ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / ภรรยาที่แสนดีได้ตายไปแล้ว
ภรรยาที่แสนดีได้ตายไปแล้ว

ภรรยาที่แสนดีได้ตายไปแล้ว

5.0

การรอคอยลูกน้อยมาตลอด 5 ปี จบลงอย่างน่าเวทนาใต้ฝ่าเท้าของเลขาฯ สามี เธอกระทืบท้องฉันจนเลือดไหลนองพื้น ปะปนกับแกงมัสมั่นที่ฉันตั้งใจทำมาเซอร์ไพรส์เขา พี่ภูมาถึงทันเวลาเห็นลูกจากไป แต่มาช้าเกินกว่าจะรักษาหัวใจที่แหลกสลายของฉันได้ ฉันหิ้วปิ่นโตไปหา 'พี่ภู' ที่บริษัท หวังจะบอกข่าวดีเรื่องตั้งครรภ์ที่เราเฝ้ารอมานาน แต่ 'เรณู' เลขาฯ หน้าห้องกลับขวางทางและมองฉันด้วยสายตาเหยียดหยาม ด่าว่าฉันเป็นผู้หญิงชั้นต่ำที่หวังจับท่านประธาน เธอไม่ฟังคำอธิบาย สั่งรปภ.ลากฉันไปขังในห้องประชุม แล้วใช้ส้นสูงขยี้ลงบนหน้าท้องของฉันอย่างเลือดเย็น "ไหนดูซิว่าท้องจริงไหม!" เสียงหัวเราะของเธอดังลั่น ขณะที่ความเจ็บปวดแล่นพล่านและเลือดสีสดไหลทะลักออกมาจากหว่างขาของฉัน วินาทีที่พี่ภูเปิดประตูเข้ามา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้องผสมกับกลิ่นแกง เขาคลุ้มคลั่งเหมือนสัตว์ป่าเมื่อรู้ความจริง พุ่งเข้าทำร้ายเรณูจนปางตายท่ามกลางเสียงกรีดร้อง แต่สำหรับฉัน... คำขอโทษและน้ำตาของเขามันไร้ค่าเสียแล้ว นิดคนเดิมที่แสนอ่อนหวานและมองโลกในแง่ดี ได้ตายไปพร้อมกับลูกในท้องตั้งแต่วินาทีนั้น ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงโรงพยาบาลด้วยแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา ความรักที่มีให้สามีมอดไหม้จนหมดสิ้น เหลือเพียงไฟแค้นที่โชติช่วง จากนี้ไป จะไม่มีภรรยาที่แสนดีอีกแล้ว จะมีแต่แม่ผู้เคียดแค้นที่พร้อมจะลากทุกคนที่ทำร้ายลูกของฉันลงนรก

สารบัญ

บทที่ 1

การรอคอยลูกน้อยมาตลอด 5 ปี จบลงอย่างน่าเวทนาใต้ฝ่าเท้าของเลขาฯ สามี

เธอกระทืบท้องฉันจนเลือดไหลนองพื้น ปะปนกับแกงมัสมั่นที่ฉันตั้งใจทำมาเซอร์ไพรส์เขา

พี่ภูมาถึงทันเวลาเห็นลูกจากไป แต่มาช้าเกินกว่าจะรักษาหัวใจที่แหลกสลายของฉันได้

ฉันหิ้วปิ่นโตไปหา 'พี่ภู' ที่บริษัท หวังจะบอกข่าวดีเรื่องตั้งครรภ์ที่เราเฝ้ารอมานาน

แต่ 'เรณู' เลขาฯ หน้าห้องกลับขวางทางและมองฉันด้วยสายตาเหยียดหยาม ด่าว่าฉันเป็นผู้หญิงชั้นต่ำที่หวังจับท่านประธาน

เธอไม่ฟังคำอธิบาย สั่งรปภ.ลากฉันไปขังในห้องประชุม แล้วใช้ส้นสูงขยี้ลงบนหน้าท้องของฉันอย่างเลือดเย็น

"ไหนดูซิว่าท้องจริงไหม!"

เสียงหัวเราะของเธอดังลั่น ขณะที่ความเจ็บปวดแล่นพล่านและเลือดสีสดไหลทะลักออกมาจากหว่างขาของฉัน

วินาทีที่พี่ภูเปิดประตูเข้ามา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วห้องผสมกับกลิ่นแกง

เขาคลุ้มคลั่งเหมือนสัตว์ป่าเมื่อรู้ความจริง พุ่งเข้าทำร้ายเรณูจนปางตายท่ามกลางเสียงกรีดร้อง

แต่สำหรับฉัน... คำขอโทษและน้ำตาของเขามันไร้ค่าเสียแล้ว

นิดคนเดิมที่แสนอ่อนหวานและมองโลกในแง่ดี ได้ตายไปพร้อมกับลูกในท้องตั้งแต่วินาทีนั้น

ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียงโรงพยาบาลด้วยแววตาที่ว่างเปล่าและเย็นชา

ความรักที่มีให้สามีมอดไหม้จนหมดสิ้น เหลือเพียงไฟแค้นที่โชติช่วง

จากนี้ไป จะไม่มีภรรยาที่แสนดีอีกแล้ว จะมีแต่แม่ผู้เคียดแค้นที่พร้อมจะลากทุกคนที่ทำร้ายลูกของฉันลงนรก

บทที่ 1

คุณนิด POV

ฉันรู้สึกปวดท้องหน่วงๆ มาสองสามวันแล้ว มันไม่ใช่ความปวดที่รุนแรง แต่เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ฉันคิดว่าตัวเองแค่เหนื่อยจากการทำงานบ้านมากกว่าปกติ

ฉันพยายามเมินเฉยความรู้สึกนั้น เพราะคิดว่ามันคงจะหายไปเองเมื่อได้พักผ่อน แต่แล้วมันก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหนเลย

ฉันตัดสินใจไปหาหมอในวันรุ่งขึ้น ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นแค่โรคกระเพาะ หรืออะไรทำนองนั้น ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย

คุณหมอตรวจร่างกายฉันอย่างละเอียด หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ยื่นแผ่นกระดาษบางๆ มาให้ฉัน

ฉันมองกระดาษแผ่นนั้นงงๆ แล้วเลื่อนสายตาไปที่คุณหมอเพื่อขอคำอธิบาย

"ยินดีด้วยนะคะคุณนิด คุณกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ค่ะ" คุณหมอพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

คำพูดของคุณหมอเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ

ฉันกะพริบตาถี่ๆ ไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือไม่ ตั้งครรภ์? นี่ฉันกำลังท้องเหรอ?

น้ำตาอุ่นๆ ไหลรินลงมาบนแก้มโดยไม่รู้ตัว มันเป็นน้ำตาแห่งความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ฉันกับพี่ภูพยายามมาห้าปีแล้ว ห้าปีเต็มๆ ที่เราเฝ้ารอวันนี้

ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เราพยายามจะมีลูก แล้วต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า พี่ภูก็ยังคงกอดฉันไว้แน่น

เขาจะลูบหัวฉันเบาๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรัก

"ไม่เป็นไรนะนิด เรายังมีความหวังเสมอ พี่จะอยู่ตรงนี้กับนิด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น"

เขาพูดแบบนั้นเสมอ ฉันยังจำแววตาที่เจ็บปวดซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มปลอบใจของเขาได้ดี

ฉันรู้ว่าบางทีเขาก็คงจะเหนื่อยล้าเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่เคยแสดงให้ฉันเห็นเลย

เราแต่งงานกันอย่างลับๆ มานานหลายปีแล้ว พี่ภูไม่ต้องการให้สื่อมวลชนมายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของฉัน เขาอยากปกป้องฉันจากโลกภายนอกที่วุ่นวาย

และนั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องเก็บเรื่องการตั้งครรภ์นี้ไว้เป็นความลับก่อน ฉันอยากจะเซอร์ไพรส์เขาด้วยข่าวดีนี้ด้วยตัวเอง

คุณหมอบอกว่าฉันตั้งครรภ์ได้ประมาณแปดสัปดาห์แล้ว

"ช่วงนี้ต้องระวังเป็นพิเศษนะคะคุณนิด ห้ามยกของหนัก งดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะๆ ที่สำคัญคืออย่าเครียดนะคะ" คุณหมอบอกด้วยน้ำเสียงเน้นย้ำ

ฉันพยักหน้ารับคำอย่างตั้งใจ

ย้อนกลับไปคิด ฉันรู้สึกว่าตัวเองช่างไม่ทันสังเกตเอาเสียเลย ตลอดเดือนที่ผ่านมา ฉันกินเยอะขึ้น พักผ่อนมากขึ้น แต่ก็ยังรู้สึกเพลียอยู่ตลอดเวลา

ฉันคิดว่าตัวเองแค่พักผ่อนไม่พอ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไม

ความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาในใจเล็กน้อยที่ฉันไม่ทันได้ใส่ใจร่างกายตัวเองให้มากกว่านี้

แต่แล้วความรู้สึกนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความสุขและความตื่นเต้นอย่างรวดเร็ว

ฉันต้องเก็บความลับนี้ไว้ก่อน ฉันอยากเห็นสีหน้าของพี่ภูตอนที่เขารู้ข่าวดีนี้

ฉันตัดสินใจทำแกงมัสมั่น เนื้อที่พี่ภูชอบ เพื่อเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์

ฉันตั้งใจทำทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน ใส่ความรักและความหวังทั้งหมดลงไปในหม้อแกงนั้น

กลิ่นหอมของเครื่องแกงและเนื้อนุ่มๆ ลอยฟุ้งไปทั่วครัว

เมื่อแกงมัสมั่นเสร็จเรียบร้อย ฉันตักใส่ปิ่นโตอย่างบรรจง

ฉันเลือกชุดที่เรียบง่ายที่สุด กางเกงผ้าเนื้อนิ่มและเสื้อยืดหลวมๆ เพื่อความสบายและปลอดภัยของลูกในท้อง

ฉันขับรถไปที่บริษัทจิระกรุ๊ปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

ตึกสูงเสียดฟ้าตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เหมือนกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพี่ภู

ฉันก้าวลงจากรถพร้อมปิ่นโตในมือ ความตื่นเต้นปนกับความประหม่าเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ

ฉันเดินเข้าไปในล็อบบี้ของบริษัท คนเยอะมาก ผู้หญิงหลายคนแต่งตัวสวยงามดูดี มีทั้งสวยคม หรือสวยหวาน

ฉันเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พลางบอกพนักงานว่ามาหาคุณภูริภัทร

ทันใดนั้น เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังกรอบแกรบ ก็ตรงเข้ามาหาฉัน

"คุณเป็นใครคะ มาทำอะไรที่นี่" เสียงนั้นเย็นชาและเฉียบขาด ฉันหันไปมอง เธอคือเรณู หัวหน้าเลขาฯ ของพี่ภู

ฉันเคยเจอเธอสองสามครั้งตอนไปงานเลี้ยงแบบส่วนตัวกับพี่ภู แต่เราไม่เคยคุยกันเลย

เธอจ้องมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

"ฉัน... ฉันมาหาคุณภูริภัทรค่ะ พอดีเอาแกงมัสมั่นมาให้เขา" ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นมิตรที่สุด

เรณูหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เธอเดินมาใกล้ฉันมากขึ้น

"หาคุณภูริภัทรเหรอคะ? แล้วคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาที่นี่ แล้วจะมาเจอท่านประธานได้ง่ายๆ แบบนี้คะ?" เธอเน้นคำว่า "ง่ายๆ" อย่างจงใจ

สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

"ฉัน... ฉันแค่อยากจะเอาของที่เขาชอบมาให้เขาค่ะ" ฉันยังคงพยายามอธิบาย

ฉันไม่อยากให้เรื่องของเราถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ทำงานของพี่ภู

เรณูแค่นเสียง "คุณนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ นะคะ แต่งตัวแบบนี้ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาเสนอหน้าถึงที่นี่"

เธอพยายามยื่นมือมาคว้าปิ่นโตในมือฉัน

"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเอาไปให้เขาเอง" ฉันพยายามหลบมือเธอ

ใบหน้าของเรณูบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เธอไม่พูดอะไรอีกแล้ว แต่กลับกระชากปิ่นโตในมือฉันไปอย่างแรง

ฉันเซถอยหลังไปสองสามก้าวเกือบจะล้ม

"นี่มันอะไรกันคะ!" ฉันรู้สึกตกใจกับท่าทางของเธอ

"ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ ไม่สมควรแม้แต่จะหายใจร่วมอากาศเดียวกับท่านประธาน" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เรณูหันไปสั่งบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"ลากนางนี่ออกไปจากที่นี่ซะ แล้วดูแลให้ดี อย่าให้ใครเห็น" เธอพูดเหมือนฉันเป็นสิ่งของที่ไร้ค่า

บอดี้การ์ดสองคนตรงเข้ามาจับแขนฉันคนละข้างอย่างแรง

"ปล่อยนะ! พวกคุณจะทำอะไร!" ฉันตะโกนสุดเสียง พยายามดึงแขนตัวเองออก แต่ไม่เป็นผล

พวกเขาลากฉันไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว

ฉันพยายามดิ้นรนสุดกำลัง รู้สึกเจ็บแปลบที่แขน แต่ก็ยังพยายามปกป้องท้องของตัวเองไว้

พวกเขาลากฉันตรงไปยังห้องประชุมใหญ่ที่อยู่ปลายสุดของโถงทางเดิน

ทันทีที่เข้ามาในห้องประชุม พวกเขาก็เหวี่ยงฉันลงกับพื้นอย่างแรง

ฉันล้มกระแทกพื้นอย่างจัง รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว

สิ่งที่ฉันทำได้คือเอามือทั้งสองข้างกอดท้องตัวเองไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ

เรณูเดินเข้ามาใกล้ฉัน เธอจ้องมองลงมาด้วยสายตาที่เย็นชาและเหี้ยมเกรียม

"ผู้หญิงอย่างแกมันก็แค่พวกอยากได้เงิน อยากจะจับท่านประธานใช่ไหม" เธอพูดพลางยกเท้าขึ้นเหยียบที่ศีรษะของฉัน

ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความอัปยศอดสูที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง

แกงมัสมั่นที่เคยอยู่ในปิ่นโต ตอนนี้ถูกเทราดลงบนพื้นพรมสีเทาเข้มเหนือน้ำหอมแพงๆ ของฉัน

กลิ่นแกงมัสมั่นหอมฉุยปนกับกลิ่นน้ำหอมฉุนกึก

ฉันรู้สึกแสบร้อนที่ผิวหนัง เสื้อผ้าที่เคยสะอาดตอนนี้เปื้อนคราบแกงไปหมด

ฉันอดทนความเจ็บปวดทั้งหมดนี้ไว้เพื่อลูกในท้อง ฉันต้องไม่เป็นอะไร ลูกของฉันต้องปลอดภัย

เรณูยังคงใช้เท้าเหยียบศีรษะของฉันไว้ เธอเงยหน้ามองลูกน้องคนอื่นๆ ที่ยืนดูอยู่

"เอาเลยสิ! ใครที่อยากจะสั่งสอนผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้ก็เข้ามาเลย!" เธอพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา

ลูกน้องของเรณูหลายคนเดินเข้ามาใกล้ พวกเขามองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ

บางคนหัวเราะเยาะ บางคนก็พูดจาดูถูก

"ไหนดูสิว่าอร่อยแค่ไหน" เรณูพูดพลางก้มลงมา แล้วใช้มือบังคับหน้าฉันลงไปจุ่มกับแกงมัสมั่นที่หกอยู่บนพื้น

ฉันรู้สึกถึงความร้อนของแกงที่เปื้อนเต็มใบหน้า จมูกรับรู้ถึงกลิ่นเครื่องเทศที่ฉุนกึก

ฉันพยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้เลย

ร่างกายของฉันเริ่มรู้สึกแย่ลงไปอีก ความปวดหน่วงๆ ที่ท้องเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ฉันอยากจะกรีดร้องขอความช่วยเหลือ แต่เรณูกลับใช้มืออีกข้างบีบคอฉันไว้แน่น

เสียงหัวเราะของเรณูและลูกน้องดังก้องอยู่ในห้องประชุม มันเป็นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวและเย็นชาที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาทั้งชีวิต

ทันใดนั้น เสียงประตูห้องประชุมก็ดังแกร๊กเหมือนมีคนกำลังจะเปิดเข้ามา

เรณูและทุกคนที่อยู่ในห้องหยุดชะงักทันที พวกเขามองหน้ากันเลิ่กลั่ก

"ใคร!" เรณูตะโกนอย่างตกใจ

เสียงประตูถูกผลักเข้ามา

"ท่านประธานครับ! ท่านประธานครับ!" เสียงพนักงานคนหนึ่งตะโกนอย่างร้อนรน

ฉันพยายามเงยหน้าขึ้นมอง แต่ร่างกายของฉันมันอ่อนแรงเหลือเกิน

ฉันได้แต่หวังว่าใครที่เข้ามาจะช่วยฉันได้ ลูกของฉัน... ลูกของฉันต้องปลอดภัย

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 10   เมื่อวานซืน15:03
img
img
บทที่ 1
10/12/2025
บทที่ 2
10/12/2025
บทที่ 3
10/12/2025
บทที่ 4
10/12/2025
บทที่ 5
10/12/2025
บทที่ 6
10/12/2025
บทที่ 7
10/12/2025
บทที่ 8
10/12/2025
บทที่ 9
10/12/2025
บทที่ 10
10/12/2025
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY