คำพูดคำเดียว ทำให้ศักดิ์ศรีทั้งหมดของซูหว่านหนิงพังทลายลง เบ้าตาของเธอเริ่มแดง เธอปฏิเสธไปด้วยความร้อนใจ “ไม่ใช่นะ เรื่องในปีนั้นไม่ใช่ฝีมือของฉันนะ”
ใบหน้าที่หล่อเหลาของฮั่วเยี่ยนสือปรากฏให้เห็นความเยาะเย้ยอันเฉียบคม การกระทำทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ซูหว่านหนิง จนถึงตอนนี้แล้วยังจะโกหกอีกเหรอ! คุณเป็นคนเริ่มแผนการทั้งหมดนี้ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาแสร้งทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสาแบบนี้? คุณได้ในสิ่งที่ปรารถนา แล้วผมล่ะ?”
เขาเป็นถึงท่านประธานที่หนุ่มที่สุดของฮั่วซื่อ กรุ๊ป ยืนหนึ่งเรื่องความเด็ดขาดปราดเปรียวในโลกธุรกิจ แต่กลับตกมาอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิงคนนี้
ซูหว่านหนิงกัดริมฝีปากสีชมพูด้วยฟันที่ขาวผ่อง เธอคิดที่จะหนี แต่กลับถูกเขากอดเอาไว้แน่น ทั้งยังกลั่นแกล้งรังแกเธออยู่ในอ้อมแขนอีกด้วย
ข้าวของที่ระเนระนาดเต็มพื้น มันคืออาหารค่ำที่ซูหว่านหนิงจัดเตรียมด้วยตัวเองมาตลอดทั้งวัน
วันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานสามปีของพวกเขา แล้วก็เป็นวันที่หนึ่งพันเก้าสิบห้าที่ฮั่วเยี่ยนสือเข้าใจเธอผิดเช่นกัน
เขาจงใจทำให้เรื่องมันยุ่งยาก ซูหว่านหนิงอยากจะโต้เถียง แต่ไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงได้ ความคิดถูกกระชากอย่างรุนแรง เสียงของเธอสั่นเครือ เธอใช้แขนผลักเขาออกไปโดยสัญชาตญาณ “ฉันไม่ทำต่อแล้ว เยี่ยนสือ วันนี้มันไม่เหมือนกัน!”
มือที่เห็นกระดูกข้อต่อชัดเจนของฮั่วเยี่ยนสือปิดริมฝีปากที่อวบอิ่มของเธอเอาไว้อย่างโหดร้าย “มีอะไรที่ไม่เหมือนกัน? เป็นงานที่สามีภรรยาต้องทำกัน ทนไม่ไหวก็ต้องทน”
คำเพียงไม่กี่คำสะกิดเส้นประสาทที่อ่อนไหวง่ายของซูหว่านหนิง เธอขยับริมฝีปากท่าทางดูถูกตัวเอง “ที่แท้คุณก็ยังรู้ตัวว่าฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉันคิดว่าเป็นโจวชิงชิงซะอีก”
สีหน้าของฮั่วเยี่ยนสือเปลี่ยนไป ผละตัวออกมาจากเธอ “คุณไม่มีสิทธิ์พูดถึงเธอ!”
ซูหว่านหนิงขาอ่อนแรงล้มทรุดลงไปบนโซฟา เธอไม่อยากพูดถึงคนคนนี้ในวันครบรอบแต่งงานเลยด้วยซ้ำ แต่โจวชิงชิงจงใจส่งวิดีโอนั้นมาให้เธอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
โจวชิงชิงที่อยู่ในวิดีโอซบพิงไหล่ของฮั่วเยี่ยนสือดูดอกไม้ไฟที่แสนตระการตาด้วยท่าทางสนิทสนม หลังจากที่การแสดงดอกไม้ไฟเริ่มจบลง ทั้งสองคนก็เดินเคียงไหล่เข้าไปในโรงแรมห้าดาวด้วยกัน
ต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น การที่หนุ่มโสดสาวโสดเข้าโรงแรมด้วยกันไม่ต้องบอกก็รู้ว่าไปทำอะไร
“ถ้าคุณไม่ไปอยู่ด้วยกันกับเธอในวันครบรอบแต่งงาน ฉันก็ไม่มีทางพูดถึงเธอแน่นอน”
ฮั่วเยี่ยนสือดึงข้อมือของเธอเข้ามาในอ้อมกอด ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือกอันแรงกล้า “ซูหว่านหนิง คุณสะกดรอยตามผมเหรอ?” เธอยกมุมปากหัวเราะเยาะ ตั้งแต่ที่แต่งงานกันเมื่อสามปีก่อน เธอก็ถูกบังคับให้ละทิ้งอาชีพการงาน ผันตัวไปเป็นแม่บ้านแบบเต็มตัว จะเอาความสามารถที่ไหนไปสะกดรอยตามสามีได้ล่ะ?
“ฮั่วเยี่ยนสือ ฉันไม่ได้สะกดรอยตามคุณ แต่ว่าคุณไปหาคนในดวงใจคุณในวันครบรอบแต่งงานของเรา คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่?”
ฮั่วเยี่ยนสือโกรธจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว นิ้วมือที่เห็นข้อต่อกระดูกชัดเจนกดคอที่นุ่มนิ่มของเธอไว้ แล้วพาเธอไปข้างหน้า ดวงตาโหดเหี้ยมราวกับจะฉีกกระชากเธอออกเป็นชิ้นๆ
“เครื่องมือระบายอารมณ์ทางเพศ คุณคิดว่าไง?”
ซูหว่านหนิงตัวสั่นเทา หัวใจเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก นี่คือผู้ชายที่เธอรักมานานหลายปีอย่างนั้นเหรอ
เธอตกหลุมรักเขาหัวปักหัวปำตั้งแต่ที่เขาช่วยสั่งสอนพวกอันธพาลข้างถนนอย่างโหดเหี้ยมให้เธอในวัยเด็ก
แต่ซูหว่านหนิงยังไม่ทันได้แสดงเจตนาอะไร ก็ถูกฮั่วเยี่ยนสือที่ถูกวางยาลากเข้าไปทรมานภายในห้อง ในตอนแรกเริ่มเธอดิ้นรนขัดขืน แต่หลังจากที่จำเขาได้ เธอก็ยอมให้เขาทรมานอย่างยอมจำนน
หลังจากเสร็จเรื่องแล้ว ฮั่วเยี่ยนสือก็ตำหนิต่อว่าว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยม ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับเขา
ซูหว่านหนิงไม่สามารถแก้ต่างอะไรได้
ทั้งๆ ที่ในตอนนั้นฮั่วเยี่ยนสือไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลยสักนิด แต่กลับตัดสินโทษเธอไปแล้ว
อดีตที่เกินกว่าจะทนไหวประกอบกับความยุ่งเหยิงวุ่นวายในเวลานี้ จู่ๆ มันก็ทำให้เธอไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว
ซูหว่านหนิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กรีดร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมาน “ฮั่วเยี่ยนสือ ในเมื่อคุณไม่ได้รักฉัน ถึงขนาดเหยียบย่ำชีวิตแต่งงานของเรา ถ้างั้นเราก็หย่ากันเถอะ!”