มุกตาภาลูกนอกสมรสที่พ่อไม่ยอมรับ อุบัติเหตุค่ำคืนหนึ่งทำให้เธอตั้งครรภ์ สาวน้อยตัดสินใจไปหาพ่อของลูกเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร สำคัญไปกว่านั้นไม่อยากให้แม่เสียใจ ทว่าความหวังเดียวพังภินท์ กลายเป็นเงินที่พ่อของลูกคิดทำทานให้เธอ เงินมาพร้อมคำพูดดูถูกดูแคลนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นในบัดดล น้ำตาไที่ไหลรินแห้งเหือดหายเพราะช็อก เธอหันหลังให้พ่อเลี้ยงมรุเดช กุมหน้าท้องต้องการขอกำลังใจเดินจากมา หนทางข้างหน้าจะยอมรับชะตากรรมนี้เพียงคนเดียว 'ลูก' เธอไม่อาจทำลายแต่เธอจะลืมเขาให้หมดหัวใจ ผู้ชายที่เป็นรักแรกซึ่งได้มอบราคีร้ายให้เธอ คิดเสียว่าไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่และขอลาเขาชั่วชีวิต ตามที่เขาต้องการ
“เธอ เธอลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
เสียงคล้ายคำรามปลุกมุกตาภาให้เปิดเปลือกตาช้าๆ “โอย!” สาวน้อยร้องเพราะรู้สึกเจ็บร้าวปวดตึงไปทั่วร่างกายโดยเฉพาะกึ่งกลางกายที่โดนล่วงล้ำแทบทั้งคืน ดวงตาแดงก่ำมองรอบห้องที่ตนนอนหมดเรี่ยวแรง “ห้องนอนแขก” จำได้แล้วเมื่อคืนเธอโดนผู้ชายที่แอบชอบมาเนิ่นนานมอบฝากบทพิศวาสบนเรือนร่าง บทรักหนักหน่วงหยุดตนเองไม่ได้ของเขานั้นยังตรึงตราในหัวใจเพราะทั้งสุขสมซ่านใจระคนเจ็บปวดรวดร้าว
เขาโทษว่าเป็นความต้องการเป็นแผนการของเธอ น้ำตาพาลไหลออกมาเมื่อก้มมองร่างเปลือยเปล่าบอบช้ำใต้ผ้าห่ม
“ไม่ใช่เวลามาร้องไห้ตอนนี้ในเมื่อเธอตั้งใจให้มันเกิด มาคุยกัน ตอนนี้ฉันหาย ‘อยาก’ อย่างที่เธอต้องการแล้ว บอกมาเธอตั้งใจวางยาฉันใช่ไหม ทำบ้าอะไรหา! ทำ ทำไม ทั้งๆ ที่ฉันกำลังจะแต่งงานกับเจ้านายเธอนะ”
“มุก…ดิฉันเปล่านะคะ เปล่าทำ…” เธอปฏิเสธไม่ยอมรับ เมื่อคืนแค่เอาน้ำดื่มมาให้ชายหนุ่มเท่านั้น
“ยังกล้าปฏิเสธเห็นๆ กันอยู่”
“ดิฉันเอาน้ำแร่มาเพิ่มให้เท่านั้นค่ะ”
ตอนดึกงานเลี้ยงวันเกิดคุณผริดาแขกทยอยกลับ มุกตาภาทำตามพี่สาวขอร้อง เธอไม่คิดพี่สาวจะทำเรื่องนี้
“น้ำแร่ของเธอมันปลุกความต้องการผู้ชายแบบนี้… ใช้บ่อยสินะน่ารังเกียจ” มรุเดชแผดเสียง กำลังหาทางออกเรื่องที่เกิดขึ้น คนก่อเรื่องดันไม่ยอมรับก็โกรธมาก ทำไมเขาจะไม่รู้เด็กสาวคนนี้แอบมองเขาเสมอ แต่ไม่คิดจะกล้าทำแบบนี้ และเรื่องก็ดันเกิดในบ้านแฟนสาวเสียด้วย
“มุกเอ่อ…เปล่าทำ ไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะ ได้โปรดเชื่อ…”
“ฉันไม่อยากฟังคำปฏิเสธ” มรุเดชตวาดไม่อยากรับฟัง รับรู้
ความกังวลซึ่งปรากฏในวงหน้าคมคายของเขาทำให้เธอเห็นใจ ดูสิในเวลาเช่นนี้หัวใจก็ยังแคร์ผู้ชายคนนี้ “จะไม่บอกเรื่องนี้กับใครคะมุกสัญญา” กลายเป็นเธอที่ปลอบโยนเขา
“ฉันไม่เชื่อผู้หญิงใฝ่สูงแบบเธอหรอก” นัยน์ตาสีน้ำตาลไร้แววหวานอย่างที่เห็นเมื่อคืน เขาไม่ได้พอใจซ้ำเหยียบย่ำน้ำใจกันมุกตาภาก้มหน้า
ไม่ได้ดีพร้อมเหมือนคนรักของเขาแต่ทำไมต้องดูถูกกันขนาดนี้ด้วย
เวลายิ่งผ่านถ้อยคำที่เข้าหูตอกย้ำความรังเกียจดูถูกที่ชายหนุ่มมีให้ น้ำตาเธอไหลริน
“น้ำตาใช้เรียกร้องได้กับคนที่เขารักกันเท่านั้น อย่างเธอคงรู้ตัวเองอย่ามาบีบให้เหนื่อยเลย ฉันไม่อยากเห็นและไม่คิดสนใจ” มรุเดชเบือนสายตาหนีหน้าอกอวบขาวที่เป็นรอยจ้ำแดงซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มด้วยใจสับสน
“เอ่อ… ค่ะ” เธอสูดเสียงสะอื้นมองหาเสื้อผ้า กัดฟันก้าวลงจากเตียง “จะไปเดี๋ยวนี้ วันนี้เป็นวันหยุดดิฉันคนอื่นคงไม่สงสัยค่ะ” ก้มหน้างุดกอดผ้านวมเดินผ่านร่างสูง
“เอาเงินไป…ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยน” มรุเดชคิดได้เพียงสิ่งนี้ เดินไปยังกระเป๋าสตางค์ซึ่งหยิบมาไว้บนเตียงนอน
ดวงตาดำระยับมีรอยแดงช้ำขอบตาคล้ำมองสบตาคม
“มีอะไร” มรุเดชถามด้วยความหงุดหงิด แม้จะอ่านสายตานั้นออก เด็กสาวกำลังตัดพ้อกัน แต่ชายหนุ่มไม่คิดว่าทำเกินไปหรอก ทุกอย่างใช่ความผิดเขาหรือไร
“ไม่มี…อะไรคะ” ปากอิ่มเม้มชิดกัน
“ถ้าอย่างนั้นเอาเงินไป คงพอนะ ถ้าเธอไม่รับเงินฉันจะคิดว่าเธอต้องการจับฉัน” มรุเดชเจรจาเสียงเข้ม
เอื้อมไปรับด้วยกลัวการดูถูกที่เขาว่า สองมือสัมผัสกัน คนยื่นเงินหดมือกลับ เงินจึงหล่นลงที่พื้นพรม “ขอโทษค่ะ” เธอกลัวอารมณ์เขาก้มลงหยิบ
สมเพชตนเองเพียงไรแต่ก็ไม่อาจหลีกหนีสิ่งนี้ กล้ำกลืนเป็นคนเห็นแก่เงิน หวังให้ความเกลียดชังลดลงบ้างแม้เพียงน้อยนิด สักเพียงเสี้ยวก็ยังดีกับข้อหาร้ายแรงแรกที่เขาว่า…
ใบหน้าถมึงทึงหันไปอีกทางคงเดินไปใส่เสื้อผ้า มุกตาภาเดินเข้าห้องน้ำก้มใบหน้าซึ่งพร่างพรายด้วยน้ำตามองเงินในมือ แปะ! น้ำตาไหลรินหยดเปียกปอนลงบนกระดาษซึ่งตีราคาความสาวที่สูญเสียไป…
เช้านี้เป็นวันคล้ายวันเกิด… วันเกิดที่ในวันนั้นคงมีเพียงแม่เฝ้าปลอบโยน และท่านคงนอนร้องไห้กอดเด็กน้อยไร้เดียงสามุกตาภา ผ่านมาปีแล้วปีเล่าจนบัดนี้ยี่สิบปีบริบูรณ์ วันคล้ายวันเกิดไม่เคยมีคำอวยพรจากพ่อ…แต่เธอยังบอกตนเองให้เข้มแข็งเพื่อรอเพียงเศษเสี้ยวการยอมรับ
ทว่าเช้านี้รู้สึกหดหู่หมดสิ้นเรี่ยวแรงกว่าทุกปี… ราคีที่ติดตัว อยากให้ทุกอย่างเป็นความฝันร้ายเหลือเกิน
มะลิลากำลังกวาดขยะหน้าตึกธนธรณ์ เห็นมุกสินีลูกสาวคนโตใจลอยมองไปบนตึกใหญ่ก็ซักถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรนีมองอะไร”
“เปล่านิแม่” สาวผิวขาวอายุยี่สิบสามปี รู่ปร่างอวบอั๋นก้มหน้ากวาดขยะต่อ
“เห็นมุกหรือเปล่า ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นเลย” มะลิลาถามถึงลูกสาวคนเล็ก
“ไม่เห็นนิแม่”
“ไปไหนหรือว่าไม่สบายปกติวันหยุดก็มาช่วยแม่นะ”
“ทำตัวเป็นคุณหนูมั้งวันนี้ลืมไปแล้วว่าตนเองไม่เป็นที่ยอมรับ” พี่สาวประชด
“ยายนี” มะลิลาเสียงเขียวไม่พอใจที่คนเป็นพี่ไม่เคยมองน้องสาวในแง่ดีเลย
“แม่อ่ะว่ามันไม่เคยได้เลยนะ รักกันจัง คุณพรหมเทพเขาไม่ยอมรับสักหน่อยว่ามันเป็นลูกสาว”
มะลิลาไม่อยากเถียงกับลูกให้อารมณ์ขุ่นมัว ใบหน้าเศร้าก้มกวาดขยะ แต่ในใจอดคิดสงสารมุกตาภาไม่ได้ เพราะเกิดมาไม่เป็นที่ยอมรับของพ่อ ถึงคุณพรหมเทพไม่สนใจคนรับใช้ต่ำต้อยอย่างเธอแต่มะลิลาก็อยากให้ลูกสาวได้เรียกฝ่ายนั้นว่าพ่อ ตามความเป็นจริง
ยี่สิบปีกว่ามะลิลาสาวใช้หน้าตาดีตกพุ่มหม้ายมีลูกติดวัยสามปี ในคืนหนึ่งคุณพรหมเทพประมุขของบ้านเมามายจนล่วงเกินมะลิลา แต่หนุ่มๆ มาติดพันมะลิลามากมายจนคุณพรหมเทพกังขาเมื่อสาวใช้มาบอกว่าตนเองท้อง
อีกอย่างเพราะกลัวคุณหญิงเกื้อฟ้าเลยปฏิเสธ ความโชคร้ายจึงตกที่เด็กน้อยมุกตาภาเมื่อคลอดออกมา คนในบ้านต่างหยอกล้อพูดกันสนุกปาก คุณหญิงเกื้อฟ้าก็รังเกียจมะลิลา แต่สาวใช้ผู้อาภัพไม่รู้จะไปไหน เธอไม่มีเงิน ไม่มีที่ไป ใจคุณหญิงเองกลัวเรื่องราวในบ้านจะแพร่งพรายออกไปให้คนนอกรู้ ในที่สุดเลิกขับไล่มะลิลาและลูกน้อย
“แม่เป็นไรไป” แม่เงียบไม่ด่าต่อมุกสินีสะกิด
“จะไปดูน้องกวาดให้เสร็จนะ” มะลิลาไม่สนใจมุกสินีคิดเป็นห่วงลูกที่หายเงียบไป
“คงเจอมันหรอก” มุกสินีสีหน้าฉายแววอิจฉา
“ทำไมต้องไม่เจอเรานี่น่าชอบว่าน้องอยู่เรื่อย” มะลิลาตวาด มุกสินีหน้างอในนึกเยาะ ป่านนี้ป่นปี้เชิดคอไม่ได้แล้วล่ะ ชิ
มุกสินีอิจฉาน้องสาวเพราะแม่แสดงความรักให้ฝ่ายนั้นจนไม่เห็นหัวเธอ บวกกับมุกตาภาเป็นที่รักของชายซึ่งเธอหมายปองมานานจึงคิดกำจัดให้พ้นทาง สมใจสาใจเหลือเกินที่มุกตาภาเข้าไปในห้องคุณคู่หมั้นเจ้านายแล้วไม่ออกมา เธอหวังให้เช้านี้ บ้านธนธรณ์ร้อนเหมือนไฟเพราะลูกรักของแม่
อีกเดี๋ยวเถอะแกโดนคนที่อยากให้เป็นพ่อฉีกอกแน่ๆ แกอย่าโกรธฉันเลยหาผัวให้หล่อขนาดนั้น! มุกตาภามองขึ้นไปบนตึก
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี