๊ะบลู

“คิดถึงมากๆ ฮะ ป๊ะบลูไม่ค่อยมา” เด็กน้อยน่ารักไม่เห็นหน้าของคนเป็นลุงผู้ใจดีนานเลยบอกคิดถึง และรีบลุกขึ้นกระโดดเข้ามาหอมเเก้มลุงบลูทันที

“โอ๊ย ขี้อ้อน น่ารักเหลือเกินหลานใครครับเนี่ย” คนเป็นลุงหลงหลานไม่ไหว ก่อนจะฟัดแก้มนุ่มๆ ของหลานซ้ายทีขวาทีด้วยความรัก

“หลานตากับหลานยายฮะ” หลานชายตอบฉะฉาน ทำเอาลุงที่รอฟังคำตอบที่อยากจะได้ยินแล้วชื่นใจว่าเป็นหลานตัวเองเก้อทันที

“ฮา ฮา ฮา ฮา อยู่เป็นจังเลยหลานตา ฟอดดด รักจังเลย ฟอดดด แกต้องมาให้หลานเห็นหน้าบ่อยๆ แล้วล่ะป๊ะบลู หลานถึงจะรัก” ชายหนุ่มหน้านิ่วเม่ื่อเจอคนเป็นพ่อขิงใส่

“ไม่งั้นต้องมีลูกเองแล้วล่ะตาบลูเอ้ย” คนเป็นแม่ยังไม่ลืมเรื่องอยากให้ลูกชายมีครอบครัว

“มันง่ายขนาดนั้นก็ดีซิครับแม่เลี้ยง สงสัยต้องแก่แล้วให้น้องบูมเลี้ยงแล้วล่ะ ใช่ไหมน้องบูม” ลูกชายโอดโอยพร้อมกับวางแพลนอนาคตตอนแก่ฝากไว้ที่หลานชาย

“พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงคะ ขออนุญาตค่ะ” เสียงของป้าบุปผาแม่บ้านของบ้านใหญ่เดินเข้ามาขออนุญาตคนเป็นนายทั้งสอง

“อ้าว มีอะไรหรือเปล่าล่ะป้าผา” พ่อเลี้ยงธนาถามคนงานของตัวเองที่อยู่กันมานาน พร้อมกับแปลกใจในท่าทีเกรงอกเกรงใจไม่กล้าพูดของป้าบุปผา

“เอ่อ พอดีป้าอยากจะขอลางานไปกรุงเทพสักอาทิตย์น่ะค่ะ หลานชายของป้าจะรับปริญญาป้าก็เลยอยากจะไปแสดงความยินดีกับเขา พอจะได้ไหมคะ” ป้าบุปผาเอ่ยบอกด้วยท่าทางเกรงใจเพราะนางขอหยุดหลายวันเกินไป กลัวว่านายจ้างจะว่าเอาเพราะเงินเดือนค่าจ้างที่ได้รับถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับที่อื่น อีกทั้งกลัวตอนที่แกไม่อยู่คนอื่นจะทำงานไม่ถูกใจคนเป็นนาย

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะป้าผาแค่อาทิตย์เดียวเอง ตั้งแต่ทำงานมาป้าผายังไม่เคยขอหยุดงานเลยถ้าไม่บังคับให้หยุด” พ่อเลี้ยงธนาอนุญาตอย่างใจดีกับคนเก่าคนแก่ที่ภักดีกับตัวเอง

“ว่าแต่หลานชายป้าผาเรียนจบอะไรมาคะ พอจะรู้ไหม” แม่เลี้ยงกานดาถามต่ออย่างมีความหวัง

“เดี๋ยวแป๊บนึงนะคะ ป้าเปิดดูก่อน นี่ค่ะคณะพานิชยศาสตร์และการบัญชี ค่ะ” ป้าบุปผาเปิดรูปหลานชายที่ถ่ายที่หน้าคณะมาให้ดูส่งให้แม่เลี้ยงกานดาดูทันที แกภูมิใจมากที่เงินค่าแรงจากอาชีพแม่บ้านของแกสามารถส่งเสียไปช่วยให้หลานชายเรียนจนจบปริญญา

“จบแล้วไปสมัครงานที่ไหนหรือยังจ๊ะป้าผา” แม่เลี้ยงถามยิ้มๆ

“ไปสมัครแล้วค่ะแม่เลี้ยงแต่รอเขาตอบกลับตอนนี้ก็ยังรอก่อนค่ะ ระหว่างรอที่กรุงเทพตอบรับเห็นว่าจะกลับมาลองสมัครแถวบ้านเราดูค่ะ”

“เอาอย่างนี้ไหมป้าผา ไม่ต้องไปรอสมัครที่ไหนแล้ว รับปริญญาเสร็จให้มาสมัครงานที่นี่เลย ตอนนี้ที่ไร่ชาขาดคนช่วยตาบลูทำบัญชีอยู่พอดี” แม่เลี้ยงเสนอทางออกให้ทางเลือกให้อย่างใจดี

“จริงเหรอคะแม่เลี้ยง ขอบพระคุณมากนะคะที่เมตตาเดี๋ยวป้าจะบอกข่าวดีกับหลาน เค้าคงดีใจที่จบแล้วมีงานทำใกล้บ้านค่ะ ว่าแต่คุณบลูจะรับหลานป้าจริงๆ ใช่ไหมคะ”

ป้าบุปผายังกลัวเจ้านายตัวจริงเจ้าของไร่ชาจะไม่รับหลานชายเพราะเจ้าตัวเขายังไม่เอ่ยปากว่ายังไง

“ครับ รับครับ” เจ้าของไร่พูดสั้นแต่ทว่าหนักแน่น

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY