รถเก๋งสีดำมันปลาบแล่นเข้ามาจอดที่หน้าผับเล็กๆ แห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของตัวจังหวัด ด้านนอกผับไม่มีอะไรดึงดูดสายตาของบลิซเซิร์ดแม้แต่นิด สถานที่แบบนี้น่ะหรือที่เด็กสาวกะโปโลนั่นมาทำงาน
“ตามแผนที่ เด็กผู้หญิงที่นายตามหาทำงานอยู่ที่นี่ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาบอกเจ้านายของตนเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเคารพนับถือเต็มเปี่ยม
ลูกน้องคนสนิทวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายอย่างรีบด่วนเมื่อรถจอดสนิท ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนแบรนด์ดังสีเข้มที่สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวหนังสัตว์สีดำราคาแพงเดินลงมาจากรถคันหรู แล้วสั่งงานลูกน้องตัวโตพอๆ กับเขาสองสามนาทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในผับโกโรโกโสด้านหน้าด้วยท่าทางดุดัน จนนักท่องราตรีหลายคนที่เดินผ่านไปมาไม่กล้าสบตามอง
ร่างสูงสง่าที่ดูดีโดดเด่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ก้าวเข้ามา เต็มไปด้วยพลังเสน่หาแห่งบุรุษเพศที่ดึงดูดสายตาสาวๆ ในที่แห่งนั้นให้หันมามองด้วยความหลงใหล ใบหน้าคมสันที่หล่อเข้มเกินพิกัดที่หาใครทัดเทียมได้ยากดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แต่มันกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์อย่างเหลือร้าย จนผู้ชายด้วยกันเองยังอดที่มองเขาด้วยความชื่นชมแกมอิจฉาไม่ได้
มองปราดเดียวก็รู้ว่าแขกผู้มาใหม่คงไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มที่มีหน้าตาไปทางโซนยุโรปจะร่ำรวยล้นฟ้าขนาดไหน แต่มันก็ทำให้เจ้าของผับคนสวยที่เห็นเขาเดินเข้ามาแต่ไกลถึงกับต้องรีบเดินออกไปต้อนรับบริการด้วยตนเอง และเอื้อนเอ่ยกับลูกค้าหนุ่มด้วยภาษาสากลแสนจะสุภาพ พร้อมทั้งส่งสายตาหวานเยิ้มคล้ายจะทอดสะพานให้
“สวัสดีค่ะมิสเตอร์ เชิญทางนี้ค่ะ” ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีแดงสดที่ค่อนข้างเปิดเผยกล่าวสวัสดีพร้อมทั้งผายมือเชื้อเชิญเขาให้ไปนั่งในมุมมืดสลัวพอดีมุมหนึ่ง
“มาคนเดียวเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
“จะรับอะไรดีคะ”
“เอา Vodka แล้วกัน” เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยเสียงเรียบ สร้างความแปลกใจให้กับเกศรินทร์เจ้าของอินดี้ผับมาก และสำเนียงของเขาก็ชัดเจนเสียด้วยสิ ท่าทางจะเป็นหนุ่มลูกครึ่งแน่นอน ม่ายสาวคิด ก่อนที่จะตอบรับเขาเป็นภาษาไทยที่อ่อนหวานเป็นพิเศษ
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเกรซจะให้เด็กมาเสิร์ฟให้” ร่างระหงส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ชายหนุ่มอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งงานลูกน้องไม่กี่นาที ก็ไปบริการลูกค้าวีไอพีโต๊ะอื่นต่อ แต่หันมามองหนุ่มลูกครึ่งเป็นระยะๆ
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เกศรินทร์ก็ไม่เห็นวี่แววว่าใครจะมานั่งเป็นเพื่อนแขกหนุ่มที่เธอหมายตาเอาไว้ ผู้หญิงที่แพ้ความหล่อของผู้ชายก็เดินเข้ามาหาลูกค้าคนพิเศษของเธออีกครั้งด้วยท่าทางราวกับนางพญาอ่อยเหยื่อ
สายตาปริบๆ ที่เธอมองเขากับรอยยิ้มยั่วยวนเล็กน้อยอย่างมีเสน่ห์ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้ากำลังให้ท่าเขาขนาดไหน
แต่เพื่อเป้าหมายสูงสุดที่เขาต้องการจะต้องสำเร็จ บลิซเซิร์ดจึงต้องเปิดการเจรจาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มแสนเสน่ห์ของเขาที่คลี่ยิ้มออกเพียงเล็กน้อย แค่นี้ม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่างเกศรินทร์ก็แทบละลายลงตรงหน้าเขาแล้ว หากว่าชายหนุ่มเอ่ยขอสิ่งใดหล่อนคงจะรีบหามาประเคนให้ทุกอย่างโดยไม่รอช้า
“คุณคงเป็นเจ้าของผับนี้สินะ”
“ใช่ค่ะ เอ่อ...แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันเป็นเจ้าของที่แห่งนี้” หล่อนถามพลางชม้อยสายตาวิบไหวมองตาเขาด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มหว่านเสน่ห์เต็มที่ ในมือก็คลึงแก้วทรงสูงที่มีของเหลวสีอำพันไปมาราวกับมันเป็นผิวกายของผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ปาน ก็หล่อคมบาดตาบาดใจน่าขย้ำมากขนาดนี้จะไม่ให้เธอรู้สึกรู้สาได้อย่างไร
“เพราะบุคลิกของคุณดูมีสง่าราศี ผมจึงเดาเอาน่ะครับ” ขณะที่ถามสายตาคมกล้าวาววับก็มองไปทางด้านบนเวทีตลอดเวลา เพื่อรอดูว่าเมื่อไหร่เหยื่อสาวของเขาจะโผล่มาสักที นี่ก็หลายนาทีแล้ว หรือว่าเอมฤทัยไม่ได้มาทำงานคืนนี้ แต่ถ้าถามผู้หญิงตรงหน้าเขานี้ หล่อนคงจะให้คำตอบที่เขาพอใจได้
เกศรินทร์แสร้งทำเป็นอายม้วนก่อนที่จะคุยกับเขาต่อว่า “คุณนี่ตาแหลมจังเลยนะคะ เดาเก่งจัง” ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย แต่เป็นคนละความหมายกันแน่นอน
“ผมทราบมาว่าที่นี่มีนักร้องเสียงดีมากที่ชื่อว่าเอมฤทัย ไม่ทราบว่าเธอมาทำงานคืนนี้หรือเปล่าครับ”
เกศรินทร์มีแววไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาถามถึงผู้หญิงคนอื่น แต่หล่อนก็ยิ้มกลบเกลื่อนทันควันจนแทบสังเกตไม่ทันเห็น ว่าหล่อนรู้สึกไม่พอใจ เพราะอาชีพบริการจึงทำให้หญิงสาวสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีเป็นพิเศษ และคงไม่ใช่มีเพียงแค่บุรุษตรงหน้านี้เท่านั้นที่ถามถึงนักร้องสาวที่ชื่อเอมฤทัย ผู้ชายแทบจะทุกคนที่เข้ามาที่ผับแห่งนี้เลยก็ว่าได้ที่ต้องการมานั่งฟังและมองสาวน้อยหน้าหวานเสียงใสร้องเพลงอันไพเราะให้ฟัง
“มาสิคะ แต่ของดีมักตามมาทีหลัง คุณต้องรอหน่อยนะคะ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเธอออกมาแน่นอนค่ะ”
“งั้นหรือ คุณช่วยลัดคิวให้เธอหน่อยได้ไหม ผมใจร้อน”
เจ้าของผับคนสวยยิ้มร้าย มองหนุ่มลูกครึ่งที่ท่าทางกระเป๋าหนักอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบว่า
“ถ้าเกรซทำตามที่คุณต้องการได้ เกรซจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนคะ” เพราะเธอเป็นสาวนักธุรกิจ จะทำอะไรให้ใครก็ต้องได้กำไรและผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ
แค่มองตาก็รู้ว่าหล่อนต้องการอะไร บลิซเซิร์ดจึงไม่ต้องคิดนาน ก่อนที่จะล้วงเอาธนบัตรปึกหนึ่งที่มีมูลค่ามากพอ มาวางไว้ตรงหน้าม่ายสาว สายตาคู่สวยที่กรีดอายไลเนอร์จนคมกริบเบิกกว้างออกทันทีที่เห็นในสิ่งที่เขาเสนอให้มา และเธอคงโง่มากหากไม่รีบตะครุบเอาไว้
“แค่นี้พอมั้ย” เขาถามสั้นๆ และรู้คำตอบโดยทันทีที่เห็นสายตาพึงพอใจของหญิงสาวส่งมา
“แหมๆ ทำไมจะไม่พอล่ะคะ เอาเป็นว่าอีกไม่เกินสิบห้านาทีนะคะ เกรซจะไปบอกให้เอมมี่เธอเตรียมตัวร้องเพลง” เกศรินทร์รีบลุกออกไปจากโต๊ะทันทีเพราะกลัวว่ามหาเศรษฐีหนุ่มตาคมจะเปลี่ยนใจ
สิบกว่านาทีที่ผ่านไปช้าราวกับสิบกว่าชั่วโมงที่เขาต้องนั่งแกร่วรอหลังจากนักร้องสาวคนหนึ่งเพิ่งร้องเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว เมื่อเจ้าหล่อนเดินออกไปจากเวที แสงสว่างของไฟหลากสีก็หรี่ลง ปรากฏแสงไฟวงกลมเจิดจ้าสาดส่องไปตรงกลางเวทีที่มีร่างระหงชวนมองของหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังให้
สายตาทุกคู่จับจ้องไปบนเวทีเป็นจุดเดียวที่เรือนร่างสมส่วนงดงามในชุดราตรีเกาะอกสีโอลด์โรส ที่ประดับด้วยเกล็ดเพชรเป็นประกายระยิบระยับ ชุดสวยสั้นแค่ปิดช่วงสะโพกงามงอนเท่านั้นเพื่อโชว์เรียวขาสวยขาวผ่อง หนุ่มๆ เกือบทุกคนตะลึงมองเรือนร่างแสนเซ็กซี่ของนักร้องสาวจนต้องลอบกลืนน้ำลายไม่เว้นแม้แต่บลิซเซิร์ดเอง
เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น เสียงร้องอันไพเราะของนักร้องสาวก็ตามมา บลิซเซิร์ดยอมรับว่าน้ำเสียงของหล่อนช่างหวานไพเราะจับใจเขาจริงๆ และทันทีที่ร่างระหงที่เต็มไปด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าไร้ที่ติค่อยๆ หันกลับมา ผู้ชายทุกคนก็ต้องน้ำลายสอไปตามๆ กัน
บลิซเซิร์ดเองก็ตะลึงมองใบหน้าสวยซึ้งตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเด็กผู้หญิงที่เขาตามหาจะกลายมาเป็นเทพธิดาแสนสวยในค่ำคืนนี้ หล่อนสวยกว่าในรูปหลายเท่านัก แต่ถึงหล่อนจะน่ากินไปหมดทั้งตัว เขาก็คงจะกระเดือกผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหล่อนไม่ลงหรอก แต่จะให้ลูกน้องของเขาจัดการแทน!
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อการแสดงจบลง นักร้องสาวสวยก็เดินลงมาจากเวทีตรงไปหาแขกหนุ่มรูปหล่อที่มาม่าซังบอกว่าเธอต้องไปบริการเขาเป็นพิเศษหน่อย
เอมฤทัยเห็นแล้วล่ะ ว่าหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มองดูการแสดงของเธอด้วยความสนใจ เพราะแทบจะทุกครั้งที่เธอหันมาสบตาคมๆ ของเขา หญิงสาวก็พบว่าเขามองมาทางเธออยู่ก่อนแล้วอย่างไม่วางตา แต่ทว่าสายตาของเขามันช่างเย็นชานัก และดูเถื่อนๆ จนน่ากลัว แต่เมื่อเป็นคำสั่งของนายจ้างเธอจะปฏิเสธได้อย่างไร
“สวัสดีค่ะ ฉันเอมมี่ค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย มองสบตาคนตรงหน้าด้วยอาการสำรวมมากที่สุด แม้ว่าภายในใจเริ่มจะประหม่ากับสายตาคมกล้าที่มองมาคล้ายจะชื่นชมหรือดูหมิ่นเธอก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะแสงไฟสลัวในยามค่ำคืนมันอาจจะหลอกตาเธอก็เป็นได้
“นั่งลงสิ” บลิซเซิร์ดสั่งสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เอมฤทัยนั่งลงตามที่เขาบอก แต่ดวงตาคู่สวยก็มองสบตาชายหนุ่มนิรนามที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนอย่างไม่ไว้ใจนัก ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการแค่นั่งดริ๊งก์ หรือแค่ต้องการให้เธอเป็นเพื่อนคุยกันแน่ เพราะท่าทางชองชายหนุ่มแตกต่างจากแขกผู้ชายคนอื่นๆ ที่ผ่านมา เขาไม่ส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ ไม่ยิ้ม หรือพูดง่ายๆ เขาแทบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยมากกว่า
“ท่าทางของคุณคงไม่ได้แค่ต้องการจะให้ฉันมานั่งดื่มด้วยเฉยๆ แน่ ใช่มั้ยคะ”