“ไม่คิดเลยนะว่าจะเจอเธอที่นี่ อาน่า” สายตาที่ชายหนุ่มมองหญิงสาวไม่ต่างอะไรกับกับการมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีค่าอะไรเลย สายตาที่เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งบวกกับรอยยิ้มเย็นที่เหมือนจะเยาะด้วยความดูถูกเหยียดหยามมันทำให้คนที่ถูกมองชาวาบเข้าไปถึงหัวใจ “ไม่คิดเหมือนกันค่ะ มันช่างบังเอิญจริงๆ นะคะ อย่างกับโชคชะตาพาเราสองคนให้มาเจอกันอย่างนั้นแหละ คุณว่าไหมคะ” มลธิยาเองก็มองเขาอย่างท้าทาย เธอเจ็บจนชาไปทั้งหัวใจแล้วล่ะ และเธอก็ไม่มีอะไรจะต้องแคร์อีกแล้วนี่ว่าเขาจะคิดยังไงกับเธอ ไหนๆ เขาก็เข้าใจเธอผิดไปแล้ว หากชายหนุ่มจะเข้าเธอผิดอีกเป็นครั้งที่ร้อยก็ไม่เห็นเป็นไร “แม่นี่เป็นใครคะพี่กาย รู้จักกันด้วยเหรอ” อาริสสาชักสีหน้าไม่พอใจ ที่เห็นมลธิยาในคราบของอาน่าซึ่งเธอไม่เคยรู้จัก มาทำเป็นเล่นหูเล่นตาใส่คนรักของเธอ “คุณก็บอกแฟนของคุณไปสิคะ ว่าเราเป็นอะไรกันมาก่อนมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งกันมากแค่ไหน” มลธิยาตั้งใจจะยั่วให้อาริสสาเจ็บแสบเล่นๆ บ้าง เพราะที่ผ่านมาเธอเป็นฝ่ายถูกอาริสสาพูดจากระแนะกระแหนแดกดันเธอมาโดยตลอด “ก็แค่ผู้หญิงที่ซื้อได้ด้วยเงิน ไม่ได้มีความสำคัญอะไร” อาณาฆินทร์จงใจพูดจาเหน็บแนมให้หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดบ้าง เหมือนอย่างที่เขากำลังรู้สึกอยู่ทุกวี่ทุกวันตั้งแต่ที่เขาเห็นภาพบาดตาคืนนั้น “นี่พี่กายยอมรับเหรอคะว่าเคยไปนอนกับมันมา อริสไม่ยอมนะคะ อริสไม่ยอมได้ยินไหม” ร่างบางของอาริสสาเต้นเป็นเจ้าเข้าด้วยความหึงหวง ทำให้มลธิยามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างสังเวช แต่จะว่าไปแล้วตัวเธอเองต่างหากที่รู้สึกแย่ยิ่งกว่าใครเป็นไหนๆ จะมีใครรู้บ้างว่าตอนนี้เธอเจ็บยิ่งกว่าเจ็บเสียอีก แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะนอกจากจะเล่นไปตามเกมต่อไปจนจบเกม “คุณเข้าใจถูกแล้วล่ะค่ะคุณผู้หญิง ผู้ชายที่มากับคุณเคยนอนกับฉันจริงๆ เขาซื้อฉันในราคาที่แสนแพง ไม่เชื่อก็ลองถามเขาดูสิคะว่าเขาซื้อตัวฉันไปในราคาเท่าไหร่และซื้อไปแล้วกี่ครั้ง”
คืนนี้ที่ผับดังแห่งหนึ่งในใจกลางกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งแสงสีที่ยังไม่หลับใหล ได้ยินเสียงเพลงเบาๆ ปลุกเร้าให้หนุ่มสาวเคลิบเคลิ้มคล้อยตามไปกับเสียงเพลงอันแสนไพเราะจับใจ มลธิยารู้สึกว่าคืนนี้แขกเหรื่อดูจะหนาตามากกว่าหลายคืนที่ผ่านมาเกือบสองเท่า
“อาน่า...วันนี้แต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะ สงสัยคืนนี้พี่ว่าแกต้องได้หลายดริ๊งค์และได้ทิปหนักแน่ๆ เลย” รัตติกาลสาวนั่งดริ๊งค์รุ่นพี่เอ่ยถามมลธิยาน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่ผับได้ไม่กี่เดือน
“ขอให้มันได้เยอะๆ อย่างที่พี่อ้อยพูดทีเถอะ...อาน่าจะได้มีเวลาดูแลแม่ที่บ้านบ้างเวลากลางค่ำกลางคืนบ้าง นี่ยังดีนะที่ยังมีป้าสลวยแกยังคอยมานอนเป็นเพื่อนแม่เกือบทุกคืน” ใบหน้าหวานมีสีหน้ากังวลลงทันทีเมื่อเอ่ยถึงมารดาที่กำลังป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
“เออน่า...อย่าคิดมากยิ้มเข้าไว้สู้ๆ โน่น...หนุ่มๆ มากันแล้ว รีบทำหน้าทำตาให้สวยเข้าไว้น้องรัก ป๊ะ...เรารีบออกไปต้อนรับกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันกินพวกยายกุ้งแห้งพวกนั้น” สาวใหญ่ดึงแขนร่างบางเดินเบียดฝูงผีเสื้อราตรีที่มาเที่ยวในผับไปตามทางที่แขกผู้มาใหม่กำลังเดินมา
“สวัสดีค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ สองที่ใช่ไหมคะ” รัตติกาลที่พูดเก่งกว่าเชื้อเชิญสองหนุ่มหล่อที่เธอคิดว่าทั้งคู่หล่อสะดุดตามากๆ ให้เดินตามเธอไป พลางหันไปฝากฝังมลธิยาให้ดูแลลูกค้าหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกัน
“อาน่าดูแลพี่คนนี้นะ ส่วนพี่จะดูแลหนุ่มหล่อคนนี้เอง โอเคนะจ้ะ”
ค่ำคืนนี้ ดูครึกครื้นมากเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงเงินเดือนออกและตรงกับกับวันหยุดด้วยกระมัง แต่ละคนจึงมาผ่อนคลายความเครียดหลังจากที่ทำงานหนักมาเป็นแรมเดือนในสถานบันเทิงแห่งนี้ แต่ก็คงมีอีกหลายคนที่มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหตุผลอื่น
อาณาฆินทร์ถูกเพื่อนรักอย่างภานุวัฒน์ชวนแกมบังคับให้มาดื่มเป็นเพื่อน และวันนี้เขาเองก็มีเรื่องหนักสมองอยู่เหมือนกัน จึงไม่ได้ปฏิเสธเพื่อนรักของเขาที่เพิ่งอกหักมาหมาดๆ
มลธิยารินเครื่องดื่มให้กับหนุ่มหล่อข้างกาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยดื่มสักเท่าไหร่ และเขาก็ยังไม่ค่อยคุยอีกด้วย เป็นคืนแรกที่หญิงสาวรู้สึกประหม่าในการนั่งดื่มกับแขก ก็เพราะแขกคนนี้ของเธอหล่อคมเข้มมากๆ มากเสียจนหญิงสาวไม่ค่อยกล้าสบตาด้วย
อาณาฆินทร์ยอมรับว่าสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา สวยและเซ็กซี่ไม่เบา หญิงสาวแต่งตัวด้วยชุดที่ค่อนข้างจะโชว์เนื้อหนังมังสามากเหมือนกัน ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ไช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจตนเองเหมือนกัน ที่อยู่ๆ เขาก็รู้สึกอยากขย้ำร่างบางที่นั่งยิ้มยั่วเขาตรงนี้นัก อยากจะลิ้มชิมรสกายสาวให้หนำใจ และดูสาวเจ้าก็เหมือนจะรู้ใจทำเป็นกระแซะเบียดเขามากยิ่งขึ้น
“เฮ้ย...เพื่อน...ดื่มหน่อยสิวะ ปล่อยให้ฉันดื่มอยู่ได้คนเดียว ใช่ไหมจ๊ะคนสวย” เมื่อเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืนภานุวัฒน์ก็เริ่มออกอาการมึนเมา เพราะรัตติกาลขยันรินเหล้าให้เขาดื่มเพื่อหวังจำนวนดริ๊งค์บ่อยเหลือเกิน
“นั่งตั้งนาน ยังไม่รู้จักชื่อกันเลย พอจะแนะนำชื่อให้พวกเรารู้จักได้ไหมคะ?” สาวสวยข้างกายภานุวัฒน์เอ่ยถามหนุ่มๆ เสียงหวาน และท่าทางหญิงสาวก็ไม่คิดที่จะรู้จักพวกเขาเพียงแค่ชื่อเท่านัน
“ได้สิครับคนสวย เอางี้...ถ้าจะให้พวกพี่แนะนำตัว ให้น้องสาวทั้งสองคนแนะนำตัวเองก่อนแล้วกันนะจ๊ะ” คนเมาเริ่มเสียงอ้อแอ้ ขณะที่อาณาฆินทร์แค่ยิ้มมุมปากนิดๆ
“ได้สิคะ นี่คือ อาน่า ดาวเด่นประจำผับนี้เลยนะคะ ปกติน้องเขาน่าจะรับแขกคนอื่นไปแล้ว แต่บังเอิญวันนี้น้องเขามาช้าน่ะค่ะ ก็เลยได้มานั่งบริการที่โต๊ะนี้” สาวใหญ่แนะนำเพื่อนสาวคนสวยก่อน เพราะรัตติกาลรู้ว่ามลธิยาค่อนข้างเรียบร้อยและพูดจาไม่เก่งเท่าใดนัก
“แล้วคุณล่ะครับ...ชื่ออะไร” ภานุวัฒน์เอ่ยถามสาวใหญ่ข้างกายด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม คืนนี้เขาคงจะขอให้สาวสวยอวบอิ่มคนนี้ปลอบใจเขาเสียแล้วกระมัง
“ชื่ออ้อยค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงหวาน พลางส่งสายตาพราวระยับไปให้
“ผมคิดว่าอ้อย...คงจา...หวาน...ไปทั้งเนื้อทั้งตัวเลย ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าแต่เริ่มเอาแขนโอบไหล่สาวเจ้าเข้ามาแนบชิด มือไม้ก็เริ่มจะกลายเป็นหนวดปลาหมึกเข้าไปทุกที
“ถ้าอยากรู้ว่าอ้อยหวานแค่ไหน ก็ลองชิมดูสิคะ” ร่างอวบอึ๋มทำท่าอ่อยเหยื่อเต็มที่
“ถ้าอย่างนั้น...เราออกไปต่อกัน...ข้างนอกดีไหม” คืนนี้ภานุวัฒน์ตั้งใจจะเที่ยวให้ลืมความเศร้าความผิดหวัง จึงไม่คิดที่จะปฏิเสธหญิงสาวข้างกายที่ทำท่าทอดสะพานให้เขามากเสียขนาดนั้น
“ดีค่ะ งั้น...เราไปกันเถอะค่ะ”
“กาย พรุ่งนี้แกค่อยมารับฉันนะโว้ย โชคดีนะเพื่อน ไปล่ะ” พอพูดจบหนุ่มสาวทั้งคู่ก็โอบเอวกันเดินออกไปจากผับ ทิ้งให้มลธิยากับอาณาฆินทร์นั่งที่โต๊ะกันลำพังเพียงสองคน
คืนนี้มลธิยาตั้งใจที่จะหาเหยื่อรวยๆ สักคนที่สามารถซื้อตัวเธอในราคาที่เธอพอใจ หากใครสักคนที่ให้เงินเธอมากพอที่จะนำไปเป็นค่าผ่าตัดเปลี่ยนไตและค่ารักษาตัวให้กับมารดาของเธอได้และท่าทางของเขาน่าจะเป็นคนดีและยังโสด เธอก็ยินดีที่จะมอบสิ่งที่หวงแหนมากที่สุดของเธอให้กับเขาคนนั้น เพื่อแลกกับชีวิตที่มีค่าของคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต
“แล้วคุณล่ะคะ ไม่คิดที่จะ...ไปต่อเหรอคะ” หญิงสาวกลั้นใจถามออกไปทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เธอยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ อย่างบอกไม่ถูกเมื่อสายตาคมจ้องมองหน้าเธอนิ่งๆ อย่างไม่อาจเดาใจได้
“ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ แน่ใจเหรอที่จะออกไปกับฉัน?” ชายหนุ่มเพียงแค่ถามหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น
