เวทานนท์ หนุ่มนักเรียนนอก ท่านประธานผู้คลั่งรัก อย่างคุณเลขาเนี่ยไม่ใช่ตัวเล็กสเปคเขา ปากแซ่บเกิน ยิ้มอ่อยได้ทุกคนยกเว้นเขาที่เป็นเจ้านาย คนแบบนี้เขาไม่มีทางชอบเด็ดขาด นวพรรษ เลขาหน้าหวานหล่อแบบโอปป้า ยิ้มทีทำเอาแฟนคลับคลั่ง ท่านประธานน่ะเหรอ คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่นิสัยไม่ได้ดีไปกับหน้าตา สงสารคนที่จะมาเป็นแฟนจริงๆ
นวพรรษ ปรียานันท์ อายุ 24 ปี บัณฑิตหมาดๆเพิ่งจบปริญญาโทมจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งตั้งแต่อายุยังน้อยมาหมาดๆ เจ้าของใบหน้าขาวเนียนใสลุคโอปป้า ใบหน้าออกมาทางสวยหวานน่ามองมากกว่าหล่อเหลา พร้อมกับหุ่นบางสูงโปร่งด้วยความสูง180 ซ.ม. ร่างเค้าสูงโปร่งสมส่วน ไม่ได้บึกบึนแน่นด้วยกล้ามเนื้อ แต่ก็ไม่ได้ผอมแห้ง ตอนนี้เขาตื่นเต้นมาก เขาตื่นเเต่เช้าเพื่อเตรียมตัวมาทำงานวันแรก ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาท่านประธานกรรมการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศ คนรุ่นใหม่หลายคนอยากจะเข้ามาทำงานเป็นพนักงานของบริษัทนี้ เพราะค่าตอบแทนสูงรวมถึงสวัสดิการต่างๆดีกว่าบริษัทอื่นในธุรกิจประเภทเดียวกัน
นวพรรษเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่ได้เข้ามาทำงานที่นี่และในตำแหน่งที่ทุกคนอิจฉา ตอนเรียนปริญญาตรีที่ต้องฝึกงานของมหาวิทยาลัยเขาก็มาฝึกที่นี่ตำแหน่งนี้ ผลงานของเขาเด่นจนท่านประธานบริษัทท่านมีเมตตาทาบทามให้มาเป็นเลขาหลังจากที่เรียนจบ แต่นวพรรษขอกลับไปเรียนต่อปริญญาโทก่อน ท่านประธานก็เมตตารอ อันที่จริง เจ้าสัวเวทิน โชติกุลวัฒนา ท่านประธานและเจ้าของบริษัทท่านมีเลขาอยู่แล้ว แต่ท่านให้รับนวพรรษมาเพิ่มอีกคน แค่ให้เหตุผลว่าอยากหาคนมาแบ่งเบาเลขาคนโปรดคนเดิม และเจ้าสัวก็เป็นเพื่อนรักกับท่านฑูตนวพล และคุณหญิงอัญพัชร์ ปรียานันท์บิดาและมารดาของนวพรรษอยู่เดิม ยิ่งทำให้เจ้าสัวเวทินเอ็นดูนวพรรษมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว และเอาตำแหน่งนี้ไว้ให้นวพรรษคนเดียวโดยเฉพาะ
ตอนนี้นวพรรษยืนอยู่หน้าของบริษัทแล้ว เขารอพี่ท้อปหรือธนศิลป์ เลขาของท่านประธาน ที่ชั้นหนึ่งแล้วรอขึ้นลิฟท์ไปพร้อมกัน เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่นวพรรษได้กลับเข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาอย่างเต็มตัว รอเพียงชั่วครู่ธนศิลป์กับเจ้าสัวเวทินก็เดินมาหาเขา
“สวัสดีครับท่านประธาน สวัสดีครับพี่ท้อป” นวพรรษกล่าวสวัสดีพร้อมยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าอย่างนอบน้อม “หวัดดีลูก”เจ้าสัวรับไหวพร้อมเอ่ยทักทาย
“รอนานไหมครับน้องนิว” ธนศิลป์เอ่ยถามหนุ่มรุ่นน้องหน้าหวาน
“ไม่นานครับ”
“ป่ะเราขึ้นไปชั้นบนกันเถอะ” เจ้าของบริษัทบอกกับทั้งสองคนพร้อมเดินนำไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร
พอทั้งสามเดินมาถึงโต๊ะทำงานหน้าห้องประธานกรรมการบริษัท ที่ตอนนี้เพิ่มมาอีก1ชุดเพื่อให้นวพรรษได้เรียนรู้งานจากธนศิลป์อย่างเข้มข้นตามคำสั่งของเจ้าของบริษัท
“น้องนิว เรียนรู้งานกับพี่ท้อป ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามพี่ท้อปได้นะ แต่ไม่ต้องเครียดนะค่อยๆเรียนรู้ไป ลุงเชื่อว่าน้องนิวทำได้ นิวเก่งอยู่แล้วเชื่อลุง ผมฝากหน่อยนะคุณท้อป” ท่านเจ้าสัวเอ่ยกับทั้งสองหนุ่มที่หน้าหวานทั้งคู่
ถ้าใครได้มาเห็นเลขาของท่านประธานบริษัทนี้ คงคิดว่าเค้าคัดหน้าตามาแน่เลย เพราะเลขาของท่านประธานทั้งสองคนหน้าตาดีถึงขั้นดีมาก หน้าหวานผิวเนียนลุคโอปป้าทั้งสองคน เพียงแต่ธนศิลป์ตัวบางและเล็กกว่านวพรรษเล็กน้อยเท่านั้น
ตั้งแต่นั้นมานวพรรษก็ตั้งใจเรียนรู้งานทุกอย่างจากธนศิลป์และสามารถทำได้ดีเกือบเท่ากับคนสอน
“ทำได้ดีมากน้องนิว ไม่เสียเเรงที่พี่สอนจริง”ธนศิลป์เอ่ยชมจากใจจริงเขาชอบเด็กคนนี้มาก ตั้งใจเรียนรู้ และขยันทำงาน โดยไม่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กเส้นเป็นลูกของเพื่อนเจ้าของบริษัทเลย ทำตัวเหมือนพนักงานธรรมดา ไม่ถืออภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ทั้งยั้งรู้จักมีสัมมาคารวะ รู้จักผู้ใหญ่ผู้น้อย นอบน้อมถ่อมตน ทำให้ทั้งธนศิลป์เองและท่านเจ้าสัวเอ็นดูเป็นอย่างมาก
“นิวเองต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ท้อปมากๆ เลยนะครับ ที่ช่วยสอนและแนะนำนิวมาตลอด อดทนกับนิวจน นิวทำได้” นวพรรษกล่าวขอบคุณรุ่นพี่อย่างท้อปที่คอยสอนคอยแนะนำ จนเขาเข้าใจในงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบมากขึ้น เขารู้สึกโชคดีที่ได้เจอกับเพื่อนร่วมงานที่ดีและเจ้านายที่ดีอย่างนี้
ตั้งแต่นวพรรษเข้ามาทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆของเมืองไทยของท่านเจ้าสัวเวทินผู้เป็นเพื่อนของบิดามารดา นอกจากเจ้าสัวและคู่รักอย่างธนศิลป์จะให้ความเอ็นดูแล้ว คนอัธยาศัยดี หน้าตาดีอย่างนวพรรษก็มีแฟนคลับในบริษัทมากมาย ไม่ว่าจะทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย แค่ได้เห็นหน้าหรือรอยยิ้มพิมพ์ใจของคุณเลขาหน้าหวานเท่านั้นแหละ ก็โดนเจ้าของใบหน้าหวานตกเอามาเป็นแฟนคลับหมด บางคนถึงขั้นเอาขนมหรือของกินไปดักรอให้นวพรรษถึงทางเดินเข้าบริษัท บางคนไม่กล้าเจอหน้าเพียงเพราะเขินอายไม่กล้าที่จะสบตาก็ฝากเอาไว้ที่แผนกต้อนรับของบริษัทแทน ซึ่งเรื่องนี้พี่ท้อปและท่านเจ้าสัวรู้ดี
ยิ่งรู้มาว่าคุณเลขายังโสดยังไม่มีแฟน นวพรรษยิ่งกลายเป็นคนเนื้อหอมมีแฟนคลับอย่างกับดารา ก่อนหน้านี้เหตุการณ์นี้เคยเกิดกับธนศิลป์เลขาหน้าหยกของท่านประธานมาก่อน แต่พอธนศิลป์โดนท่านประธานอย่างเจ้าสัวเวทินจับกินเสียเอง แฟนคลับเลยอกหักกันเป็นแถวๆ แต่ใช่ว่าแฟนคลับจะหมดไป ยังมีคนตั้งคลับสายวายมาให้อีก แต่พอมีนวพรรษเข้ามาในบริษัท เลขาหน้าหล่อออกไปทางหวานละมุน หุ่นสูงโปร่ง มาปรากฏตัวที่บริษัททำให้หัวใจแฟนคลับทั้งหลายกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอีก ต่างพากันชื่นชมในหน้าตาและนิสัยกริยาของคุณเลขาคนใหม่ ที่ดีกรีไม่ธรรมดา เป็นถึงลูกท่านฑูต สิ่ยิ่งเพิ่มกระแสความฮ็อตเข้าไปอีก
ท่านฑูตนวพล กับ คุณหญิงอัญพัชร์ ปรียานันท์ คุณป๊ากับม่าม๊าของนวพรรษ มีลูกชายแค่คนเดียวเลยรู้สึกรักเเละเป็นห่วงลูกชายมาก ให้ไปเรียน ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก เจ้าลูกชายก็ไม่เอา ไม่ชอบเมืองนอก เลยจำใจต้องให้ลูกชายคนเดียวใช้ชีวิตที่เมืองไทยคนเดียว นานๆคุณป๊ากับคุณม๊าจะบินกลับมาหาลูกชายที ไม่อย่างนั้นก็ให้ลูกชายบินไปหา พอเรียนจบถึงเวลาต้องทำงาน ท่านฑูตเลยฝากลูกชายคนเดียวเข้าทำงานที่บริษัทของเพื่อนรักอย่างเจ้าสัวเวทิน ซึ่งตอนแรกที่นวพรรษมาฝึกงานท่านเจ้าสัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นลูกชายของเพื่อนรัก แต่ก็ชอบและเอ็นดูในความเก่งของเด็กหนุ่มคนนี้อยู่แล้ว ยิ่งพอรู้ว่าเป็นลูกของเพื่อนรักยิ่งเอ็นดูเพิ่มขึ้นอีก และรับปากว่าจะดูแลให้อย่างดีจนเพื่อนรักอย่างท่านฑูตเบาใจ
เมื่อวิศวะกรสาวข้ามภพสู่ยุคจีนโบราณกลายเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทผู้เย็นชาเธอต้องเผชิญทั้งอำนาจเกมการเมืองในวังศัตรูที่มุ่งร้ายความรักระหว่างเธอกับองค์รัชทายาทเธอจะเอาตัวรอดในโลกที่ไม่รู้จักได้อย่างไร
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
ใช่... ของฉันมันไม่แข็ง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้แกมาทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน! ฝันไปเถอะ! ไม่อยากถูกฟ้าผ่าโว้ยยยย!
‘ลู่ซิงเหยียน’ ไม่คิดเลยว่าการอาสาช่วยโจรผู้หนึ่งหลบหนีออกจากจวนเจ้าเมืองเพื่อแลกกับชีวิตของตนเองนั้น จะทำให้โชคชะตาของนางผูกติดกับ ‘เขา’อย่างไม่มีวันแยกจาก ********************* ลู่ซิงเหยียนทำงานอยู่ภายในจวนเจ้าเมืองหลิวลี่ซือในฐานะสาวใช้ เพื่อสืบหาคนร้ายที่ทำให้ตระกูลลู่ของนางถูกประหารทั้งตระกูล ทว่าวันหนึ่งมีชายชุดดำบุกเข้ามาขโมยของในจวนเจ้าเมือง เพื่อแลกกับชีวิตของตนเอง ลู่ซิงเหยียนจึงอาสาช่วยเหลือโจรผู้นี้หลบหนี นางเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือเขา นอกจากจะไม่ได้รับคำขอบคุณ เขากลับตามตอแย วนเวียนอยู่รอบกายนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ แต่ไม่รู้เป็นเพราะซาบซึ้งใจหรือชิงชังที่นางบังคับให้เขาหลบซ่อนอยู่ในถังอาจมกันแน่!!! ************************** “หมายความว่าอย่างไร” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม ดวงตาเขียวปัด ฟังจากโทนเสียงคล้ายกับเป็นเสียงคำรามในลำคอเสียมากกว่า ส่วนเจ้าของคำถามบัดนี้จับจ้องสตรีตรงหน้าด้วยความโกรธจัดจนแทบอยากจะกระโจนเข้ามาบีบคอ “ปัดโธ่ ท่านมีทางเลือกมากนักหรือ นี่เป็นวิธีเดียวที่ข้าคิดได้แล้ว หากอยากหนีออกไปโดยไม่ถูกจับได้ก็มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น” แม้ปากจะกล่าวไปเช่นนั้น แต่ใบหน้ากลับหดเล็กยิ่งกว่าฝ่ามือ ลู่ซิงเหยียนเหลือบมองร่างสูงสลับกับถังไม้ขนาดใหญ่บนรถเข็นที่เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลเน่าเหม็น ยามนี้เมื่อเปิดฝาที่ปิดอยู่ออกก็ยิ่งส่งกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนจนรู้สึกคลื่นเหียนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด นางเห็นร่างสูงยืนแข็งค้างอยู่ในเงามืดหลังพุ่มไม้หนาทึบ มือข้างที่จับมีดกำแน่นขึ้นกว่าเดิมจนน่าหวาดหวั่น ท่าทางโกรธจัดของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต คาดว่าภายในใจตอนนี้คงอยากปาดคอนางแล้วจับหมกลงไปในถังอาจมเป็นแน่ "ข้าจะฆ่าเจ้าซะ” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ************************************** สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาแล้ววววว เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องยาวนะคะ แนวโรแมนติกดราม่านิดๆ + เกมการเมืองหน่อยๆ ไม่ทะลุมิติ ไม่ย้อนเวลาค่ะ ไม่อิงประวัติศาสตร์และยุคสมัยใดๆ นะคะ ตัวละครและสถานที่เกิดขึ้นจากจินตนาการทั้งหมดของไรท์ค่ะ
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง