12 ปีที่แอบรัก ก็ยังเป็นรุ่นพี่หนุ่มคนนั้นอยู่ดีที่ชรัญญารอคอย โปรย ชรัญญาลงมาได้สักพักก็พอดีกับที่วรุณภพกดออดหน้าบ้านของเธอ หญิงสาวกุลีกุจอเดินมายังรั่วประตูบ้าน “อรุณสวัสดิ์ที่รัก” วรุณภพเอ่ย ดวงหน้าคมคายขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย “ค่ะพี่ภพ” ชรัญญาเอ่ย “พี่ภพทานอะไรมาหรือยังคะ” หญิงสาวเอ่ยถามขณะเดินเคียงคู่กับเขา “ยังเลย...มีอะไรกิน” ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉย “ไม่มี” ชรัญญาเอ่ยแล้วดินไปยังห้องครัว “ใครบอกไม่มี…” วรุณภพเดินตามหญิงสาวเข้าไปในห้องครัว “ไหน” ชรัญญาเอ่ยถามขณะหยิบแก้วน้ำ “ก็แอมป์ไง” ชายหนุ่มตอบหน้าเป็น แก้วน้ำเกือบหลุดร่วงตกลงพื้น หญิงสาวแก้มแดงขึ้นเรื่อๆ ดวงตาคู่งดงามมองค้อนขวับให้เขาหนึ่งที หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอีกครั้งยามเมื่อวรุณภพสวมกอดเธอจากข้างหลัง ชรัญญารู้สึกราวกับภาพฝัน หากแต่มันสัมผัสได้ “จริงๆ ก็มีกินไหมล่ะคะ” ท้ายประโยคหญิงสาวเอ่ยเสียงสูง “ครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขณะจับเรือนผมของเธอเล่น ชรัญญาชะงักมือที่กำลังจับช้อนกาแฟคนทันที เธออยากจะหันไปกระทุ้งเขาแรงๆ สักที “แอมป์หิวแล้ว เดี่ยวสายนะ” หญิงสาวเอ่ยขณะที่หมุนตัวมาหาเขาแล้วหญิงสาวเอี้ยวตัวหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ “อุ๊ย เล่นแรงใหญ่แล้วนะเรานี่” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างตะลึงขณะที่หญิงสาวเดินออกไปพร้อมกับจานไข่ดาวทิ้งให้ชายหนุ่มแอบกุมแก้มอย่างรู้สึกดี
ตะวันกลมโตเคลื่อนคล้อยลอยเด่นขึ้นเหนือเมฆา ยามเช้าจึงเป็นเวลาที่หมู่นกกาโผผินบินออกจากรัง
สายลมเย็นอวลกลิ่นไม้หอมพัดโชยเข้ามาในเคหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่อย่างรโหฐาน
“กริ๊ง” เสียงนาฬิกาปลุกร้องดังลั่นห้องบ่งบอกว่าเรือนกายที่นอนคุดคู้อยู่พลิกไปมาอย่างกระสับกระส่าย
เรือนกายที่นอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มหนาลายสีน้ำเงินเอาเรียวขาพาดหมอนข้างลายตุ๊กตาหมีใบนั้น
เสียงนาฬิกาปลุกร้องดังระงม มือเรียวสวยเอื้อมปิดทันที
ชรัญญาควานหาสวิตซ์ไฟในห้อง หญิงสาวลูบ มือไปมาแล้วกดเปิดปุ่มเล็กบนหัวเตียง
ไม่นานนักทั่วทั้งห้องก็พลันสว่างวาบด้วยหลอดไฟ
หญิงสาวหายใจเหนื่อยหอบเล็กน้อย…มือเรียวสวยเอื้อมปาดเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ซึมบนหน้าผาก
หญิงสาวผุดลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือกดปิดเจ้านาฬิกาปลุกเจ้าปัญหาที่เวลานี้ร้องดังลั่นราวกับคนขวัญเสีย
ชรัญญาได้แต่คิดในใจเป็นเวลานานเท่าใดที่ไม่ได้ฝันแบบนี้
คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันอย่างใช้ความคิด ดวงตาคู่สดใสหากแต่ฉายรอยหมองเศร้าหลับตาลงอย่างอ่อนล้า
เนิ่นนานเท่าใดกันนะที่ไม่ได้ฝันเห็นดวงตาคู่คมเปล่งประกายสีดำสนิทราวดวงดาวบนฟากนภากะพริบระยิบสาดแสง
แล้วเหตุไฉนชรัญญาถึงกลับมาฝันถึงคนใจร้ายคนนั้นแบบนั้นได้อีก
หรือจะเป็นตั้งแต่ที่หมอดูผู้หญิงคนนั้นได้ทำนายทายทักว่า เขากำลังจะกลับมา..
แต่ใครกันนะที่กำลังจะกลับมา คนที่หญิงสาวรอคอยคนที่เธอแอบรักมาตลอดอย่างงั้นหรอกเหรอ…
วูบหนึ่งที่หญิงสาวแค่นยิ้มกับตัวเอง หยาดน้ำใสไหลคลอดวงตาคู่หม่นหมอง
หากเป็นจริงตามคำทำนายที่คนทรงเจ้าว่า ชรัญญาก็คงเจ็บปวดกว่าเดิมอีกพันเท่า...หรือแสนเท่า
ชรัญญาสะบัดไล่ความคิดในหัวออกไปอย่างรวดเร็วแล้วยกมือปาดน้ำตาที่อาบนองแก้ม
หญิงสาวจะไม่ยอมให้ภาพในหัวมาบังคับจิตใจของเธอได้อีกต่อไป
วันนี้เป็นวันดีที่ชรัญญาได้เริ่มงานที่ใหม่หญิงสาวไม่ควรปล่อยให้ใจเศร้าหมอง
บริษัทใหม่ที่นัดเรียกตัวชรัญญาเป็นบริษัทเครื่องสำอางแห่งหนึ่งย่านใจกลางเมืองหลวงของประเทศ
หนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ฉบับใหม่ล่าสุดได้ลงข่าวอย่างครึกโครมและพาดหัวข่าวถึงบริษัทที่นัดเรียกตัวชรัญญาว่าเป็นบริษัทที่มีเด็กจบใหม่อยากเข้ามากที่สุดของโลก
...ความจริงชรัญญาควรลืมเรื่องราวเก่าๆเสียที
“อาบน้ำได้แล้วเจ้แอมป์” เสียงหวานใสเอ่ยปลุกชรัญญาให้ตื่นจากห้วงความคิด
หญิงสาวผู้พี่เงยหน้ามองดวงหน้าหวานแฉล้ม คิ้วเรียวโก่งดังคันธนู จมูกโด่งรั้นได้รูปสวย ทำให้ชลลดามีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด
ชลลดาน้องสาวเพียงคนเดียวของชรัญญาสวมชุดเสื้อคอบัวสีขาวใหม่เอี่ยม กับกระโปรงสีน้ำเงินเข้มยาวเลยเข่า ดรุณีวัยเยาว์สวมถุงเท้านักเรียนสีขาวสะอาดตาถึงข้อเข่า
น้องสาวสุดรักสุดหวงแหนเพียงคนเดียวของชรัญญากำลังจะไปเรียนดังเช่นทุกเทอมที่ผ่านมา
“อิมกี่โมงแล้ว” ชรัญญาผู้เป็นพี่สาวถามด้วยน้ำเสียงอ่อนเบา
ชลลดามองพี่สาวด้วยแววตาแปลกประหลาดกว่าเดิมจนชรัญญาอดแปลกใจไม่ได้
“เจ็ดโมงสิบห้า” ดรุณีวัยเยาว์เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจมากนัก แม้ปีนี้พี่สาวเธออายุยี่สิบสี่พอดี
“อะไรนะจริงเหรอ” ชรัญญาเอ่ยเสียงสูงแล้วรีบคว้าผ้าขนหนูสีน้ำเงินเข้มเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ
ห้องน้ำสว่างวาบด้วยหลอดไฟสีส้มอ่อน
เสียงน้ำจากฝักบัวดังซู่ซ่า สายน้ำไหลผ่านร่างอรชร ความเย็นของกระแสน้ำทำให้หญิงสาวอดรู้สึกผ่อนคลายไม่ได้
ชรัญญาสะบัดไล่ความคิดในหัวออกไป...ภาพในความฝันเหมือนจริงเสียจนหญิงสาวอดนึกหวั่นในใจไม่ได้สภาพของรุ่นพี่วรุณภพทำให้เธออดผวาไม่ได้จริงๆ
มือเรียวบางเอื้อมบิดฝาขวดสบู่ ของเหลวสีชมพูไหลลงบนฝ่ามือ
ชรัญญาอาบน้ำได้เพียงไม่นานก็พลันได้ยินเสียงของชลลดาตะโกนดังลั่นเข้ามาในห้องน้ำ
“เจ้ข้าวอยู่ในตู้ อิมไปเรียนแล้ว” เสียงของชลลดาดังแว่วเข้ามาในหูของหญิงสาว
“เอ้อ ปิดบ้านด้วย” ชรัญญาเอ่ยเสียงแหลม เธอขานรับคำสั้นๆ แล้วหันไปสนใจภาพในความฝันต่อ
“หากว่าความฝันนั่นเป็นความจริงล่ะ เราจะทำอย่างไรดี” ชรัญญาเอ่ยเสียงแผ่วเบากับตนเอง
ในความฝันหญิงสาวฝันถึงชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังจะถูกรถชน หากแต่ชรัญญาเข้ากันบุรุษผู้นั้นได้ทันท่วงที ร่างบางของหญิงสาวผู้รับเคราะห์นั้นกระเด็นออกไปจากเส้นทางถนนที่มีรถราสัญจรแล่นกันขวักไขว่แต่ไม่มีคันไหนหยุดรถหรือชะลอแม้สักคันเดียว
แต่นั่นคือความฝัน และความฝันคงจะไม่มีทางเป็นจริงไปได้...หากว่าวันนั้นกนก หนึ่งในเพื่อนสนิทสมัยประถมไม่ได้ชวนชรัญญาไปดูดวงที่สำนักแห่งหนึ่ง
“เจ้า….” เสียงแหบพร่าของสตรีวัยชรากำลังเอ่ยตวาดดังลั่นตำหนักทรงเจ้า
ผ้าส่าหรีสีแดงสะบัดพลิ้วไหวตามจังหวะการสะบัดมือเรียวยาวข้างนั้น
ชรัญญานั่งด้านหน้าสุด ไหล่บางไหวระริกเล็กน้อย ท่ามกลางผู้คนนับสิบที่รอการทำพิธีกรรมจากเจ้าแม่ร่างทรง
ตำหนักอารตรีโอม สำนักร่างทรงที่ผู้คนจำนวนมากมายหลั่งไหลไปดูดวงกันมากที่สุดแห่งหนึ่ง...ตำหนักอารตรีโอมเลื่องชื่อด้านความแม่นยำในการทำนายทายทักจนออกข่าวช่องหลายสีโครมใหญ่
หากแต่ชรัญญากลับรู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่เป็นพิเศษเพราะตำหนักอารตรีโอมนี้เปิดโดยสตรีคนหนึ่งชื่อช่อบัว ซึ่งเป็นญาติห่างของกนก เพื่อนวัยประถมของชรัญญา
คุณอาช่อบัวเป็นร่างทรง กนกเคยเล่าให้ชรัญญาและเพื่อนๆฟังว่า เมื่อตอนอายุสิบห้าอาช่อบัวได้ประสบอุบัติเหตุรถชนแต่เดชะบุญที่รอดมาได้ด้วยบารมีองค์เทพองค์หนึ่งที่ได้ช่วยเหลือไว้
นับแต่นั้นคุณอาช่อบัวก็ได้สวดมนต์และนั่งสมาธิจนสื่อสารกับวิญญาณได้
ครอบครัวของกนกสนิทสนมกับครอบครัวของชรัญญามากนั่น ก็ด้วยน้องสาวของทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน น้องกวินตา
กนกและกวินตามีดวงหน้าที่ละม้ายคล้ายใกล้เคียงกันมากเพราะเป็นพี่น้องสืบเชื้อสายกันมา หรือที่เขาเรียกว่าเป็นพี่น้องแท้ๆกัน หากแต่กนกสวยหวาน แต่อีกคนกลับสวยแก่นแก้วแก่แดดแก่ลมนั่นเอง
ครั้งหนึ่งกนกเคยเล่าให้ชรัญญาฟังว่ากวินตาแอบไปเชียร์ศิลปินเกาหลีที่กำลังโด่งดัง แถมเอาเงินที่เก็บไว้ไปซื้อ ‘บ้ง’ หรือป้ายไฟสำหรับแฟนคลับที่เอาไว้เชียร์ศิลปินอปป้านั่นเอง
‘แอบไปคอนเสิร์ตมาเหรอน้องตา’ ชรัญญาที่บังเอิญไปเดินแถวร้านขายขนมเบอร์เกอร์รี่ละแวกบ้านเอ่ยทักน้องสาวของเพื่อนสนิท
‘ใช่ค่ะ พี่เขาน่าตาหล่อมาก งานดีเลยค่ะ’ กวินตาเอ่ยแล้วทำหน้าทำตาปลาบปลื้มศิลปินที่ตนคลั่งไคล้อย่างที่ชรัญญาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
‘ด้อมไหนล่ะ วันหลังไป…ชวนพี่ด้วยนะ’ ชรัญญาเอ่ยทิ้งท้ายแล้วรีบสาวเท้าออกจากร้านเพื่อไปให้ทันร้านกับข้าวที่ตนถูกมารดาฝากซื้อไว้
โดยไม่ลืมฝากขนมของโปรดไปให้กนกเพื่อนรักของเธอ
คิดเพียงแค่นั้น ชรัญญาก็พลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อสายตาเจ้ากรรมมองทอดไปยังกระจกบานใหญ่เบื้องหน้าของเธอ
แปลกดีที่รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับจ้องมองอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าเมื่อมองกลับไปกลับไร้ซึ่งวี่แวว…
หญิงสาวกดหมุนฝักบัวให้ปิด ปลายเท้าเรียวขาวสะอาดทั้งสองข้างสืบไปใกล้กับผ้าขนหนูเนื้อดีที่แขวนไว้
ความอ่อนละมุนของผ้าขนหนูทำให้หญิงสาวลืมความเหนื่อยล้าไปได้ชั่วขณะ
ชรัญญาห่อผ้าขนหนูด้วยความหนาว สายลมเย็นจากหน้าต่างบานใหญ่ที่ไม่ได้ปิดตั้งแต่เมื่อวานโชยเข้ามาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบมอญและดอกมะลิ
หญิงสาวมองสำรวจตนเองในกระจกอย่างละเอียดลออ เมื่อแน่ใจว่าแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้ว เธอก็คว้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่สำหรับเริ่มงานที่บริษัทใหม่วันแรกเลย
“แม่คะ น้องแอมป์ไปทำงานแล้วนะคะ” ชรัญญาเอ่ยเสียงหวานกับสตรีวัยกลางคนเลยเลขห้า
มารดาของชรัญญา หรือคุณนายชลณี เธอมีธุรกิจเครือโรงแรมที่ร่วมลงทุนกับมารดาของกนกเพื่อนสนิทสมัยประถมของชรัญญา
คุณนายชลณีเป็นสตรีที่มีใบหน้ารูปไข่ ดวงหน้าหวานสวยแม้ไม่แต้มเครื่องสำอาง หากแต่กลับสดใสกว่าชรัญญาเสียอีก…คนข้างบ้านมักจะทักว่ามารดาของเธอเป็นพี่สาวของเธอเสมอ
คุณนายชลณีเข้าพิธีวิวาห์กับดาบตำรวจบวรกต บิดาแท้ของชรัญญา…หากแต่บวรกตรับราชการเป็นตำรวจนครบาล การเลื่อนยศสัญญาบัตรครั้งนี้ทำให้บวรกตกลายเป็นสารวัตรบวรกตขึ้นมา
ครอบครัวของชรัญญา จงเลิศจิตรากุล เป็นครอบครัวขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วย คุณนายชลณีผู้เป็นมารดา ชลลดาน้องสาวที่ชอบทำขนม และสารวัตรบวรกต บิดาผู้เข้มงวดกับกฎของบ้านเป็นที่สุด
“เดินทางดีๆ” คุณนายชลณีกล่าวอย่างรักใคร่บุตรสาวคนโตพลางสวมกอดเธอไว้อย่างแนบแน่น
“ค่ะคุณแม่” ชรัญญาตอบรับความห่วงใยด้วยเสียงหวาน เธอสวมกอดมารดาเธอเช่นกัน
“เดี๋ยวแอมป์กลับมานะแม่ รักแม่นะคะ” หญิงสาวเอ่ยบอกรักอย่างละเมียด ดวงหน้างดงามเจือไปด้วยรอยยิ้มจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบสวยงาม
“ไปเถอะสายแล้ว” คุณนายชลณีเอ่ยแล้วผละออกจากอ้อมกอดของบุตรสาวคนโตของตระกูลจงเลิศจิตรากุล สกุลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงด้านอสังหาริมทรัพย์
ชรัญญาหมุนตัวกลับไป มือเรียวสวยเอื้อมหยิบกระเป๋าแล้วยกสายขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง หญิงสาวสะพายกระเป๋า
ไม่นานนักราชรถก็มาถึงหน้าบ้าน รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่เอี่ยมที่สารวัตรบวรกตใช้เงินที่เขาเก็บไว้เองนั้นมาจอดแทบเท้าของบุตรีคนโตของตระกูล
“ช้าจัง” สารวัตรบวรกตเอ่ยอย่างหัวเสียเล็กน้อย
ชรัญญาเดาไม่ออกว่าเวลานี้ดวงหน้าของบิดาของหล่อนเป็นเช่นไร แต่หากให้เดาหญิงสาวคิดว่าน่าจะหัวเสียไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะเธอปล่อยบิดาให้รอเงกเสียครึ่งค่อนชั่วโมง
หญิงสาวไม่รอช้าก้าวขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ในท่าเดียวกันกับบิดาผู้ขับ มือเรียวสวยเอื้อมจับบ่าบิดาเธอ
“พร้อมนะ” เสียงเรียกของบิดาดังลอดผ่านหมวกกันนิรภัยสีดำสนิท
“พร้อมค่ะ” ชรัญญาเพียงแค่ตอบออกไปสั้นๆ
เพียงแค่นั้นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ก็แล่นผ่านเคหาสน์หลังใหญ่ที่มีคุณนายชลณีโบกมือหย็อยๆทันที
“โชคดีลูกแม่” เสียงตะโกนของสตรีวัยเข้าสู่เลขห้าดังขึ้นแล้วประตูรั้วบ้านจงเลิศจิตรากุลก็พลันปิดลงอัตโนมัติ
+++
นิยายจอมใจฮิปปาเรียนี้จะถูกเรียกว่าหนังสือชุด #อาณาจักรฮิปปาเรีย ค่ะ โดยซีรีส์อาณาจักรฮิปปาเรียมีนิยายทั้งหมด 10 เล่ม ดังต่อไปนี้ 1.จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนีย 2. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 2 ผจญภัยป่าดงดิบฮานาบี 3. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 1 กำเนิดรัชทายาทฮิปปาเรีย 4. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 2 เล่ม 2 นางบรรณาการแคว้นดิมาเรีย 5. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ปราบกบฎบัลลังก์สราเนีย 6. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 3 เล่ม 1 ห้าเจ้าหญิงผู้นำทางปริศนา 7. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 1 หนึ่งเดียวในหทัย 8. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 4 เล่ม 2 อาณาจักรฮิปปาเรีย 9. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 1 เจ็ดขุนนางผู้พิทักษ์ 10. จอมใจฮิปปาเรีย ภาค พิเศษ เล่ม 2 ราชอาณาจักรฮิปปาเรีย นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจาก จินตนาการของ "ดวงดาหลา" เองค่ะ ดินแดนฮิปปาเรียเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนเฝ้าฝันถึง จอมใจฮิปปาเรีย มีสี่ภาค แต่ละภาคแบ่งเป็น 2 เล่มค่ะ รับรองค่ะว่า เข้มข้น หวานซึ้ง ตรึงใจทุกคนแน่นอนค่ะ เนื้อเรื่องจะสนุกขนาดไหน ขอเชิญนักอ่านทุกท่านเพลิดเพลินไปกับ จอมใจฮิปปาเรีย ภาค 1 เล่ม 1 บัลลังก์สราเนียได้แล้ว ณ บัดนี้ Duangdala Talk ดวงดาหลากลับมาเเล้วค่ะ หลังจากติดภารกิจมานาน รี้ดทุกคนสามารถคอมเม้น หรือกดใจทั้ง 5 ให้ดวงดาหลาได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ #ดวงดาหลา ป.ล. นักอ่านท่านใด หรือ ใครอ่านเเล้วมารีวิว มาเม้นมาพูดคุยกันกับดวงดาหลา ได้น้า
พจน์ศรัช โคฟาวเดอร์ หนุ่มที่ได้โคจรมาพบกับธาสิกา คู่หมั้นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เรื่องราวชุลมุนยิ่งขึ้นเมื่อคู่หมั้นคนก่อนเสียชีวิตลงอย่างเป็นปริศนาในสถานอโคจรที่เขาต้องมีเอี่ยวไปด้วย งานนี้ธาสิกาจึงต้องลงมือสืบสาวเรื่องราวด้วยตัวเอง งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป และใครกันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของยศรินทรา แฝดพี่ของธาสิกา ไม่รู้ว่าจะเรียกพรหมลิขิตเขียนไว้หรือจะเป็นบาปเวรแต่ชาติปางไหน...เมื่อหัวใจรักของเขาทั้งคู่เริ่มก่อตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว
“เพ่ยอินเหยาข้านี่แหละยอดขุนพลสตรี เล่ม 1” นิยายรักจีนโบราณสายบู๊และบุ๋น ‘อินตูตู’ ขุนพลสตรีผู้มีศักดิ์เป็นแม่ทัพคุมค่ายพลทหารชาวฉินเพื่อออกรบในสมรภูมิทีเดิมพันด้วยชีวิตอย่างแคว้นฉี หากการมาแคว้นฉีไม่ได้มีเพียงแค่สงครามระหว่างแคว้นเท่านั้น ทว่าการมาครั้งนี้ของนางมาเพื่อแก้ปมปริศนาสตรีที่หายไปในแคว้นฉินด้วยต่างหาก สงครามระหว่างแคว้นฉินและฉีจะจบลงเช่นไร แล้วใครกันเป็นผู้บงการเกมที่ต้องเดิมพันด้วยชีวิต
ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ จุดเริ่มต้นความน่าสะพรึงกลัวของทุกสิ่งที่จารีย์ได้เจอนั้นมาจากคฤหาสน์หลังโตโอ่อ่าแห่งนี้ ภายนอกงดงามหากแต่ภายในกลับรกร้างราวกับไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน แรงแค้น แรงพยาบาท แรงอาฆาต ของสิ่งลี้ลับยังคงวนเวียนตามจองกรรมทวงถามความเป็นธรรมอย่างที่พวกมันรอคอยตลอดมา! +++ นรีกุลรับรู้ถึงอุณหภูมิที่กำลังทวีความคุกรุ่นในเรือนกายของหล่อน เรียวปากบางของเขาซอนไซ้ไปยังใบหูของนรีกุลจนหญิงสาวเผลอไผลร้องซี้ดปากด้วยความสุขใจ มือหนาของชายหนุ่มเอื้อมปลดตะขอชุดที่นรีกุลสวมใส่อยู่ เขาแนบเรือนกายของหล่อนให้ผสานกับเขาอย่างลุ่มหลงในตัวของนรีกุล หญิงสาวปิดเปลือกตาของหล่อนลงอย่างพลั้งเผลอ ความหวามไหวแทรกไปทั่วอณูของนรีกุล ภรรยาของนัฐธวีร์ปิดเปลือกตาลงไปแล้ว หากแต่เวลานี้ดวงวิญญาณร้ายของกรวีร์ยังคงทำงานตามคำสั่งของเดรัจฉานต่อไป นิ้วเรียวของวิญญาณร้ายซอนไซ้เข้าไปยังปากถ้ำสวรรค์ของหญิงสาว นรีกุลบิดตัวแล้วครวญเสียงหวานจนนัฐธวีร์สะดุ้งเล็กน้อยทว่าความอ่อนเพลียจากการเดินทางในระยะเวลานานทำให้เขาฟุบหลับไป หนุ่มสาวสองคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้ดวงวิญญาณของกรวีร์ได้เสพสมเรือนกายของนรีกุลอย่างอุกอาจ และดวงจิตของนัฐธวีร์ได้ถูกเรียกจิตไปโดยสัตว์ร้ายในคราบของสาวงามเสียแล้ว!
"วันดับนางริษยา" นิยายแนวสยองขวัญกระตุกประสาทที่จะมาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง ความจริงใดกันแน่ที่หลบซ่อนในเคหาสน์สถานแห่งนี้ หรือมันอาจจะเป็นกลลวงของใครบางคนที่กำลังมุ่งหมายจะทำลายพวกเขา เจ้าหล่อนจะทำเช่นไรในเกมล้างเกมผลาญชีวิตเช่นนี้ มาร่วมค้นหาบทสรุปในนิยายเล่มนี้กันค่ะ
"วันดับนางริษยา" นิยายสยองขวัญกระตุกประสาท #ดวงดาหลา ที่จะพาเขย่าขวัญทุกคนให้กระเจิง เมื่อรักไม่อาจแบ่งใจนรีกุลจึงต้องแบกรับทั้ง นัฐธวีร์ คนเป็น และคนตายในคราเดียวกัน นรีกุลจะทำเช่นไรต่อไป...ความรัก แรงอาฆาตเปลวพยาบาทของพวกเขาจะเผาหญิงสาวให้ตายทั้งเป็นหรือไม่! มาร่วมค้นหาคำตอบในนิยายเล่มนี้กันค่ะ ++++++++++++ โปรปราย เวลานี้นรีกุลอดรู้สึกไม่ได้ว่าร่างกายของตนขยับไม่ได้อีกแล้วหากแต่ท้องของหล่อนกับปวดมากราวกับเป็นไส้ติ่งอักเสบ หญิงสาวพยายามดีดดิ้นให้รอดพ้นจากการเกาะกุมของวิญญาณร้ายที่เธอเชื่อว่าติดตามมา หญิงสาวเปิดตามองไปยังด้านบนก็พบว่าเธฮนอนใกล้คาน ไม่นานนักหญิงสาวก็ต้องหวีดร้องสุดเสียงอีกครั้ง ยามเมื่อเวลานี้มีวิญญาณร้ายนั่งอยู่บนคานสูงเหนือหัวของเธอ วิญญาณร้ายที่นั่งแกว่งขาไป,kอยู่นั้นราวกับว่าจะเห็นเธอ หญิงสาวรีบปิดเปลือกตาลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นเหม็นเน่าโชยไปเข้าจมูกของหญิงสาวอย่างจัง จนเธอต้องลืมตาขึ้นมามอง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าหล่อนทำให้หญิงสาวช็อคสุดขีดเมื่อเวลานี้ศีรษะของวิญญาณร้ายค่อยๆห้อยลงมาจรดยังจมูกของเธอ นรีกุลหวีดร้องอย่างดังลั่นพลางออกปากไล่อย่างตระหนกสุดขีด หญิงสาวพยายามยกมือขึ้นสวดอ้อนวอนแต่ก็ไร้ผล เธอกลับยกมือไม่ขึ้นราวกับว่าเธอถูกผีอำอย่างไรอย่างนั้น ยังไม่ทันธรรมดาหญิงสาวจะสวดมนต์จบเธอก็ได้ยินเสียงข้างหูพูดขึ้นมาว่า
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"