ตอนเธออยู่ทำร้ายจิตใจต่างๆ นานา ตอนเธอจากไป...เขาเหมือนคนกำลังจะตาย เขาเห็นเธอเป็นเพียงดอกไม้ริมทางที่จะเด็ดมาดอมดมเมื่อไหร่ก็ได้ และเหยียบย่ำน้ำใจเธออย่างแสนสาหัส ทำให้เธอเจ็บปวดกับคำว่า “เมียลับ” แต่ความทุกข์ทรมานที่ได้รับแลกกับความสุขของมารดา...พวงชมพูยอม ……………… “ได้ข่าวมาว่า ตอนที่ฉันไม่อยู่ เธอไปแรดกับผู้ชายคนอื่นใช่ไหม” คนถูกถามตัวสั่น ไม่กล้าสบตาร้อนแรงของปราณปวิชที่แทบจะประหารเธอทางสายตา “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ตอบมา” พวงชมพูสะดุ้งสุดตัว ตัวเนื้อสั่นไปหมด ปากแข็งขึ้นมาราวกับถูกหินถ่วง “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง ฮะ” คราวนี้เสียงเขาตะเบ็งจนเธอสะดุ้ง ใบหน้าอาบไปด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นสีหน้าเขาตอนนี้ “ชม...ชมไปบ้านพี่ทัชมาค่ะ แต่เราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณปราบเข้า...ว้าย!” มือใหญ่จับท่อนแขนเล็กไว้แน่น ก่อนเหวี่ยงร่างงามไปบนที่นอน “ฉันเคยบอกเธอแล้วใช่ไหมว่า ตราบใดที่เธอเป็นนางบำเรอของฉัน เธออย่าริอ่านไปร่านกับผู้ชายคนอื่น ในเมื่อไม่ฟัง เธอก็ต้องได้รับบทเรียน” ม่านตาพวงชมพูขยายกว้าง เมื่อเขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ไม่ค่ะ ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้” พวงชมพูพูดเสียงสั่น กระเถิบตัวหนีเสือร้ายขี้โมโหที่พร้อมขย้ำตนให้ตายคาเตียง ทั้งที่รู้ว่า ไม่อาจหนีรอดจากเงื้อมมือเขาได้ “อยากเจ็บตัวเอง ช่วยไม่ได้” เขาคำรามเสียงเข้ม แววตาจ้องมองพวงชมพูประหนึ่งสัตว์ร้ายจ้องมองเหยื่อ ก้าวสามขุมไปหากวางน้อยที่กำลังหาทางเอาตัวรอด
งานการกุศลถูกจัดขึ้นภายในโรงแรมหรูกลางเมืองโดยสมาคมคุณหญิงลัดดา ในความดูแลของคุณหญิงนารถลดาผู้เป็นลูก งานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในโครงการของสมาคมที่มีอยู่ด้วยกันสิบสองโรงเรียน
รูปแบบของการจัดงานเป็นงานประมูลของโบราณของคุณหญิงลัดดากับสามีที่สะสมมานานกว่าห้าสิบปีที่มีมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบชิ้น คุณหญิงนารถลดาคิดว่า หากเก็บไว้เฉยๆ ก็ไร้ประโยชน์ จึงนำออกมาประมูลสามสิบชิ้น เพื่อนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายนำไปช่วยเหลือเด็กผู้ยากไร้และขาดแคลนทุนทรัพย์ในการเรียน นอกจากงานประมูลของโบราณ ยังมีการแสดงของเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาจากห้าโรงเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมง ห้องสำหรับให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการแสดงที่อยู่ไม่ห่างกับห้องจัดงานก็กำลังวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากมีสองโรงเรียนนำเด็กอนุบาลสองและสามมาทำการแสดง เด็กจอมซนพากันวิ่งเล่น ชนนั่นชนนี่จนข้าวของตกหล่นสู่พื้น ครูกับผู้ปกครองเด็กต้องพากันเก็บและปรามเด็กไม่ให้ดื้อไม่ให้ซน ซึ่งมันก็ยากสำหรับเด็กวัยนี้ ส่วนอีกสามโรงเรียนนำเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งและสองมาทำการแสดง เด็กในวัยนี้แม้ว่าจะซนแต่มีความเชื่อฟังมากกว่าชั้นอนุบาล
หนึ่งในเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่งจากโรงเรียนวัดไผ่วัวนามว่า เพชรกล้าหรือน้องเพชร ผู้มีใบหน้าหล่อตั้งแต่ ผิวพรรณดีราวกับเป็นลูกผู้รากมากดี ใครเห็นก็ทักว่า เป็นลูกคนมีเงิน แต่แท้จริงแล้วเพชรกล้าเป็นลูกชายของผู้หญิงธรรมดา ที่ปากกัดตีนถีบหาเงินตัวเป็นเกลียวเพื่อเลี้ยงลูกและมารดา รวมถึงตัวเธอเองด้วย เด็กชายมองไปยังประตูห้องแต่งตัวตลอดเวลา ราวกับว่ารอใครบางคนอยู่
“แม่ยังไม่มาเลยน้านก แม่จะมาไหมฮะ” เพชรกล้าถามรัชนีกร เพื่อนสนิทพวงชมพู มารดาแสนสวยของตน และยังเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นของผู้พูด “แม่บอกว่าจะมา ยังไม่เห็นมาเลย”
การแสดงในวันนี้เป็นการแสดงนอกโรงเรียนครั้งแรกของเพชรกล้า เด็กชายประหม่าและตื่นเต้น อยากได้กำลังใจจากมารดามากที่สุด ทว่าจนป่านนี้ยังไร้วี่แววพวงชมพู เพชรกล้ากลัวว่า มารดาจะผิดคำสัญญา
“มาสิครับ แม่ชมโทรมาบอกน้าเมื่อกี้ว่า ใกล้ถึงแล้ว ยังไงแม่ชมมาทันแน่นอนครับ” รัชนีกรตอบให้หลานชายคลายความกังวล
“จริงนะฮะ” เพชรกล้าถามย้ำ
“จริงสิครับ แม่ชมเคยโกหกหรือผิดสัญญาเพชรไหมครับ แม่ชมมาล้านเปอร์เซ็นต์ครับ” รัชนีกรตอบย้ำ เพชรกล้ายิ้มออกมาได้
“น้านก ผมอยากเข้าห้องน้ำ ปวดฉี่”
“ไปครับน้าพาไป แต่ต้องไปบอกครูปิ่นก่อนนะครับ”
เพชรกล้าพยักหน้ารับรู้ รัชนีกรเดินไปบอกครูนงเยาว์ แล้วเสร็จจึงพาเพชรกล้าไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากห้องแต่งตัว
น้าหลานแยกกันเข้าห้องน้ำ แล้วตกลงกันว่าใครทำธุระเสร็จก่อนให้มารอด้านนอก บังเอิญว่ารัชนีกรเกิดปวดท้องหนักขึ้นมาจึงเข้าห้องน้ำนานกว่าเพชรกล้าที่ออกมายืนรอตรงจุดที่รัชนีกรบอก ทว่าความเป็นเด็กยืนรอนานก็เกิดอาการเบื่อ และในขณะนั้นก็มีคนใส่ชุดมาสคอตรูปสัตว์และตัวการ์ตูนที่กำลังเดินไปยังงานเลี้ยงอีกห้องหนึ่งเดินผ่านมา เพชรกล้ารีบก้าวเท้าวิ่งไปดูทันที ความรีบร้อนอยากดูมาสคอตและไม่ทันระวัง จังหวะที่กำลังวิ่งเลี้ยวไปทางด้านขวา เพชรกล้าชนกับชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าห้องน้ำ ร่างเล็กกระเด็นลงไปนั่งวัดพื้น ชายร่างสูงใหญ่ตกใจรีบย่อตัวดูอาการเด็กชายที่ตนชน
“เป็นยังไงบ้างครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ลุงขอโทษนะครับ ลุงไม่ทันระวัง”
ปราณปวิชลูกชายคุณหญิงนารถลดา เจ้าของงานการกุศลที่เพชรกล้าต้องขึ้นแสดงบนเวทีเอ่ยขอโทษและถามด้วยความเป็นห่วง เพชรกล้าเงยหน้ามองคนถาม
นัยน์ตาปราณปวิชนิ่งค้างยามสบสายตาอันบริสุทธิ์ของเด็กชายแปลกหน้า ที่คล้ายกับว่าเขากำลังส่องกระจกมองดูตัวเองในเยาว์วัย อีกทั้งนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเหมือนมีพลังดึงดูดให้เขาไม่อยากเคลื่อนสายตาจากใบหน้าเด็กชาย เพียงแค่ไม่กี่วินาทีที่ได้สบตา ปราณปวิชรู้สึกผูกพันกับเด็กคนนี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาแปลกใจมากที่รู้สึกเช่นนี้ ตอบตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
“ไม่เป็นไรฮะ ผมไม่เจ็บฮะ”
เพชรกล้าตอบขณะที่ปราณปวิชประคองให้ลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันที่ปราณปวิชจะพูดคำใด เสียงของรัชนีกรได้ดังขึ้นแล้วรีบเดินแกมวิ่งมาหาหลานชาย
“เพชรกล้า” ปราณปวิชมองต้นเสียงที่คิดว่าเป็นแม่ของเด็กชาย “เกิดอะไรขึ้นครับ”
รัชนีกรรีบดึงตัวหลานชายให้มายืนข้างตน แต่แล้วเธอก็ต้องอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มตรงหน้าแบบเต็มตา ก่อนหลุบตามองหน้าเพชรกล้า สองคนนี้หน้าตาละม้ายคล้ายกันมากเหมือนเป็นเครือญาติกัน แต่คงไม่ใช่เพราะพวงชมพูเคยบอกว่า พ่อบังเกิดเกล้าของเพชรกล้าไม่มีญาติพี่น้อง เป็นลูกที่ถูกทิ้งให้เติบโตอยู่ในสถานเด็กกำพร้า และที่สำคัญเขาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว รัชนีกรคิดว่าคงเป็นคนหน้าเหมือนที่เหมือนกันได้แม้ว่าไม่ใช่ญาติพี่น้อง
“ผมเดินชนลูกชายคุณน่ะครับ ผมขอโทษนะครับ”
ปราณปวิชกล่าวอย่างสุภาพ
“เพชรกล้าไม่ใช่ลูกของฉันค่ะ ฉันเป็นเพื่อนแม่ของเพชรกล้า” รัชนีกรบอกให้เขาเข้าใจ “เพชรครับ แม่มาแล้วนะลูก เรารีบกลับไปที่ห้องแต่งตัวดีกว่านะ จะได้ไปเตรียมตัวขึ้นแสดง”
“ฮะ ไปหาแม่กันฮะ” สีหน้าเพชรกล้าดีใจที่มารดามาทันตามสัญญา “ผมไปก่อนนะฮะคุณลุง”
“เพชรแสดงในงานการกุศลของสมาคมคุณหญิงลัดดาใช่ไหมครับ” ปราณปวิชถาม
“ใช่ค่ะ เพชรได้รับทุนน่ะค่ะ และเป็นตัวแทนโรงเรียนมาแสดงในงานวันนี้ค่ะ” คนที่ตอบคือรัชนีกร “ฉันกับเพชรขอตัวก่อนนะคะ ใกล้ถึงเวลาแสดงแล้ว”
ปราณปวิชไม่ได้พูดโต้ตอบ เขาส่งยิ้มให้น้าหลานที่เดินจูงมือกันไปยังห้องจัดเลี้ยง ขณะที่เพชรกล้าเดินตามรัชนีกร เด็กชายได้หันมามองหน้าปราณปวิชที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมและมองไปยังสองน้าหลาน ทั้งสองจึงมองสบตากันแล้วยิ้มให้กัน
บนเวทีมีการแสดงของตัวแทนเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา ผลัดเปลี่ยนมาสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนที่มาร่วมงาน โดยเฉพาะกับปราณปวิชที่เฝ้ารอคอยดูการแสดงของเด็กชายที่เขาเดินชนตรงทางเข้าห้องน้ำแบบใจจดใจจ่อ ซึ่งปกติแล้วเขาจะเฉยๆ กับการแสดงเหล่านี้ที่นั่งดูตามมารยาท ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร ทว่าครั้งนี้ไม่ใช่ เขาตั้งตารอเลยก็ว่าได้ ปราณปวิชอดแปลกใจไม่ได้ว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
เมื่อถึงคิวโรงเรียนวัดไผ่วัวนักเรียนจำนวนเก้าคนขึ้นมาแสดงบนเวที ปราณปวิชที่นั่งอยู่โต๊ะแถวหน้าสุดยิ้มกว้างและโบกมือให้เพชรกล้าที่ยืนอยู่แถวหน้า เพชรกล้าเห็นปราณปวิชจึงยิ้มให้และแสดงตามที่ฝึกซ้อมไว้
“เด็กผู้ชายที่อยู่แถวหน้าสุดหน้าตาเหมือนปราบตอนเด็กๆ เลยนะ” ปริญญาพูดกับภรรยาที่หันไปมองเด็กชายคนดังกล่าวตามสามมีบอก
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป