ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / ปารีสพิศวาสหวาม
ปารีสพิศวาสหวาม

ปารีสพิศวาสหวาม

5.0
40 บท
28.3K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

‘เอริค’ เทพบุตรหนุ่มนักรักแสนร้ายกาจ ที่ในชีวิตนี้ไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้ แล้วเขาก็มาพบกับ ‘อลิชชา’ สาวน้อยธรรมดาๆคนหนึ่งที่แสนพยศ ไม่ยอมสยบร่างกายและหัวใจให้เขาง่ายๆ แล้วเขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมจัดการเธอยังไง ‘ด้วยมนตร์เสน่หาแห่งแอมเบอกริส บวกกับลีลาสวาทของผู้ชายที่ผ่านสนามรักอันเจนจัดนับครั้งไม่ถ้วน มีหรือที่สาวน้อยจะต้านทานเสน่หาแห่งมนตร์กามานั้นได้’ เขาปั้นดินให้เป็นดาว สุกสกาวอยู่บนฟากฟ้า แล้วเขาก็ดึงเธอลงมาสู่อ้อมกอดอันเร่าร้อน ในกรงพิศวาสของเขา แต่เธอไม่ต้องการเป็นทาสเสน่หาของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่วันๆ มีแต่ผู้หญิงดาหน้ามาให้เลือก ผู้ชายที่ร่ำรวยล้นฟ้า และอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะเดินเฉียดเข้าไปใกล้ รู้ความจริงแล้วอย่างนี้ จะให้เธอรู้สึกอะไรกับเขาได้อีก “ผมอยากจะรู้จริงๆ อริส ว่าคุณจะไม่รู้สึกอะไรกับผมเลย” วงแขนแกร่งกอดกระชับร่างบางให้แนบชิด แต่อลิชชาก็พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเขา ‘อ้อมกอดของอสูรร้ายในครามของเทพบุตรนักรัก’

บทที่ 1 บุพเพเสน่หา 100% เริ่ม NC เบาๆ

“โอเซอกูร์! โอเซอกูร์!” ร่างโปร่งเพรียวที่อยู่ในชุดกางเกงยีนขายาวกับเสื้อโค้ทหนังสัตว์สีน้ำตาลเข้มกับรองเท้าบูทคู่เก่า กำลังวิ่งตะโกนร้องเรียกให้คนช่วยเธอ ด้วยภาษาฝรั่งเศสเสียงดังลั่น สาวน้อยร้องเรียกให้คนช่วยไปเรื่อยๆ ตลอดทาง เท้าเล็กวิ่งไล่ตามเจ้าหัวขโมยที่บังอาจฉกชิงวิ่งราวเอากระเป๋าสะพายของเธอไปอย่างรวดเร็ว

อลิชชาวิ่งตามหัวขโมย ไปตามถนนชองป์เอลิเซ่ (Champs Elysees) ที่มีนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ไปมาหลายเชื้อชาติ ร่างบางหอบแฮ่กๆ และรู้สึกเข่าอ่อนทันทีที่รู้ว่าหมดหนทางที่จะตามไอ้หัวขโมยคนนั้นได้ หญิงสาวได้แต่นั่งมองเหม่อดูถนนเขตที่ 8 ของกรุงปารีส ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นถนนสายที่สวยที่สุดในโลกด้วยหัวใจที่อ่อนล้า

ดวงตาคู่สวยเหม่อมองไปยังต้นเชสต์นัท ที่เขาปลูกอยู่สองข้างทางของถนนด้วยสายตาที่ว่างเปล่าระคนห่อเหี่ยวใจ ไร้อารมณ์ที่จะมาชื่นชมความงามของต้นไม้สีเขียวขจีนี้ได้ เพราะตอนนี้เธอไม่เหลือเงินติดตัวแม้แต่เซ็นต์เดียว

ที่นี่ไม่มีใครสักคนที่เธอรู้จัก จะร้องขอให้ใครช่วยก็ไม่ได้ มือเล็กจึงถอดหมวกออก แล้วสวมบทเป็นคนขอทานอยู่ข้างถนน โชคดีที่สภาพของเธอตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากพวกขอทานเท่าไหร่นัก เพราะก่อนออกจากที่พัก เธอมักจะเอาเครื่องสำอางสีเข้มมาป้ายหน้า ป้ายคอ เพื่อปกปิดผิวพรรณและรูปหน้าที่แท้จริงของเธอเสมอ เพราะก่อนที่จะมาปารีส ก่อนที่แม่ของเธอจะสิ้นใจ ได้บอกกับเธอไว้ว่า

“ถ้าไปถึงปารีส อย่าแต่งตัวให้เป็นที่สนใจคนมากนัก แต่งหน้าให้ขี้เหร่เข้าไว้ จะได้ปลอดภัยจากพวกหื่นกาม” เพราะในสายตาของคนเป็นแม่มักจะคิดว่าลูกสาวของตนเองสวยและน่ารักมากเสมอ และอลิชชา ก็ทำตามที่แม่ของเธอบอกไว้ทุกอย่าง

สาวน้อยใส่วิกผมเป็นลอนหยิกหยอย ดูไม่ค่อยสะอาดมากนัก สวมแว่นตาธรรมดาที่ล้าสมัยอันใหญ่ราวกับคนสายตาสั้น ดูแล้วไม่ต่างกับนางแก้วหน้าม้าในวรรณคดีของไทยสักเท่าไหร่ ใครที่มองเธอผ่านไปผ่านมาก็มักจะมองด้วยสายตาว่างเปล่าจนถึงขั้นรังเกียจ แต่มันก็ทำให้เธอปลอดภัยจากพวกผู้ชายจริงๆ เพราะไม่เห็นมีสายตาของผู้ชายคนไหนมองเธอด้วยสายตาเสน่หาเลยสักคน

ตอนนี้เธอรู้สึกหิวข้าวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว พอก้มมองดูหมวกไหมพรมที่วางบนพื้นก็มีเหรียญยูโรอยู่ 3 เหรียญ รวมกันได้สี่ยูโรเพราะอีกเหรียญหนึ่งเป็นเหรียญ 2 ยูโร หลังจากที่นั่งขอทานมานับชั่วโมง อยากจะร้องเพลงโชว์ความสามารถแลกเงินบ้างเหมือนกัน แต่มันติดปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเธอร้องเพลงไม่ค่อยเก่งนี่แหละ ก็เลยนั่งขอทานเฉยๆ อย่างหน้าด้านหน้าทน

แต่เงินแค่สี่ยูโรที่ได้มา จะซื้อก๋วยเตี๋ยวสักชามก็ยังไม่ได้เลย สงสัยกับข้าวมื้อนี้คงหนีไม่พ้นแซนวิชแน่นอน สาวน้อยหน้าตาแสนขี้เหร่เดินไปที่ร้านสะดวกซื้อ ได้ขนมปังแซนวิชมาห่อหนึ่ง พร้อมกับน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด

แต่พอเดินออกมาที่ริมฟุตบาทก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเดินเข้ามาหา และพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว

“คุณน้า คุณน้าเป็นคนไทยหรือเปล่าคะ” เด็กหญิงหน้าตามอมแมมถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเล็กๆ ไม่มั่นใจนัก

“ใช่จ้าฉันเป็นคนไทยครึ่งหนึ่ง ฝรั่งเศสครึ่งหนึ่ง หนูมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“หนูหิวข้าว หนูกับแม่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว หนูขอแซนวิชของน้าได้มั้ยคะ หนูจะเอาไปแบ่งกับแม่กินกันคนละครึ่ง นะน้านะ หนูขอนะ”

เด็กน้อยตาดำๆ มาพูดจาอ้อนวอนอย่างน่าสงสารแบบนี้ แล้วเธอจะยังใจแข็งอยู่ได้ยังไง หญิงสาวจึงยื่นขนมปังแซนวิชห่อนั้นให้กับเด็กหญิงตัวเล็กๆ ผอมกะหร่องคนนั้นไป ทั้งๆ ที่ตนเองก็หิวมากจนตาลายแล้ว

อลิชชามองตามหลังเด็กน้อยไป ถึงแม้ท้องจะหิว แต่เธอก็รู้สึกอิ่มใจ ที่ได้มอบขนมปังแซนวิชห่อนั้นให้เด็กหญิงตัวเล็กๆ นั่น แล้วใบหน้าเรียวก็ก้มมองขวดน้ำเปล่าในมือ

“กินน้ำนี่รองท้องไปก่อนก็ยังดี” แต่แค่น้ำมันไม่ทำให้เธออิ่มท้องได้หรอก และตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วด้วย หญิงสาวอุตส่าห์เดินไปตามร้านอาหารต่างๆ เพื่อขอสมัครงานกับเขา แต่กลับได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

ร่างบางในชุดเสื้อโค้ทหนังสัตว์มือสองที่สวมร้องเท้าบูทเบอร์เบอร์รี่เก่าๆ เดินหาสมัครงานไปเรื่อยๆ จนถึงดิสนี่ย์ช็อป หล่อนก็เริ่มตาลายมากขึ้น จึงเดินไปเกาะต้นเชสต์นัท ตรงริมฟุตบาทเพื่อเป็นหลักยึดไม่ให้ร่างของตนเองล้มพับลงไปกองกับพื้น

“พ่อจ๋า หนูไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยสักบาท แล้วหนูจะไปตามหาพ่อต่อได้ยังไง” ฉับพลันสายตาของอลิชชาก็เริ่มพร่าลายเห็นทุกอย่างเป็นสีขาวโพลนไปหมด แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลง ร่างเพรียวบางก็เลยเสียหลักเซถลาลงไปบนถนนที่กำลังมีรถแอสตัน มาร์ติน สีบรอนซ์คันหรูกำลังวิ่งมาพอดี

เอี๊ยด!

เสียงแตะเบรกดังลั่นไปทั่วท้องถนน โชคดีที่ตอนนั้นรถค่อนข้างติด รถคันหรูที่พุ่งมาชนเข้ากับร่างบอบบางของอลิชชาจึงไม่ได้รุนแรงมากนัก แต่ก็ทำให้สาวน้อยถึงกับกระเด็นลงไปกองกับพื้นถนน และหมดสติไป

เจ้าของรถจึงจอดรถและรีบเดินลงมาดูผู้หญิงบ้า ที่ชายหนุ่มคิดว่าหล่อนคงคิดอยากจะฆ่าตัวเองตายเป็นแน่ แต่มันแย่ตรงที่เจ้าหล่อนดันมาเลือกที่จะให้รถของเขาพุ่งชนนี่สิ มันซวยจริงๆ

“บ้าฉิบ! ผู้หญิงจรจัดที่ไหนเนี่ย” แม้ว่าในใจจะไม่อยากแตะต้องสัมผัสร่างมอมมอมของแมวสาวแสนขี้เหร่คนนี้มากแค่ไหน แต่เอริคก็มีน้ำใจมากพอที่จะอุ้มหล่อนขึ้นมาและเอาติดรถกลับบ้านไปด้วย

เพราะชายหนุ่มแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ขับรถชนเธอแรงมากนัก แต่สาเหตุที่หล่อนเป็นลมน่าจะมาจากหน้ามืดจนเป็นลม หรือไม่ก็คิดอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆ มากกว่า เพราะเขาเจอคนประเภทนี้มาเยอะแล้ว พวกคนจรจัด คนตกงาน จนไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดิน และบางคนก็ยากจนข้นแค้นทุกข์แสนสาหัสถึงขนาดกับคิดสั้นเลยก็มี

และเอริคก็หวังว่าผู้หญิงคนนี้คงจะไม่คิดสั้นอย่างที่เขาสังหรณ์ใจจริงๆ หรอกนะ บางทีหล่อนอาจจะกำลังเดินหางานอยู่ หรืออาจแค่หิวข้าวจนเป็นลมเป็นแล้งไปเท่านั้น หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่แบบนี้ ท่าทางเหมือนคนจรจัดแบบนี้ ใครเขาจะรับเข้าทำงานกัน สายตาคมกวาดมองไปทั่วดวงหน้าของคนที่สลบไสลไม่ได้สติ ร่างหนาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ

หลายวันมาแล้วที่เอริคอุตส่าห์ลงทุนไปเป็นแมวมอง เพื่อมองหาสาวสวยหุ่นดีมาเป็นนางแบบโฆษณาให้กับน้ำหอมกลิ่นใหม่ของเขา เพราะนางแบบเก่าๆ เขาเริ่มจะเบื่อหน้าแล้ว อยากได้นางแบบที่หน้าตาคล้ายคนเอเชียหน่อย ไม่จำเป็นต้องสวยมาก แค่หุ่นดี ผิวสวยก็ใช้ได้แล้ว และที่สำคัญต้องโสดด้วย

วันนี้ผ่านมาครึ่งวัน นอกจากจะไม่ได้นางแบบแล้ว เขายังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ นี่อีก

“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย ยัยลูกแมวขี้เหร่ คิดอยากจะฆ่าตัวตายทั้งทีทำไมไม่ไปเดินตัดหน้ารถคนอื่น เธอมาเดินตัดหน้ารถของฉันทำไม” เอริคบ่นด้วยอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียว

ไม่นานนักรถแอสตัน มาร์ตินคันหรู ก็ขับเข้ามาภายในบ้านสีขาวรูปทรงเรขาคณิตแปลกตาหลังใหญ่ บ้านหลังนี้เป็นบ้านพักส่วนตัวของเขาเอง ที่อยากจะเอาไว้มานอนพักผ่อนเงียบๆ เวลาต้องการอยู่คนเดียว เพราะชีวิตประจำวันของเขา ต้องอยู่ร่วมกับผู้คนมากมายในบริษัท มันรู้สึกวุ่นวายจนเบื่อ บางครั้งชายหนุ่มจึงต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง เพราะฉะนั้นบ้านพักหลังนี้จึงมีแม่บ้านดูแลเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

แม่บ้านวัยห้าต้นๆ เดินออกมารับเจ้านายหนุ่มด้วยสีหน้าประหลาดใจระคนสงสัย ว่าเอริคอุ้มใครออกมาจากรถยนต์ของเขา ท่าทางจะเป็นผู้หญิงเสียด้วยสิ

“คุณเอริคคะ ใครเหรอคะนั่น” แม่บ้านสูงวัยถามเสียงเรียบ ขณะที่เพ่งพิศใบหน้าของสาวน้อยไปพลาง

ร่างสูงใหญ่ที่กำลังอุ้มร่างไร้สติอยู่ในวงแขนยังไม่ตอบอะไร เพราะเขากำลังรีบอุ้มร่างสกปรกมอมแมมเดินเข้าไปในบ้าน และเขาก็กำลังรู้สึกอยากจะอาบน้ำพักผ่อนสักที ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเหนื่อยมาก จนอยากจะนอนหลับพักผ่อนสักงีบ เพราะพรุ่งนี้ยังมีงานยุ่งๆ ที่บริษัทอีกตั้งมากตั้งมายที่ต้องไปจัดการ

พออุ้มร่างนางแมวขี้เหร่วางลงบนที่นอนในห้องนอนเล็ก ใบหน้าคมสันก็หันมาสั่งแม่บ้านที่เดินตามเข้ามาทันที

“ลัวโซ ช่วยจัดการเช็ดหน้าเช็ดตา เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอทีนะ นี่ชุดของเธอ หวังว่าคงจะใส่ได้ ผมขอตัวไปพักผ่อนสักหน่อย ถ้ามีปัญหาอะไรก็ค่อยมาเรียกแล้วกัน”

ระหว่างทางเอริคได้แวะซื้อเสื้อผ้าที่ร้านขายเสื้อผ้าสตรีด้วยความรีบเร่ง ไม่ได้เลือกมากมาย ก็กะเอาว่าผู้หญิงตัวผอมบางอย่างยัยแมวขี้เหร่คนนี้ คงพอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่เขาซื้อให้ได้ เพราะเขาคงไม่อยากจะเห็นหล่อนอยู่ในสภาพมอมแมมเหมือนแมวคลุกฝุ่นอย่างที่เห็นนี่หรอก

“ได้ค่ะ” แม่บ้านชราไม่คิดที่จะถามเซ้าซี้ชายหนุ่มอีก เพราะหน้าที่ของเธอคือทำตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น

พอร่างสูงเดินออกไปจากห้อง ร่างสูงอวบก็รีบเดินเข้ามาจัดการกับผู้หญิงแปลกหน้าที่นอนสลบอยู่บนเตียงอย่างเร่งด่วน และทันทีที่ถอดถุงเท้าถุงมือของร่างมอมแมมออกมา แม่บ้านลัวโซก็ต้องอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ ว่าทำไมผิวบนเท้าและมือของสาวน้อยคนนี้ถึงได้ขาวเนียนราวกับผิวพรรณของลูกผู้ดีมีตระกูล ซึ่งมันต่างกับผิวบนใบหน้าที่ยังคงสวมทับด้วยแว่นตาอันใหญ่นั้นนัก

และแม่บ้านชราก็ไม่ปล่อยให้ความสงสัยมาทำให้นางรำคาญใจได้ มืออวบอิ่มที่เริ่มมีริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัย ก็ยื่นไปแตะที่ผิวหน้าของคนที่กำลังหลับตาพริ้มเบาๆ อยากจะรู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีใบหน้าที่อัปลักษณ์นัก แต่พอเอื้อมมือไปแตะนิดเดียวเท่านั้น จึงได้รู้ว่า สีคล้ำๆ ที่เห็นอยู่บนแก้มนวลนั้น เป็นเพียงสีของเครื่องสำอางที่สาวน้อยคนนี้จงใจปกปิดเพื่ออำพรางใบหน้าของตนเองเอาไว้เท่านั้นเอง

ต่อมาหญิงชราก็ค้นพบว่า เส้นผมหยิกหยอยสกปรกที่นางเห็นก็เป็นเพียงวิกผมนี่เอง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้แต่งตัวปกปิดโฉมหน้าที่สวยสดงดงามของตนเองเอาไว้ทำไม แต่อีกเดี๋ยวนางก็คงจะได้คำตอบ นิ้วอวบจึงถอดแว่นตาล้าสมัยของหญิงสาวออก จากนั้นก็จัดการเอาผ้าขนหนูผืนเล็กจุ่มน้ำเช็ดเนื้อเช็ดตัวตามร่างที่งดงามผุดผ่องนี้ไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำยาสมุนไพรที่ช่วยผ่อนคลายและให้กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพรรณ

‘คุณผู้ชายรู้หรือยังนะ ว่าเธอน่ะ ขาวสวยน่ารักมากขนาดนี้’ แม่บ้านสูงวัยพึมพำในใจ สายตาจดจ้องอยู่บนใบหน้าเรียวสวย ที่มีจมูกโด่งรั้น และริมฝีปากจิ้มลิ้มรับกันอย่างเหมาะเจาะนั่นอย่างชื่นชม

พอเช็ดตัวเสร็จ นางก็จัดการใส่เสื้อผ้าที่เอริคเตรียมไว้ให้ เป็นผ้าลูกไม้สีขาวตรงแขนมีระบายเล็กๆ น่ารักๆ เข้าชุดกับกระโปรงทรงย้วยผ้าไหมชีฟองสีเดียวกันกับเสื้อแขนสั้น พอดูตอนนี้แล้ว ลูกแมวขี้เหร่เมื่อครู่นี้ ก็กลายมาเป็นตุ๊กตานางฟ้าน่ารักน่ามองยิ่งนัก

เสียงท้องร้องดังโครกคราก ทำให้แม่บ้านชรารู้แล้วว่าสาวน้อยคนนี้ สลบไปเพราะอะไร หล่อนคงจะหิวข้าวจัดจนตาลาย และอาจจะบังเอิญมาเจอเข้ากับเจ้านายที่แสนใจดีของนางเข้าพอดีล่ะมั้ง เขาถึงได้ช่วยอุ้มเธอกลับมาบ้าน เพราะปกตินางก็ไม่เคยเห็นเอริคพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาในบ้านหลังนี้เลยสักครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“เธอคงหิวมากจนเป็นลมสินะสาวน้อย เดี๋ยวฉันจะไปทำซุปเห็ดร้อนๆ มาให้กินนะ” เจ้าของร่างอวบใหญ่รูปร่างคล้ายหญิงมีครรภ์ห้าหกเดือน เก็บเอาเสื้อผ้าของหญิงสาวไปซัก และเก็บอุปกรณ์แปลงโฉมของอลิชชาไปเก็บซ่อนไว้ เพราะไม่ต้องการให้หล่อนใส่มันเพื่อปิดบังคนอื่นอีก

พอคล้อยหลังแม่บ้านไปประมาณห้านาที เอริคก็มาปรากฏตัวตรงปลายเตียงของคนนอนหลับที่ยังไม่รู้สึกตัว ชายหนุ่มตะลึงมองสาวน้อยหน้าใส ผิวขาวผ่องละมุนละไมด้วยสีหน้าประหลาดใจ หล่อนเป็นใคร ใช่ยัยแมวขี้เหร่ที่เขาอุ้มมาเมื่อกี้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ แล้วหล่อนจะเป็นใครล่ะที่มานอนอยู่ตรงนี้

เปลือกตาบางๆ ของคนที่นอนหลับเริ่มดิ้นดุ้กดิ้ก และพยายามกระพือขนตางอนให้ลืมตาขึ้นมาช้าๆ ภาพแรกที่เธอเห็นมันเบลอๆ ชอบกล นาทีต่อมาภาพทุกอย่างรอบตัวก็เริ่มชัดเจนขึ้น ดวงตากลมโตสวยซึ้งกวาดมองไปยังบนเพดาน หน้าต่าง ผ้าม่านสีหวาน แล้วก็ไปสะดุดเข้ากับร่างสูงใหญ่ของเทพบุตรหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ตรงปลายเตียง

นี่เธอกำลังฝันอยู่ใช่หรือเปล่า ต้องใช่แน่ๆ เพราะในโลกของความเป็นจริงเธอไม่ได้พักอยู่ในห้องนอนที่สวยงาม และส่งกลิ่นหอมสดชื่นของดอกไม้นานาพรรณแบบนี้ ที่สำคัญผู้ชายตรงหน้าเธอก็ไม่เคยเห็น แต่เขาช่างหล่อเหลาคมคายมากจริงๆ มันช่างเป็นความฝันที่แสนวิเศษเหลือเกิน

ร่างบอบบางค่อยๆ ลุกลงจากเตียงช้าๆ เดินเข้าไปหาเทพบุตรในฝัน เอื้อมมือเรียวไปจับต้องใบหน้าสากๆ ของเขาเบาๆ สัมผัสลูบไล้ไปตามโครงหน้าคมสันนั้น

“ทำไมความฝันถึงได้เหมือนจริงแบบนี้นะ” อลิชชารำพึงรำพันออกมาเป็นภาษาไทย ดวงตาหวานซึ้งจ้องมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มแสนเสน่ห์ของเขา รู้สึกหัวใจจะเริ่มเต้นแรงผิดปกติ นี่ขนาดในฝันแท้ๆ เธอยังรู้สึกได้เหมือนจริงมากขนาดนี้เชียวหรือ

เอริคมองใบหน้าสาวน้อย ที่ทำท่าราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝันอยู่อย่างนั้นแหละ สงสัยหล่อนคงกำลังคิดว่าตนเองฝันไปสินะ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่เขากำลังมองเห็นอยู่ในตัวเธอ

ผู้หญิงหน้าตาสวยงามผุดผ่องขนาดนี้ ผิวสวยแบบนี้ และหุ่นดีแบบนี้ มันใช่เลย เธอมีทุกอย่างตรงกับสเปคที่เขาวาดเอาไว้ทุกอย่าง ผู้หญิงรูปร่างหน้าตาแบบนี้แหละที่เขาพยายามออกค้นหามาหลายวัน

“สุดท้ายฉันก็เจอเธอจนได้นะเบบี๋”

ขณะที่อลิชชาเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝัน เอริคก็ฉวยโอกาสรวบร่างบางเข้ามาแนบชิดทันที ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาช้าๆ ริมฝีปากอุ่นๆ กำลังจะสัมผัสกับกลีบกุหลาบบางสีชมพูระเรื่อนั้น แต่...

“อะแฮ่ม ขอโทษค่ะคุณเอริค ดิฉันกำลังจะเอาอาหารมาให้เธอรับประทานค่ะ” แม่บ้านชราพูดเสียงเรียบ แต่ก็แฝงไปด้วยความเกรงใจเจ้านายหนุ่มมากเช่นกัน ที่เข้ามาผิดจังหวะ

ร่างหนารีบผละออกจากร่างนุ่มนิ่มทันที ไม่รู้ว่าเขาลืมไปได้ยังไง ว่าได้สั่งให้แม่บ้านลัวโซดูแลสาวน้อยคนนี้อยู่ นึกแล้วก็อดขำตัวเองไม่ได้เหมือนกันที่รู้สึกเสน่หาสาวน้อยคนนี้ขึ้นมา ก็ใครจะไปรู้ว่านางแมวขี้เหร่ข้างถนน จะกลายมาเป็นนางซินสาวผู้เลอโฉมที่แสนจะงดงามแบบนี้

“เข้ามาสิ ลัวโซ” ลัวโซนำอาหารมาวางไว้ที่โต๊ะ ซุปเห็ดทรุฟเฟิลส่งกลิ่นหอมฟุ้งจนท้องไส้ของอลิชชาปั่นป่วนร้องประท้วงเสียงดังโครกคราก

“ฟื้นแล้วเหรอคะคุณ” เสียงถามเรียบๆ จากแม่บ้าน ทำให้อลิชชาที่สามารถพูดและฟังภาษาฝรั่งเศสได้ รีบถามหญิงชราทันทีด้วยแววตาสงสัย

“เอ่อ เมื่อกี้มาดามถามฉันว่า ฟื้นแล้วเหรอ แสดงว่าตอนนี้ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ” แม่บ้านลัวโซแม้จะอายุมากแล้ว แต่ภายนอกนางยังดูไม่แก่มากนัก

“ใช่ค่ะ” แม่บ้านลัวโซตอบด้วยสีหน้างงๆ เช่นกัน แต่พอนึกภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ก็ทำให้แม่บ้านผู้แสนฉลาดอย่างลัวโซเข้าใจที่สาวน้อยพูดทันที

“งั้น งั้นก็แสดงว่า เขามีตัวตนอยู่จริง แล้ว...แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ” ขณะที่ถาม ร่างบางก็เหมือนจะโคลงเคลงไปมาเพราะไม่มีแรง แต่ก็ถูกคนตัวสูงเข้าไปพยุงเอาไว้ได้ทัน และประคองร่างบอบบางแต่ได้สัดส่วน ไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเล็กหน้าโต๊ะกับข้าว

แม่บ้านผู้สูงวัย ที่มีใบหน้าแสนจะเย็นชาไม่ตอบคำถามของสาวน้อย แต่กลับพูดอีกอย่างแทน

“ข้าวสวยร้อนๆ กับซุปเห็ดทรุฟเฟิล กับผัดเห็ดปารีสใส่ลูกชิ้นเนื้อวัวโกเบค่ะ คุณชายเอริคสั่งให้ดิฉันทำให้คุณทาน เชิญตามสบายเลยนะคะ ดิฉันขอตัวค่ะ”

เพราะเห็นว่าเจ้านายหนุ่มอยู่ในห้อง แม่บ้านผู้สูงวัยจึงไม่อยากอยู่ให้เกะกะสายตาชายหนุ่ม เพราะพอจะเดาออกว่า เอริคคงมีเรื่องอยากจะพูดคุยซักถามสาวน้อยคนนี้เป็นการส่วนตัว

อลิชชามองอาหารตรงหน้าราวกับว่ามันคืออาหารทิพย์ จะหยิ่งไม่กินก็ไม่ได้ ในเมื่อตอนนี้เธอหิวชนิดที่เรียกว่า ‘โคตรของความหิว’ เลยละ มือเล็กจึงรีบตักข้าวสวยใส่ปากทันที กินมันทั้งๆ ที่ร้อนๆ แบบนี้แหละ พร้อมกับซดน้ำซุปอย่างโหยหิว ผัดเห็ดปารีสถูกตักมาราดข้าวจนหมดจาน มือเล็กที่ถือช้อนข้าวสั่นๆ เพราะความหิวที่ไม่ได้กินข้าวมาตั้งสองมื้อ และนี่มันก็คงจะเลยมื้อเที่ยงไปนานแล้ว

เอริคมองคนตัวเล็กที่นั่งกินข้าวอย่างสวาปามด้วยความเอ็นดู นี่หล่อนคงหิวจนลืมเจ็บไปเลยสินะ เพราะชายหนุ่มจำได้ว่ารถของเขาพุ่งชนที่ขาของเธอ ถึงจะไม่แรงมาก แต่ก็คงจะมีรอยฟกช้ำดำเขียวและปวดระบมอยู่บ้าง แต่คงเพราะความหิวที่มีมากกว่า จึงทำให้เธอไม่ได้สนใจความเจ็บระบมที่ขาของตนเอง

ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที กับข้าวทุกอย่างในจานก็เกลี้ยงจนไม่เหลือข้าวแม้แต่เม็ดเดียว แม้แต่น้ำซุปเห็ด เธอก็ยกซดจนเกลี้ยงและลืมนึกไปว่าเจ้าของบ้านกำลังยืนมองเธออยู่ ดวงตากลมโตปรายตาไปมองร่างสูงใหญ่ที่กำลังมองเธออยู่เช่นกัน หล่อนยิ้มแหยๆ ตาหยีออกมาอย่างเอียงอาย ใบหน้าเริ่มมีริ้วสีแดงเรื่อพาดผ่านทั้งสองข้างแก้มนวล

แต่เอริคดูเหมือนจะชอบใจในกิริยาท่าทางไร้เดียงสาของหญิงสาวไม่น้อย ชายหนุ่มอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะบอกเธอว่า

“เอากับข้าวเพิ่มอีกมั้ย จะได้ให้ลัวโซตักมาให้”

อลิชชาหันไปมองเจ้าของบ้านรูปหล่อด้วยความเกรงใจ และเริ่มรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อถูกชายหนุ่มมองด้วยรอยยิ้มขัน

คงเพราะอาหารแต่ละอย่าง ผู้หญิงจนๆ อย่างเธอ คงจะหาโอกาสทานได้ยากมาก มันจึงทำให้หญิงสาวกินจนไม่มีเหลือติดจาน อย่างเห็ดทริฟเฟิลหรือทรุฟเฟิลดอกหนึ่งราคาตั้งหลายร้อยยูโร เผลอๆ อาจจะหลายพันยูโรเลยด้วยซ้ำ แล้วเนื้อวัวโกเบที่ราคาแพงลิบลิ่วซึ่งคนจนๆ อย่างเธอจะหาโอกาสกินง่ายๆ ได้ที่ไหน

“ขอบคุณมากค่ะ ฉันอิ่มแล้วค่ะ เอ่อ...ฉันขอตัวเอาถ้วยชามไปเก็บนะคะ” ร่างบางรีบลุกขึ้นแล้ววางถ้วยชามเรียงซ้อนกันก่อนที่จะเอาไปเก็บข้างนอก

“เดี๋ยว” สองเท้าที่กำลังจะก้าวออกไปนอกประตูต้องชะงักทันที แล้วค่อยๆ หันหลังมามองตามเสียงเรียกช้าๆ

“เอาจานไปเก็บแล้ว เข้ามาหาผมในห้องนี้ด้วยนะ ผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”

“ค่ะ”

ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ แต่พอนึกได้ว่า ตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ในชุดสกปรกมอมแมมที่อำพรางตนเองนั่นแล้ว อลิชชาก็พอจะเดาออกมาได้ว่า เขาคงอยากจะถามว่าเธอปลอมตัวมาทำไม หรือไม่เขาอาจจะทวงค่าอาหารที่เธอเพิ่งกินเข้าไปเมื่อสักครู่นี้ก็ได้

ถ้าหากลองคำนวณค่าอาหารที่เธอเพิ่งทานเข้าไปเมื่อกี้ดู ก็คงจะหลายพันยูโรแน่ๆ เลย แล้วเธอจะต้องทำงานชดใช้เขากี่เดือนเนี่ยถึงจะหมดหนี้

เพราะคิดว่าถ้าทำงานเป็นแม่บ้าน เขาก็คงจะให้เงินเดือนเธอไม่เกินเดือนละสามร้อยถึงห้าสิบยูโรแน่นอน เพราะเธอเรียนจบแค่ระดับปริญญาตรีเท่านั้น อีกทั้งหลักฐานสำคัญต่างๆ ตอนนี้ก็หายไปหมดแล้ว เขาต้องคิดว่าเธอเป็นคนเถื่อนลักลอบเข้าเมืองมาแน่นอน

สิบนาทีต่อมา อลิชชาก็เดินเข้ามาหาคนที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้ให้รอดตายจากความหิวโหย ก่อนมาพบหน้าเขาเธอได้คุยกับแม่บ้านลัวโซเล็กน้อยแล้ว เพื่อถามว่าใครที่เป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ พอรู้ว่าไม่ใช่เขาหญิงสาวจึงได้โล่งใจ และหญิงชรายังบอกกับเธอว่า เขาชื่อเอริคเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้

เจ้าของร่างบางเดินมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง

ก๊อกๆ !

เสียงเคาะประตูห้องสองที ก่อนที่มือบางจะผลักประตูเข้าไป ก็เห็นสายตาคมจ้องมองมาทางเธอไม่กะพริบ หญิงสาวออกจะประหม่าเล็กน้อยในนาทีแรก และเพิ่มมากขึ้นทุกทีเมื่อร่างสูงใหญ่งามสง่าเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากเรือนกายของเขาช่างดึงดูดให้เธอเผลอสูดดมความหอมเย้ายวนใจนั้นเข้าไปจนชุ่มปอด

“อันดับแรกบอกชื่อของคุณมาก่อน” เสียงห้าวทุ้มเริ่มสัมภาษณ์

“อลิชชาค่ะ” สาวน้อยก้มหน้างุดตอบคำถามเขา ไม่กล้าสบตาคมนั่น เพราะมันทำให้เธอรู้สึกประหม่า ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย

“เอาแบบสั้นๆ มีหรือเปล่า”

“อริสค่ะ”

“เวลาคุยกับผมกรุณาเงยหน้ามองผมด้วย” เขาออกคำสั่งเสียงเข้ม

“ค่ะ” หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ประสานสายตาสวยซึ้งที่เต็มไปด้วยความประหม่านั้นเข้ากับสายตาคมกล้าของเขา

“อริส ต่อไปนี้ให้คุณเรียกผมว่า เอริคนะ” ชายหนุ่มบอกแต่ดูเหมือนเป็นการบังคับให้เธอเรียกเขาเสียมากกว่า แววตาของเขาดูดุดัน แต่กลับแฝงไปด้วยความอบอุ่นหวานซึ้งในบางครั้ง จนอลิชชาอดที่จะหวั่นไหวไม่ได้

“ค่ะ”

เกิดมาก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่หุ่นเอ็กซ์ และมีใบหน้าหล่อเข้มกระชากใจตัวเป็นๆ แบบนี้เป็นครั้งแรก และที่สำคัญต้องมาอยู่ในห้องนอนกับเขาสองต่อสองแบบนี้เธอยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่ อุปกรณ์พรางกายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว หญิงสาวจึงได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น เพื่อฟังเขาพูดประโยคต่อไป

“คุณรู้มั้ยว่าวันนี้ คุณทำให้ผมเกือบเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย เพราะคุณ” ร่างบางก้มหน้างุดอีกรอบ รีบกล่าวขอโทษชายหนุ่มเป็นการใหญ่

“เอ่อ ฉัน...ฉันต้องขอโทษคุณจริงๆ นะคะ คือว่าตอนนั้นฉันหิวข้าวจนตาลาย ก็เลยเป็นลมน่ะค่ะ” เธอละล่ำละลักบอกกับชายหนุ่มด้วยเสียงตะกุกตะกัก

“ผมนึกว่าคุณคิดจะฆ่าตัวตายซะอีก”

“เปล่าค่ะ พอดีว่าฉันถูกวิ่งราวกระเป๋า เงินของฉันและเอกสารต่างๆ ของฉันอยู่ในนั้นทั้งหมด ฉันก็เลยต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น”

“แล้วคุณปลอมตัวเองเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์น่าเกลียดทำไม”

อลิชชายืนคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “คือว่าฉัน กลัวว่า...กลัวว่าตนเองอาจจะเป็นอันตรายจาก...จากพวกผู้ชายเอ่อ...ที่คิดไม่ดีน่ะค่ะ ฉันก็เลยต้องแต่งตัวแบบนั้น” หญิงสาวบอกเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะเริ่มรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเหมือนไม่ค่อยจะปลอดภัยแล้วเหมือนกัน

“แล้วคุณคิดว่า การที่คุณอำพรางตัวเองแบบนั้น จะมีใครอยากจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคุณหรือเปล่า ท่าทางอย่างกับคนจรจัด สารรูปดูไม่ได้ บางคนอาจจะคิดว่าคุณนั่นแหละที่เป็นโจรเป็นคนเถื่อนลอบเข้าเมืองเสียเอง”

ที่เขาพูดมามันก็ถูก แต่เธอก็รอดจากภัยผู้ชายที่ไม่ดีมาได้จนถึงตอนนี้ไม่ใช่เหรอ และอาจจะไม่รอดก็เพราะว่าเขาเห็นตัวจริงของเธอตอนนี้แหละ

หญิงสาวไม่กล้าเถียงอะไรเขาอีก ได้แต่เงียบและเงยมองใบหน้าคมเข้มนั้นเป็นบางครั้ง แต่สุดท้ายก็ก้มหน้างุดเหมือนเดิม

“คุณรู้มั้ยว่า อาหารที่คุณทานเข้าไปเมื่อครู่ คิดเป็นราคาประมาณเท่าไหร่” จู่ๆ เอริคก็นึกอยากจะทวงบุญคุณหล่อนขึ้นมา เพราะเขากำลังจะเจรจาให้เธอไปเป็นนางแบบโฆษณาให้กับน้ำหอมสูตรใหม่ให้กับเขา

“ฉันพอจะทราบค่ะ”

เอริคหัวเราะในลำคอเบาๆ แสดงว่าอลิชชาคงพอจะมีความรู้รอบตัวบ้างสินะ แต่ว่าภาษาที่เธอใช้มันฟังเปล่งๆ พิกล แม้ว่าใบหน้าของเธอจะออกมาทางฝรั่งเศสเล็กน้อยก็ตาม

“คุณเป็นลูกครึ่งอะไรกับอะไร” เพราะเอริคพอจะมองออกว่า สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศสร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเขาแน่นอน ชายหนุ่มจึงได้ถามแบบนั้น

“เป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสค่ะ”

“เยี่ยมมาก ผมมีงานให้คุณทำ เพื่อแลกกับค่าอาหารและที่ค่าพักสำหรับคุณหนึ่งเดือน”

อลิชชาทำหน้าสงสัยระคนดีใจ คิ้วเรียววิ่งมาชนกันแทบจะทันที ทำงานอย่างนั้นหรือ งานอะไร เขามีงานอะไรให้เธอทำ

“เอ่อ ไม่ทราบว่ามีงานอะไรให้ฉันทำเหรอคะ” เสียงถามที่ไม่ค่อยจะมั่นคงนัก บ่งบอกว่าเธอกำลังกลัวว่างานที่เขาจะให้ทำ อาจจะเป็นงานที่เธอทำไม่ได้

“งานง่ายๆ ได้เงินเยอะ คุณทำได้สบายๆ อยู่แล้ว” เขาตอบยิ้มๆ พลางมองร่างเพรียวระหงตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าด้วยความพึงพอใจ

อลิชชารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาทันที เพราะไม่รู้ว่างานที่เขาจะให้เธอทำมันคืองานอะไร สาวใช้ แม่บ้าน หรือว่างานอื่นที่เธอไม่อยากจะคิดถึง

“เดี๋ยวออกไปข้างนอกกับผมก่อน ผมจะเปลี่ยนประวัติของคุณให้หมด ก่อนที่เราจะร่วมงานกัน” พูดจบ มือหนาก็ฉุดข้อมือเล็กให้ออกเดินตามเขาไปขึ้นรถยนต์คันหรูทันที

“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิคุณ ฉันยังไม่ได้ตกลงทำงานให้กับคุณเลยนะ”

“คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เพราะตอนนี้คุณเป็นหนี้บุญคุณผมอยู่” เขาหันมาบอกก่อนจะยัดร่างของเธอเข้าไปในรถ และตามมาด้วยร่างหนาของเขาในฝั่งคนขับ ก่อนที่จะสตาร์ตรถขับออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

“นี่ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้นะ ฉันยังไม่รู้เลยว่าคุณจะให้ฉันทำงานอะไร แล้วคุณจะพาฉันไปเปลี่ยนประวัติไม่ได้นะ ถ้าเปลี่ยนประวัติแล้ว ถ้าพ่อมาเจอฉันแล้วพ่อจะจำฉันได้ยังไง แล้วพ่อจะเชื่อเหรอว่าฉันเป็นลูกสาวของเขา” อลิชชาเริ่มโวยวายเสียงดัง แต่มันก็ทำให้คิ้วเข้มดั่งปีกกาขมวดเข้าหากัน แล้วหันหน้ามามองทางหญิงสาวแวบหนึ่ง

“เดี๋ยว ที่คุณพูดมาเมื่อกี้ ผมไม่เข้าใจ ลองเรียบเรียงประโยคพูดให้ผมฟังใหม่อีกทีซิ”

อลิชชาคิดว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว บอกความจริงให้เขารู้เรื่องไปเลยดีกว่า เผื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องพาเธอไปเปลี่ยนประวัติให้มันมีเรื่องยุ่งยากตามมาในภายหลัง อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจะต้องไปเปลี่ยนประวัติของเธอด้วย หรือว่างานที่เขาจะให้เธอทำมันผิดกฎหมายหรืออย่างไร

“ที่ฉันมาที่นี่ก็เพื่อออกมาตามหาพ่อ”

เอริคอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำตอบจากปากจิ้มลิ้มนั่น

“คุณตามพ่อมานานหรือยัง”

“ก็เป็นเดือนแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววค่ะ” น้ำเสียงนั้น ดูเศร้าลงจนคนข้างๆ รู้สึกใจอ่อนยวบและเห็นใจหล่อนขึ้นมาทันที

“แล้วคุณมีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับพ่อของคุณบ้างล่ะ เผื่อว่าถ้าคุณมาทำงานให้กับผม แล้วผมอาจจะช่วยคุณออกตามหาพ่อของคุณให้อีกแรง”

แววตาของสาวน้อยมีประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันทีเมื่อชายหนุ่มพูดจบ มีความรู้สึกอยากจะทำงานขึ้นมาทันที แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่างานนั้นคืออะไร ขอเพียงได้ตามหาพ่อของเธอจนเจอ ในชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

“ฉันมีรูปของคุณพ่อ” แต่น้ำเสียงที่ตื่นเต้นก็ต้องมีอันเงียบลง เมื่อนึกได้ว่าเอกสารทุกอย่างทั้งของเธอและของพ่อเธอ อยู่ในกระเป๋าที่ถูกไอ้โจรห้าร้อยนั่นมันฉกชิงไป คิดแล้วก็เจ็บใจนัก เอริคมองสีหน้าที่เปลี่ยนสีไปของหญิงสาวก็พอจะเข้าใจ

“รูปของพ่อคุณอยู่ในกระเป๋าใบนั้นใช่มั้ย ไม่เป็นไรนะ เอางี้เดี๋ยวผมจะพาคุณไปแจ้งความก่อน ว่ากระเป๋าสตางค์หาย คุณไม่ต้องกลัวหรอกถนนเกือบทุกเส้นมีกล้องวงจรปิด เราต้องหาตัวไอ้โจรชั่วนั่นได้แน่นอน แต่คุณต้องทำงานกับผมรอไปก่อนนะ รอจนกว่าทางตำรวจจะตามหากระเป๋าของคุณเจอ แล้วผมจะช่วยคุณตามหาพ่อของคุณเอง”

“จริงๆ นะคะ คุณจะช่วยฉันตามหาพ่อจริงๆ นะ” ร่างบางเขย่าแขนของชายหนุ่มอย่างลืมตัว

“จริงสิ ผมจะโกหกคุณทำไมล่ะ”

“ขอบคุณมากค่ะ แต่ว่างานอะไรเหรอที่คุณจะให้ฉันทำ แม่บ้านหรือว่าสาวใช้”

“เดี๋ยวพอแจ้งความเสร็จ ผมจะพาคุณไปที่ทำงานของผม คุณเป็นคนที่มีความรู้รอบตัวอยู่บ้างแล้วนี่ ไม่อย่างนั้นคุณคงจะไม่ออกตามหาพ่อมาจนถึงที่ฝรั่งเศสคนเดียวนี่ได้หรอก และผมมั่นใจว่าถ้าคุณได้ไปเห็นบริษัทที่ทำงานของผม คุณจะต้องร้องอ๋อแน่นอน”

“คุณคิดว่าฉันจะรู้จักบริษัทของคุณเหรอคะ”

“ใช่” ชายหนุ่มตอบอย่างมั่นใจ เพราะไม่มีใครที่ไม่รู้จักมาร์ติเนซกรุ๊ป บริษัทผลิตเครื่องสำอางใหญ่ยักษ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในปารีสหรือในฝรั่งเศส

“แต่ว่าฉันไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับปารีสสักเท่าไหร่หรอก”

“เดี๋ยวคุณก็จะรู้ แต่ว่าวันนี้ผมคงต้องพาคุณไปทำธุระหลายอย่างนะ ว่าแต่คุณอยากจะไปทำธุระอะไรที่ไหนก่อนหรือเปล่าล่ะ”

“ฉันอยากไปเอาเสื้อผ้าที่อพาร์ทเม้นท์ที่ฉันไปเช่า ได้หรือเปล่า”

“ถ้าจะไปเอาเสื้อผ้าไม่ต้องหรอก ผมจะพาคุณไปเลือกซื้อที่ห้างเอง”

“แต่ว่ามันจะทำให้ฉันเป็นหนี้คุณเพิ่มขึ้นนะคะ ฉันคงไม่มีปัญญามาใช้หนี้คุณได้ทั้งหมดหรอกค่ะ แค่กับข้าวที่ฉันกินที่บ้านคุณมื้อเดียว ฉันยังคิดเลยว่าจะทำงานชดใช้ให้คุณกี่เดือนถึงจะหมด”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ รู้สึกว่าหล่อนจะดูเป็นกังวลไปเสียหมดทุกเรื่องเลย นี่ถ้าหล่อนรู้ว่าเขาจะพาเธอไปเป็นนางแบบโฆษณา อลิชชาคงจะโวยวายบ้านแตกแน่ เพราะท่าทางของหล่อนดูไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลยสักนิด

สงสัยเขาคงต้องฝึกว่าที่นางแบบโฆษณาคนนี้ด้วยตนเองเป็นพิเศษเสียแล้วล่ะมั้ง ว่าแต่เขาจะหาวิธีปั้นดินก้อนนี้ให้เป็นดาวได้ยังไงนะ จึงจะทำให้หล่อนกลายเป็นดวงดาวที่เจิดจรัสในช่วงเวลาเพียงไม่กี่คืนต่อจากนี้ไป คงต้องฝึกภาคปฏิบัติเยอะๆ สินะ ดาวดวงนี้ถึงจะเปล่งแสงออกมาได้ แล้วเอริคก็นึกไปถึงอเล็กซานดร้าขึ้นมา และกำลังนึกไปถึงผู้ใหญ่ที่แสนใจดีอีกคน ดวงตามันวับของเขาก็เต็มไปด้วยความหวังเรืองรองขึ้นมา

“คราวนี้เธอได้เกิดแน่ อริส”

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY