การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามีนำความปวดร้าวทั้งกายและใจให้เธอไม่น้อยพรนับพันหวังว่า พรที่เธอขอจะสัมฤทธิ์ผลในสักวันหนึ่งวันที่สามีไร้รัก จะรักเธอสุดหัวใจ.. ........ เธอชื่อพรนับพัน ที่แปลว่า มากด้วยพร แต่เธอปรารถนาเพียงแค่พรเดียวคือ ขอให้ได้ความรักจากใครสักคน...แค่คนเดียวก็พอ ...................... การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าสามี นำความปวดร้าวทั้งกายและใจให้เธอไม่น้อย พรนับพันหวังว่า พรที่เธอขอจะสัมฤทธิ์ผลในสักวันหนึ่ง วันที่สามีไร้รัก จะรักเธอสุดหัวใจ.. “ว้าย! พี่พี” ความตกใจที่ชุดนอนขาด และความเจ็บจาการถูกมือใหญ่ตะปบทรวงอกสาวแล้วขยำอย่างแรง ความเจ็บทำให้เธอนิ่วหน้า “ใช่ ฉันเอง ผู้ชายที่เธออยากได้เป็นผัวจนตัวสั่น อยากได้เพราะให้ตัวเองสบาย” พีรภัทรเค้นเสียงพูด มองเธอด้วยความเกลียดชังอย่างล้นเหลือ “ไม่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น” พรนับพันปฏิเสธเสียงสั่น ความกลัวเข้าแทรกในจิตใจ การกลับมานอนบ้านของเขาครั้งนี้ คงไม่ได้กลับมาเฉยๆ แน่ แล้วยิ่งท่าทางที่บอกถึงความโกรธสุมใจ ยิ่งทำให้พรนับพันหวาดหวั่น เนื้อตัวสั่นราวกับนกเปียกน้ำฝน “มันไม่ใช่อย่างที่พี่พีคิดนะคะ” “เธอนี่แสดงละครเก่งจริงๆ ทำหน้าตาใสซื่อ ทำอย่างกับว่าตัวเองเป็นนางฟ้า แต่แท้จริงแล้วเธอน่ะยิ่งกว่าขี้โคลนซะอีก เน่าเหม็นไปทั้งตัวจนฉันไม่อยากแตะต้อง” เขานำตัวมาคร่อมร่างสาว คำรามเสียงใส่อย่างน่ากลัว “ฉันก็เลยต้องดื่มเหล้าย้อมใจ ไม่งั้นคงกระเดือกเธอไม่ลง” “พี่พีจะทำอะไรหมิว อย่าทำหมิวแบบนี้เลย หมิวกลัว” ลูกนกร้องไห้ เธอรู้ดีว่า เรื่องอย่างว่าระหว่างสามีภรรยาเป็นเรื่องปกติ ทว่าสิ่งที่พรนับพันกำลังเผชิญตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ เขากำลังกระทำต่อเธอด้วยความโกรธแค้น ที่หญิงสาวไม่รู้ว่า เหตุใดอารมณ์เขาจึงเป็นเช่นนี้ เธอทำอะไรให้เขาโกรธหนักหนา “อย่าทำเป็นไม่เคยไปหน่อยเลย ทั้งที่ถูกขย่มมานับครั้งไม่ถ้วน” ค่ำนี้พีรภัทรได้เจอกับพลอยพรรณขณะกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนอีกสองคนในผับมารูแอล เขาได้รู้ความจริงอีกหนึ่งเรื่องของพรนับพัน เป็นเรื่องที่ทำให้อารมณ์ของเขาเกิดหงุดหงิดขึ้นมาทันใด
“เอามานะพี่หมิว เอาตุ๊กตาของน้องพลอยมานะ”
เสียงเด็กหญิงพลอยพรรณวัยหกปี ร้องบอกพี่สาวต่างสายเลือดวัยแปดปีทั้งน้ำตา มองตุ๊กตาบาร์บี้ในมือของพรนับพันด้วยความริษยา เป็นเพราะพลอยพรรณอยากได้ตุ๊กตาตัวนี้ ทว่าคนเป็นปู่กลับให้พรนับพันแทน
“ตุ๊กตาตัวนี้ของพี่นะพลอย คุณปู่ให้พี่ ของพลอยตัวโน้นไง” พรนับพันบอกน้องสาว ชี้ไปยังตุ๊กตาอีกตัวที่วางอยู่บนเก้าอี้ไม้
“ไม่ น้องพลอยจะเอาตัวนี้ ตัวนั้นน้องพลอยไม่ชอบ” พลอยพรรณเด็กหญิงที่มีนิสัยเอาแต่ใจสุดฤทธิ์ไม่ยอม อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตน “เอามานะ เอามาสิ”
พลอยพรรณเข้าไปยื้อแย้ง พรนับพันไม่ยอมดึงตุ๊กตากลับมา
“มันเป็นของพี่นะพลอย พลอยไปเล่นของพลอยสิ” พรนับพันที่ตัวโตกว่าบอกน้องสาวที่ไม่ยอมเช่นกัน การฉุดกระชากตุ๊กตาจึงเกิดขึ้น จังหวะหนึ่งพรนับพันดึงตุ๊กตาเข้าหาตัวสุดแรง พลอยพรรณจึงเสียหลักล้มลง หัวเข่าไปกระแทกกับก้อนหินบนพื้น เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บปวด
เสียงร้องไห้ดังเข้ามาในบ้านอีกหลังที่อยู่ติดกัน พีรภัทรในวันสิบหกปีกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงชิงช้าริมสนามหญ้าได้ยินเสียงนั้นพอดี เขาจำได้แม่นว่าเป็นเสียงร้องไห้ของพลอยพรรณ พีรภัทรจึงเดินไปดูตรงอิฐบล็อกช่องลมที่กั้นเป็นรั้ว เมื่อเห็นว่าพลอยพรรณทรุดตัวมองเข่าตัวเองที่เลือดไหล เขาจึงเดินไปเปิดประตูรั้วที่เชื่อมระหว่างสองบ้าน ก้าวเดินเข้าไปบ้านอีกหลังอย่างคุ้นเคย
“เป็นอะไรน้องพลอย” พีรภัทรถามพลอยพรรณ
“พี่หมิวผลักน้องพลอยค่ะ ฮือ...น้องพลอยเจ็บ” เด็กหญิงร้องไห้จ้า “พี่หมิวแย่งตุ๊กตาน้องพลอยค่ะ น้องพลอยกำลังจะแย่งคืนมา พี่หมิวก็ผลักพลอย...ฮือ”
“ไม่จริงค่ะ ตุ๊กตาตัวนี้ของหมิว ของพลอยตัวโน้น” พรนับพันไม่ได้แก้ตัว เธอพูดความจริง
“ไม่ใช่ค่ะ พี่หมิวโกหก ตุ๊กตาตัวนี้ต่างหากที่เป็นของพลอย” พลอยพรรณยืนกรานคำเดิม
“ทำไมเป็นเด็กนิสัยไม่ดีอย่างนี้นะ มาอาศัยเขาอยู่แท้ๆ ยังจะแย่งของของเจ้าของบ้านอีก นิสัยแย่มาก ทำอย่างนี้เรียกว่าอกตัญญูรู้ไหม...เอามานี่” พีรภัทรเชื่อคำพูดพลอยพรรณ เขากระชากตุ๊กตาในมือพรนับพันที่ไม่ทันตั้งตัว ก่อนส่งตุ๊กตาเจ้าปัญหาให้พลอยพรรณ “นี่ครับน้องพลอย น้องพลอยได้ตุ๊กตาคืนแล้วนะครับ อย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวพี่พีพาเข้าบ้านนะ”
พลอยพรรณยิ้มร่ากอดตุ๊กตาไว้แน่น จังหวะที่พีรภัทรประคองเด็กหญิงเข้าไปในบ้าน พลอยพรรณหันมาแลบลิ้นใส่พรนับพันที่ยืนร้องไห้ เจ็บปวดกับคำพูดของพีรภัทร พรนับพันไม่เคยคิดเทียบตัวเองกับพลอยพรรณ เธออยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด และยอมพลอยพรรณทุกอย่าง มีครั้งนี้ที่หวงของ หวงตุ๊กตาตัวใหม่ที่ศักดิ์ชัยซื้อให้
พรนับพันไม่ได้โดนแค่พีรภัทต่อว่า เมื่อคนในบ้านอย่างสมสมร คฑาเทพและเนตรนภารู้เรื่อง พรนับพันถูกสมสมรตีและดุด่า แล้วยังกำชับว่า ไม่ให้บอกเรื่องนี้กับศักดิ์ชัย หาบอกเธอจะโดนตีเพิ่มสามเท่า เป็นเช่นเคยที่พรนับพันเก็บเรื่องที่ตนถูกทำร้ายไว้เป็นความลับ ไม่เคยปริปากบอกศักดิ์ชัยเลยสักครั้ง
เก็บความเสียใจและเจ็บปวดไว้เพียงลำพัง...
งานวิวาห์แสนเรียบง่ายที่มีแต่คนในครอบครัวมาร่วมงาน ไม่ได้มีความสุขอย่างที่เจ้าสาวเคยวาดฝันไว้ว่า ก่อนถึงวันอันแสนสุข เจ้าบ่าวจะพาเธอไปลองชุดแต่งงาน ไปดูของชำร่วยด้วยกัน ถ่ายพรีเวดดิ้งเก็บไว้เป็นที่ระลึก คนในครอบครัวทั้งของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวต่างพูดคุยช่วยกันจัดงาน เรื่องสินสอดทองหมั้น และทุกคนที่มาร่วมงานอวยพรให้เธอกับสามีตามแบบที่ควรจะเป็น
ไม่ใช่เลย...ไม่ใกล้ความฝันสักนิดเดียว
มันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ชุดเจ้าสาวก็เช่ามาในราคาพันเจ็ดร้อยบาท แต่งหน้าทำผมด้วยฝีมือช่างแต่งหน้าราคาสบายกระเป๋า สินสอดก็น้อยนิดหากเทียบกับฐานะของเจ้าบ่าว มีเพียงเงินสองหมื่นบาท ทองคำแท่งหนักหนึ่งบาท แหวนก็เป็นแหวนทองหนักเพียงสองสลึงเท่านั้น
ใบหน้าเจ้าบ่าวไม่มีรอยยิ้ม หน้าเขาบึ้งตึงอยู่ตลอดเวลา ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ เขาแทบไม่มองหน้าเจ้าสาว ทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาเข้าพิธีวิวาห์ในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เจ้าบ่าวที่แสดงออกชัดเจน ครอบครัวของเขาก็เช่นกัน ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าสักคน ราวกับว่าถูกบังคับขืนใจให้มาร่วมงาน ต่างกับฝ่ายเจ้าสาวที่ต่างพากันยิ้มแย้มประหนึ่งปรีดากับงานแต่งงานครั้งนี้มาก
ก็ใช่...เพราะตัวเสนียดจัญไรกำลังพ้นไปจากชีวิต จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร
สถานที่จัดงานคือบ้านของเจ้าสาว ที่ไม่ได้จัดงานอย่างหรูหรา ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม มีเพียงการเลี้ยงพระเช้าห้าองค์ แล้วเสร็จก็เป็นพิธีรดน้ำสังข์ จากนั้นก็ถึงเวลาจดทะเบียนสมรส แล้วพิธีก็จบลงเพียงแค่นี้
จากนั้นก็มีคนรับใช้ของบ้านเจ้าบ่าว ลากกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของพรนับพัน สตรีที่เป็นเจ้าสาวไปยังบ้านของพีรภัทร บุรุษที่เป็นเจ้าบ่าว โดยมีครอบครัวของพีรภัทรเดินกลับบ้านพร้อมกับลูกสะใภ้ที่ไม่ปรารถนา ไม่มีครอบครัวเจ้าสาวเดินมาส่งหรือส่งตัวเข้าหอ
พรนับพันเดินไปที่พักพิงแห่งใหม่ด้วยใจร้าวราน ความเสียใจกลั้นได้ แต่กลั้นน้ำตาช่างยากเย็นเหลือเกิน ความหมางเมินจากครอบครัวสามีว่าเจ็บปวด ทว่าความรู้สึกนั้นน้อยนิดหากเทียบกับความเมินเฉย ไม่ใส่ใจ ไร้ซึ่งความรักจากครอบครัวของตน...ครอบครัวที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เกิด
เป็นความปวดร้าวหัวใจที่มากมายเหลือเกิน เสมือนมีเข็มแหลมคมทิ่มในดวงใจตลอดเวลา ปักลึกลงและลึกลง ลึกลงไปเรื่อยๆ ราวกับว่าความลึกของหัวใจไม่มีที่สิ้นสุด กว้างใหญ่มหาศาลที่สามารถฝังเข็มได้เป็นล้านเล่ม
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"