ในงานเลี้ยงวันเกิด ลู่ซิงหลานถูกบรรดานักข่าวปิดทางไว้จนแน่นขนัด
บรรดาสื่อมวลชนยิงคำถามแสนเชือดเฉือนออกมาไม่หยุดหย่อน พร้อมกับเลนส์กล้องที่ถูกส่องมาที่ใบหน้าของเธออยู่ตลอด แสงแฟลชจากรอบข้างก็กะพริบไม่หยุด
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ท่าทีของลู่ซิงหลานก็ดูเหม่อลอยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ายังไม่สามารถฟื้นตัวจากความกระทบกระเทือนเมื่อครู่นี้ได้
ลู่หยุนเสวี่ยคือคุณหนูตัวจริงของตระกูลลู่ และเป็นรักแท้ของฮั่วสุยหยวน แล้วเธอลู่ซิงหลานเป็นใครกัน?
เธอคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฮั่วสุยหยวน แต่ก็เป็นแค่เรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น
เมื่อก่อนคนที่มารับเธอจากสลัมในต่างประเทศและอ้างตัวว่าเป็นพ่อแม่ของเธอก็ไม่ใช่คนตระกูลลู่หรอกเหรอ?
หรือว่าก่อนที่จะรับเป็นลูก พวกเขาไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอขั้นพื้นฐานกันเลยงั้นเหรอ?
ทำไมถึงเพิ่งจะมาค้นพบความผิดพลาดเอาตอนนี้!
ลู่ซิงหลานยืนตัวแข็งทื่อ แต่เมื่อหันกลับไปก็เห็นฮั่วสุยหยวนและลู่หยุนเสวี่ยกำลังมองกันและกันอย่างหวานซึ้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของฝูงชน
เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ และถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก “ทำไมคะ? คุณไม่เคยพูดเรื่องนี้กับฉันเลย”
ใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วสุยหยวนเต็มไปด้วยความเฉยชา “มาพูดตอนนี้ก็ไม่ต่างกันหรอก ลู่ซิงหลาน เราหย่ากันเถอะ คุณไม่คู่ควรกับผม”
“การแต่งงานของเราเดิมทีก็เป็นแค่การเชื่อมสัมพันธ์ของสองตระกูลเท่านั้น คนที่ผมรักมาตลอดคือหยุนเสวี่ย รู้ไหมว่าทำไมผมถึงไม่แตะต้องคุณเลยหลังจากที่เราแต่งงานกัน? ก็เพราะคุณมันเหมือนอาหารบูดๆ ที่เห็นแล้วทำให้หมดอารมณ์ยังไงล่ะ”
เขาพูดไปพลาง พร้อมกับมองไปยังหญิงสาวที่แต่งกายเรียบง่ายและสวมแว่นตาหนาเตอะสีดำดูโง่เง่าที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยท่าทีรังเกียจ
เธอเป็นเหมือนสิ่งแปลกปลอมในโลกที่หรูหราน่าดูของเขามาโดยตลอด
ทันทีที่พูดจบ ลู่ซิงหลานก็ยกแก้วแชมเปญในมือขึ้นมาทันที และสาดไปที่ใบหน้าของฮั่วสุยหยวนอย่างจัง
เสียง “ซ่า” ดังขึ้นทันควัน แชมเปญสีทองสาดรดเต็มใบหน้าและชุดสูทราคาแพงของฮั่วสุยหยวน เขายืนนิ่งอึ้งอยู่กับที่ หยาดน้ำไหลหยดลงมาจากปลายผมและข้างแก้มของเขา
“อาหารบูดงั้นเหรอ? แล้วใครกันที่พูดว่าอยากได้ลู่ซิงหลานที่แสนธรรมดา! อยากได้ภรรยาและแม่ของลูกที่ดี อยากได้ลูกสาวที่ไม่แย่งซีนคนอื่น!”
เธอขว้างแก้วแชมเปญในมือลงกระแทกพื้นจนแตกละเอียด บรรยากาศในงานที่วุ่นวายกลับเงียบสงัดลงทันตา
ฮั่วสุยหยวนพลันรู้สึกอับอายและกัดฟันกรอด “คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? !”
สามีภรรยาตระกูลลู่ที่อยู่บนเวทีก็ตะโกนตำหนิเช่นกัน “ลู่ซิงหลาน วันนี้เป็นวันเกิดของเสี่ยวเสวี่ยนะ ไม่ใช่ที่ที่จะให้เธอมาอาละวาด!”
ทุกคนต่างพากันด่าว่าเธอเป็นบ้า
ไม่มีใครรู้เลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอแอบทุ่มเททุกอย่างลับหลังตระกูลลู่กับตระกูลฮั่วมากมายแค่ไหน
เธอรีบผลักประตูแล้ววิ่งหนีออกมา แต่บรรดานักข่าวก็ยังคงไล่ตามและขัดขวางเธอไว้
ลู่ซิงหลานปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น และได้แต่พยายามเบียดตัวฝ่าฝูงชนออกไปอย่างยากลำบาก เธอไม่สนใจว่าข้างนอกฝนจะตกหนักแค่ไหน หรือระหว่างทางผู้คนจะชี้นิ้วนินทาเธออย่างไร เธอแค่อยากจะรีบหนีไปให้เร็วที่สุดเท่านั้น
แต่สุดท้ายเมื่อเธอฝ่าฝูงนักข่าวและวิ่งออกมาถึงทางแยกได้แล้ว เธอกลับถูกแฟนคลับของคุณลู่หยุนเสวี่ยผลักอย่างแรงจนล้มลงกลางถนนที่มีรถพลุกพล่าน
ลู่หยุนเสวี่ยเป็นดาราชื่อดัง งานวันเกิดของเธอมีการไลฟ์สด ทำให้มีแฟนคลับมากมายมารออยู่ข้างนอก เมื่อพวกเขาเห็นลู่ซิงหลานโผล่ออกมาก็พากันรุมด่าอย่างรุนแรงเหมือนฝูงหมาป่าที่เห็นเนื้ออย่างนั้น
“ลู่ซิงหลาน เธอถึงกับกล้ามางานวันเกิดของเสี่ยวเสวี่ยเลยเหรอ ไร้ยางอายจริงๆ !”
“ในเมื่อเป็นคุณหนูกำมะลอ ถ้างั้นก็กลับสลัมของเธอไปซะสิ! ทำไมยังโผล่หัวมาที่นี่อีก หรือว่ายังตัดใจจากความร่ำรวยและฐานะที่สูงส่งของตระกูลลู่ไม่ได้?”
“เป็นแค่เมียเก่าที่ถูกทอดทิ้งของคุณชายฮั่ว กลับยังหน้าด้านกล้าโผล่มาอยู่ต่อหน้าเสี่ยวเสวี่ย เธอไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน!”
“ไสหัวไปซะ!”
ลู่ซิงหลานที่ล้มอยู่บนพื้นได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามเหล่านั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จู่ๆ จะหัวเราะเยาะตัวเองออกมา
ช่างน่าขันเหลือเกิน ชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว ครอบครัวที่ไม่เคยมีแม้แต่ความอบอุ่นเล็กๆ น้อยๆ กลับสามารถทำให้เธอลู่ซิงหลานคนนี้ตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ขนาดนี้ได้
ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว เธอจะยังพยายามแสร้งทำเป็นคนดีไปทำไมอีก? ยอมกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น สุดท้ายกลับต้องพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง!
เธอยกมือขึ้นปิดตาด้วยความเจ็บปวด ปล่อยให้สายฝนอันเย็นยะเยือกชะล้างร่างกายของเธอ
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงเรียก “คุณชายจิ่ง” ที่เต็มไปด้วยความเคารพดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังอยู่ด้านหลังของลู่ซิงหลาน
ชั่วพริบตาเดียว ร่มสีดำคันหนึ่งก็ถูกกางออกท่ามกลางสายฝนในยามค่ำคืน บดบังอยู่เหนือศีรษะของเธอ