“นะ...แน่ใจค่ะ ว่าแต่คุณยังโสดใช่ไหมคะ แล้วถ้าคุณ...เอ่อ...ถ้าคุณจะ” ร่างบางพูดได้แค่นั้นเธอก็หยุดพูด แล้วนั่งก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าชายหนุ่ม
ทำไมนะ ผู้ชายคนนี้ถึงทำให้เธอรู้สึกห่วงศักดิ์ศรีตนเองขึ้นมา ทำไมถึงต้องแคร์ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ
“ผมยังโสด และโอเค...ผมเข้าใจ คุณต้องการเท่าไหร่” ร่างหนาสบตาหญิงสาวอย่างประเมินราคา
“เอ่อ ถือเสียว่าฉันไม่ได้พูดอะไรไม่ได้ถามอะไรก็แล้วกันนะคะ ดื่มต่อดีกว่าค่ะ” สาวน้อยหยุดหัวข้อสนธนาทันที แล้วก็กระดกแก้วเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว เธออยากจะเมาเหลือเกินเพื่อลบความอายลงบ้าง
“ถ้าอย่างนั้น...ออกไปกับฉันเดี๋ยวนี้เลย รับรอง...เธอจะได้สิ่งที่เธอต้องการแน่นอน” ชายหนุ่มไม่พูดเปล่า แต่ลากแขนหญิงสาวเดินตามเขาไปอย่างถือสิทธิ์ร่างสูงพาเธอออกไปข้างนอกกับเขาทันที
“เดี๋ยว คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรกับคุณเลยนะ” คนตัวเล็กพยายามขัดขืนในตอนแรกเมื่อสำนึกบางอย่างขึ้นมาได้ แต่พอเห็นแววตาชักชวนแกมบังคับของเขา เธอจึงยอมให้เขาจับแขนเธอไปแต่โดยดีนั่นเพราะเหตุผลที่ว่า ‘เพื่อชีวิตของแม่’ มันแทรกเข้ามาอยู่ในหัวใจอย่างรวดเร็ว จึงจำใจยอมรับโอกาสนี้ไว้ทั้งที่กลัวและหวาดหวั่นในหัวใจอย่างที่สุด
มลธิยานั่งเงียบมาตลอดทาง แต่ในใจของเธอก็ภาวนาสาธุตลอดว่า ถ้าหากฟ้ามีตาก็ขอให้เธอได้พบเจอคนดีๆ บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้คนที่เธอนั่งรถมาด้วยตอนนี้เป็นคนดี และที่สำคัญขอให้เขาให้ในสิ่งที่เธอต้องการได้ด้วยเถอะ
“นี่เธอ...เต็มใจมาหรือเปล่าเนี่ย ถ้าเปลี่ยนใจก็ยังทันนะ ฉันไม่อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์” ชายหนุ่มพูดเสียงเข้มหันไปมองร่างบางข้างๆ อย่างไม่แน่ใจนักว่าหญิงสาวจะเอายังไง แต่ถ้าเธอคิดจะปฏิเสธเขาจริงๆ ชายหนุ่มก็จะไม่บังคับ
“เอ่อ...ไม่เปลี่ยนใจก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กหันไปมองเขาอย่างประหม่า
เพื่อแม่ๆ ๆ ๆ หญิงสาวท่องประโยคนี้ในใจไปตลอดทาง จนกระทั่งรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้าโรงแรมระดับห้าดาวแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองหลวง
อาณาฆินทร์เดินไปเปิดประตูรถให้หญิงสาวที่ยังนั่งนิ่งเป็นหุ่นไม่ไหวติง และเมื่อมลธิยาเห็นว่าชายหนุ่มเริ่มมองเธอด้วยเครื่องหมายคำถาม เธอจึงรีบเดินลงจากรถเพราะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ทั้งคู่เดินเคียงกันไปยังจุดบริการลูกค้าเพื่อเปิดห้องพัก
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังในห้องหรู ชายหนุ่มจึงเซ็นเช็คให้หญิงสาวด้วยตัวเลขที่เขาคิดว่า มันน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับสาวนั่งดริ๊งค์ที่น่าจะผ่านมือชายมาแล้วอย่างเธอ
“แค่นี้น่าจะพอนะ สำหรับคืนนี้”
สาวน้อยหยิบเช็คมาดู นี่หรือค่าความสาวของเธอ เมื่อดูตัวเลขมันอาจจะดูเยอะเมื่อนึกถึงค่าตัวที่เพื่อนสาวที่ทำงานด้วยกันเคยเล่าให้เธอฟัง แต่มันก็ยังไม่พอสำหรับค่าผ่าตัดและค่ารักษาพยาบาลของมารดาเธอเลย
“ดูจากสีหน้า คงยังไม่พอใจสินะ ไหนบอกฉันมาซิ เธอต้องการเท่าไหร่ถึงจะยอมนอนกับฉันคืนนี้” สายตาคมของชายหนุ่มพินิจมองหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเหมือนกำลังประเมินราคาค่าตัวเธออีกครั้งอย่างชั่งใจ
“สามแสนค่ะ” มลธิยากัดฟันข่มกลั้นความอายแล้วบอกออกไปอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากที่เขาจะตอบตกลง แต่เธอก็จะขอเสี่ยงดูสักครั้ง
“ตั้งสามแสน เกินไปมั้ง”
ร่างสูงกำยำเดินเข้ามาหาหญิงสาว เชยคางเล็กขึ้นมาเพื่อสบตากับเขา ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงอาการประหม่าขวยเขินของสาวน้อยที่ดูท่าทางจะไร้เดียงสา เขารู้สึกได้ว่าร่างเล็กตรงหน้ากำลังสั่นเทาน้อยๆ และเมื่อสายตาคมจ้องเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว เขาก็รู้ว่าเธอกำลังตื่นกลัวอะไรบางอย่าง
อาณาฆินทร์กำลังคิดว่าสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ มันคงเป็นเพียงแค่มารยาหญิงหรือเปล่าแต่มันก็ได้ผล เพราะมันทำให้เขาอยากจะสัมผัสเธอมากขึ้น และอยากจะรู้ว่าเธอมีดีแค่ไหนกันถึงได้เรียกค่าตัวแพงเสียขนาดนั้น
“ตกลง นี่คือเช็คสามแสนตามที่เธอต้องการ และฉันหวังว่าคืนนี้เธอคงจะทำให้ฉันพึงพอใจ สมกับราคาค่าตัวที่เธอได้รับนะ ไปอาบน้ำด้วยกันดีกว่า ฉันต้องการให้เธอถูหลังให้” ชายหนุ่มไม่รอให้หญิงสาวได้ตอบคำถาม แต่ร่างสูงเดินเข้ามาประคองคนที่กล้าๆ กลัวๆ เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกันทันที
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
แต่งงานกับนักเลงคนหนึ่งแทนพี่สาวและใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แต่ไม่คิดว่าจู่ ๆ สามีก็พลิกตัวกลายเป็นมหาเศรษฐีลึกลับที่มีอำนาจล้นฟ้า?เจียงช่านพยายามบอกกับตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอน เธอวิ่งกลับไปที่บ้านเช่าเล็ก ๆ นั้นและโผ่เข้าในอ้อมกอดของสามีและพูดว่า"พวกเขาบอกว่าคุณเป็นคุณฮั่ว จริงเหรอ?"เขาลูบผมเธอพลางพูดว่า"คนนั้นก็แค่หน้าตาเหมือนฉันเท่านั้นน่ะ"เจียงช่านรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย"คนนั้นน่ารำคาญมาก ยืนยันตลอดว่าฉันเป็นภรรยาเขา ที่รัก ช่วยจัดการเขาสักทีนะ"วันต่อมา คุณฮั่วปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนด้วยจมูกที่ช้ำและใบหน้าที่บวม "คุณฮั่ว นี่มัน?"มีคนหนึ่งอดถามขึ้นไม่ได้ เขายกยิ้มอย่างใจเย็น"ภรรยาสั่งให้จัดการ ผมจึงจำเป็นต้องลงมือหนักหน่อย"
มุกตาภาลูกนอกสมรสที่พ่อไม่ยอมรับ อุบัติเหตุค่ำคืนหนึ่งทำให้เธอตั้งครรภ์ สาวน้อยตัดสินใจไปหาพ่อของลูกเพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใคร สำคัญไปกว่านั้นไม่อยากให้แม่เสียใจ ทว่าความหวังเดียวพังภินท์ กลายเป็นเงินที่พ่อของลูกคิดทำทานให้เธอ เงินมาพร้อมคำพูดดูถูกดูแคลนทำให้หัวใจแทบหยุดเต้นในบัดดล น้ำตาไที่ไหลรินแห้งเหือดหายเพราะช็อก เธอหันหลังให้พ่อเลี้ยงมรุเดช กุมหน้าท้องต้องการขอกำลังใจเดินจากมา หนทางข้างหน้าจะยอมรับชะตากรรมนี้เพียงคนเดียว 'ลูก' เธอไม่อาจทำลายแต่เธอจะลืมเขาให้หมดหัวใจ ผู้ชายที่เป็นรักแรกซึ่งได้มอบราคีร้ายให้เธอ คิดเสียว่าไม่เคยเหยียบย่างมาที่นี่และขอลาเขาชั่วชีวิต ตามที่เขาต้องการ
หลังจากแต่งงานมาสามปี ฮั่วเป่ยอวี๋ไม่เพียงแต่เย็นชากับเสิ่นเจียงหนานเท่านั้น แต่ยังคบชู้ ทำให้เสิ่นเจียงหนานผิดหวังมาก เขาก็แค่ชายเจ้าชู้นี่เอง หลังจากหย่ากันอย่างเด็ดขาด เธอก็มุ่งหน้าไปทำงาน ในฐานะนักออกแบบชั้นนำ แพทย์ผู้อัศจรรย์ และแฮ็กเกอร์เก่งๆ เธอเชี่ยวชาญหลายๆ ด้านและกลายเป็นเจ้าหญิงที่ทุกคนชื่นชมและเป็นที่ต้องการ ในที่สุด ฮั่วเป่ยอวี๋ก็ตระหนักถึงสิ่งที่เขาสูญเสียไปและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะใจเธอ แต่เขากลับเห็นเธอจัดงานแต่งงานแห่งศตวรรษร่วมกับชายอีกคน เมื่องานแต่งงานของคนสองคนถูกถ่ายทอดสดบนป้ายโฆษณาที่ใหญ่ที่สุดในโลก-- เผ๋ยเหยียนหลี่สวมแหวนให้เธอ และประกาศให้โลกได้รับรู้อย่างท่วมท้น "เสิ่นเจียงหนานเป็นภรรยาของผมและเธอเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผม ใครกล้ามาแตะต้อง ต้องเจดีแน่!"
ชีคชามิล บิน ไซฟูติน ชีคหนุ่มจากแดนไกลที่หลงรักสาวน้อยหน้าหวานดวงตาสวยแปลกเพื่อนรักของน้องสาว อญู่ร่า อิลฮัม หญิงสาวชาวไทยที่แอบหลงรักเพื่อนพี่ชายมานานแสนนาน แต่การพบเจอกันทำให้เขายื่นข้อเสนอที่ทำให้หญิงสาวโกรธจนหน้าแดงตัวสั่น การที่เธอไม่รับข้อเสนอของเขาก็เพราะหวาดระแวงไม่ไว้ใจ ดูเขาทำกับเธอก่อนหน้าสิ แล้วแบบนี้จะให้เธอหน้าชื่นตาบานรับข้อเสนอที่อาจมีอะไรแอบแฝงของเขาหรือไง “หม่อมฉันจะลองฟังข้อเสนอของพระองค์ดู แต่ไม่ได้หมายความว่าหม่อมฉันจะอยากรับข้อเสนอของฝ่าบาทหรอกนะเพคะ” อญู่ร่าบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงมั่นคง “เราจะใช้หนี้ให้พ่อของเจ้าทั้งหมด แลกกับการที่เจ้าต้องไปเป็นนางบำเรอของเราสามเดือน” “นางบำเรอ!!!” อญู่ร่าผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหจัด เขาจะดูถูกเธอมากไปแล้วนะ!
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง