“ทำไมกัน? แม่เล้ามิได้สอนเจ้าเลยหรือว่าจะต้องปรนนิบัติผู้อื่นเช่นไร? มัวแอบอันใดอยู่เล่า?”
ในห้องหลังม่านสีแดง ชายหนุ่มรูปงามก้มหน้าลง และเกี่ยวคางของหญิงสาวรูปงามตรงหน้าไว้พลางพูดขึ้นอย่างเฉยชา
ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ลู่จินหวยหรืออ๋องหนานผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาล เพื่อซื้อบุตรสาวสองคนของเสิ่นจวินคั่วผู้เป็นรองเจ้ากรมขุนนางที่ถูกเนรเทศโทษฐานทุจริตจากหอเจียวฟ่างมา
เสิ่นหลิวเยว่ที่เป็นบุตรีฮูหยินเอกคือคนรักของลู่จินหวย แม้ลู่จินหวยจะซื้อนางมา แต่กลับให้เกียรตินาง ไม่เคยบีบบังคับให้นางต้องพลีกายให้เขาเลย
ส่วนเสิ่นสุยยินที่เป็นบุตรสาวของอนุนั้นต่างออกไป นางยอมพลีกายถวายตัวให้กับเขา คืนนี้ลู่จินหวยจึงได้ร่วมเรียงเคียงหมอนกับนาง
ทว่า……
สตรีที่เคยมีเสน่ห์ดูเย้ายวนใจต่อหน้าทุกคนก่อนหน้านี้ เวลานี้แม้แต่เรื่องการปรนนิบัติยังทำไม่เป็นเลย
เสิ่นสุยยินก้มหน้าลง กัดริมฝีปากแน่น
นางจะมาล้มเหลวในช่วงวินาทีสุดท้ายไม่ได้เด็ดขาด
กว่าจะทำให้ลู่จินหวยซื้อนางมาต่อหน้าผู้คนได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ไม่ว่าจะทำไปเพื่อแม่ของนางที่ต้องตายในกองไฟแทนแม่เลี้ยงที่มีศักดิ์เป็นเมียเอก หรือเพื่อน้องชายแท้ ๆ ของนางที่ถูกเนรเทศไปกับท่านพ่อ ดังนั้นนางจะเอาแต่ซ่อนตัวอยู่เช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ตอนที่เสิ่นสุยยินเอาแต่เงียบ ลู่จินหวยก็จงใจเร่งเร้านางขึ้นมา
“แม่นางสุยยิน คืนนี้หากเจ้าสามารถปรนนิบัติข้าจนข้าพอใจ มิแน่นะข้าอาจจะพาเจ้าออกไปจากหอเจียวฟ่างแห่งนี้ก็ได้”
หลังจากพูดจบ ลู่จินหวยก็เตรียมจะชมการแสดงของเสิ่นสุยยิน
เสิ่นสุยยินสูดหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงบนเตียง จากนั้นก็คว้าเข้าที่เข็มขัดของลู่จินหวย นางออกแรงเล็กน้อยเพื่อเกี่ยวตัวลู่จินหวยให้เข้ามาหานาง
ลู่จินหวยก้มหน้ามองนิ้วมือที่เรียวสวยที่เกี่ยวเข็มขัดเขาไว้แวบหนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นและกำลังจะพูด เขาก็เห็นเสิ่นสุยยินขยับเข้ามาใกล้ และจูบเข้าที่ริมฝีปากของเขาเสียแล้ว......
ลมหายใจที่ร้อนผ่าวแผ่กระจายอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคน สายตาที่ดูเร่าร้อนดุจไฟของลู่จินหวยทำให้ตัวของเสิ่นสุยยินร้อนตามไปด้วยเช่นกัน
การจุดธูปในเตาธูปของหอเจียวฟ่าง เดิมทีมีจุดประสงค์เพื่อใช้ความหอมในการกระตุ้นอารมณ์
ขณะนี้ลู่จินหวยได้ถูกท่าทางยั่วยวนที่ดูไม่คุ้นเคยแต่พยายามอย่างยิ่งของเสิ่นสุยยินทำให้จิตใจปั่นป่วน
ตอนที่เสิ่นสุยยินกำลังค่อย ๆ ถอดเครื่องประดับศีรษะออกและมีเสียงเครื่องทองร่วงพื้นดังขึ้นมา จังหวะนี้อารมณ์ที่กำลังตึงเครียดของลู่จินหวยก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์
เขาโอบกอดเสิ่นสุยยินเอาไว้และกลับกลายเป็นฝ่ายที่เริ่มเข้าหาก่อนเสียเอง โดยเขากดตัวนางไว้ด้านล่าง และจูบนางอย่างดูดดื่มมากยิ่งขึ้น
จูบของลู่จินหวยไม่เหมือนเสิ่นสุยยินเมื่อกี้นี้ที่หยอกเย้าเล่น มันมีความต้องการที่จะครอบครองอย่างเผด็จการและรุนแรงอยู่ด้วย ราวกับว่าจะกลืนกินเสิ่นสุยยินเข้าไปทั้งตัวให้ได้อย่างไรอย่างนั้น
เสิ่นสุยยินไม่มีแรงที่จะต้านทานได้ นางถึงกับลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจไปเลยทีเดียว
“ทำไมหรือ? นี่คือวิธีที่เจ้าปรนนิบัติข้าเช่นนั้นหรือ? ตอนนี้ดูเหมือนว่า ข้าน่าจะเป็นฝ่ายปรนนิบัติเจ้าเสียมากกว่าแล้วนะ”
พอลู่จินหวยเห็นอาการของเสิ่นสุยยินก็หัวเราะอยู่ในลำคอ
เสิ่นสุยยินหน้าแดงก่ำไปหมด นางไม่ได้พูดอันใด ดวงตาที่กำลังจ้องมองไปที่ลู่จินหวยเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
ทันใดนั้นลู่จินหวยก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขากระซิบที่หูของเสิ่นสุยยินเบา ๆ ว่า “มิเป็นไร ข้าจะสอนเจ้าเอง ครั้งหน้าถึงตาเจ้าแล้วนะ”
ขณะที่เสิ่นสุยยินกำลังจะตอบ นางก็รู้สึกได้ว่ามีมือข้างหนึ่งล้วงเข้ามาในเสื้อของตนเอง จากนั้นก็จับเข้าที่หน้าอกของนาง เสิ่นสุยยินถึงกับอ้าปากค้างพูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
วินาทีที่เสื้อผ้าถูกถอดออกจนร่างกายเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้ากัน ความคิดของเสิ่นสุยยินก็สับสนวุ่นวายไปหมด
จังหวะตอนที่มีของแปลกปลอมสอดใส่เข้ามา เสิ่นสุยยินก็กำมือที่อยู่บนไหล่ของลู่จินหวยแน่น
ลู่จินหวยจับมือของเสิ่นสุยยินเอาไว้อย่างอ่อนโยน ก้มหน้าลง แล้วก็จูบเสิ่นสุยยินอีกครั้งเพื่อปิดกั้นเสียงครวญครางที่ร้องขึ้นมาเป็นครั้งคราวของนางเอาไว้
เสิ่นสุยยินจิตใจล่องลอย ประหนึ่งเป็นเรือลำเล็กที่ทำได้เพียงปล่อยตัวไปตามจังหวะการขึ้นลงของลู่จินหวยไป ความสุขที่ไม่คุ้นเคยทำให้นางรู้สึกค่อนข้างกลัว แต่นางก็ไม่อยากที่จะละไป สุดท้ายนางก็ทำได้เพียงดื่มด่ำอยู่กับความสุขนี้ต่อไป
……