ผมไม่ได้ไปคลับเป็นครั้งแรก แต่ผมเจอกับเขาเป็นครั้งแรก เขาหล่อ... แต่สภาพเหมือนคนใกล้ตาย และผมก็เมา แต่มั่นใจว่าสติสัมปชัญญะยังครบถ้วน ผมช่วยพยุงเขา ทว่าเขากลับกระซิบบอกว่า... “ขอวางไข่หน่อย” วะ...วางไข่อะไรวะ!?
ผมไม่ได้ไปคลับเป็นครั้งแรก แต่ผมเจอกับเขาเป็นครั้งแรก เขาหล่อ... แต่สภาพเหมือนคนใกล้ตาย และผมก็เมา แต่มั่นใจว่าสติสัมปชัญญะยังครบถ้วน ผมช่วยพยุงเขา ทว่าเขากลับกระซิบบอกว่า... “ขอวางไข่หน่อย” วะ...วางไข่อะไรวะ!?
ไนท์คลับใต้ดินคือแหล่งซ่องสุมอบายมุขชั้นเลิศกลางมหานครนิวยอร์กของบรรดาหนุ่มสาวไฮโซ โดยเฉพาะพวกลูกหลานคนมีตังค์เพราะที่นี่ต้อนรับแต่ลูกค้ากระเป๋าหนักและสมาชิกวีไอพีที่มีปัญญาจะจ่ายเงินแลกกับความสนุกสุดเหวี่ยงเท่านั้น แน่นอนว่านักศึกษาปริญญาโทกระเป๋าแห้งอย่างผมไม่มีทางได้เข้าไปในไนท์คลับพวกนี้แน่ถ้าหากว่าผู้หญิงที่ผมกำลังคั่วอยู่ด้วยไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของที่นี่
ผมลงจากแท็กซี่ มาหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้าไนท์คลับสุดหรูที่มีการ์ดร่างยักษ์หลายคนเฝ้าอยู่ มือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ล้วงโทรศัพท์ออกมาโทรหาเอมิเลียให้ออกมารับ ยืนรอได้ไม่นาน สาวผมบลอนด์ในชุดเดรสสีดำก็พาเรือนร่างอวบอัดออกมาให้เห็น เธอตรงเข้ามากระโดดกอดผมทันทีพร้อมกับหอมแก้มอีกฟอดใหญ่
“คิดถึงจังเลยเควิน นึกว่านายจะไม่ยอมมาหาฉันซะแล้ว เห็นชวนทีไรก็บ่ายเบี่ยงตลอด”
เควิน คือชื่อภาษาอังกฤษที่เพื่อนฝรั่งเรียกกัน จริงๆ แล้วผมชื่อ กวินทร์ ฟังดูก็รู้เลยว่าเป็นคนไทย และที่ผมมาโผล่หัวอยู่ในเมืองฝรั่งแบบนี้ก็เพราะผมมาเรียนต่อปริญญาโทในคณะนิเทศศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก แต่การมาเรียนอย่างเดียวมันทำให้ผมเครียดจนแทบเป็นบ้า ดังนั้นเป้าหมายในการมานิวยอร์กของผมจึงเปลี่ยนไปตั้งแต่เดือนแรกที่มา มันไม่ได้มีแค่การเรียนอย่างเดียว แต่ยังมีปาร์ตี้จัดหนักและคั่วหญิงไม่เลือกหน้าอีกด้วย ความจริงแล้วผมก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่อยู่ไทย ทว่าพอมาเจอเพื่อนสนิทชาวจีนอพยพที่เป็นคอปาร์ตี้เหมือนกัน ชีวิตประจำวันเหมือนตอนอยู่เมืองไทยก็หวนกลับมาอีกครั้ง
“บอกแล้วนี่ว่าฉันติดทำโปรเจ็กต์ก่อนปิดเทอมกับเพื่อน ไม่เข้าใจหรือไง” ผมถามเสียงหวาน แต่กลับทำให้เอมิเลียยิ้มแห้งขึ้นมา
เธอรู้ดีว่าผมเป็นพวกไม่แคร์ใครนัก ถ้าหากอยากควงผมนานๆ ก็ต้องยอมผม เพราะไม่อย่างนั้น ผมก็พร้อมจะสลัดเธอทิ้งแล้วไปคั่วกับคนใหม่ทันที ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่อยากเสียผมไปแน่
แล้วก็จริงอยู่ที่ผมเป็นคนเอเชีย ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่สเป็กของสาวฝรั่งเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ผมถึงฮ็อตในหมู่พวกเธอนัก อาจเป็นเพราะผมมีรูปร่างสูงไม่แพ้ชาวตะวันตก ทว่ามีใบหน้าอ่อนหวานและคมเข้มในขณะเดียวกันด้วยก็ได้มั้ง ถึงทำให้พวกเธอติดผมกันงอมแงมขนาดนี้ ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าตัวเองเรียกได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีหรือเปล่า แต่คืนไหนที่ออกท่องราตรี ผมไม่เคยพลาดที่จะได้เหยื่อกลับมากินเลยแม้แต่ครั้งเดียว เคยได้ยินพวกเธอพูดบ่อยๆ เหมือนกันว่าที่สนใจผมเพราะผมมีเสน่ห์และเซ็กแอพพึลสูง
ผมไม่รู้หรอกมันเป็นยังไง ที่รู้ๆ คือไม่เพียงแต่พวกผู้หญิงฝรั่งเท่านั้นที่สนใจผม บางครั้งก็มีพวกผู้ชายด้วยที่มาเสนอตัวให้ผม ไม่สิ... เรียกว่ามาขอให้ผมเสนอตัวให้จะดีกว่า เพราะพวกนั้นคิดว่าผมเป็นโฮโมฯ จะเข้าใจผิดก็ไม่แปลกแหละ เพราะถึงผมจะมีความสูงเกือบถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตร แต่ก็มีรูปร่างผอมบางแม้จะมีกล้ามเนื้อแน่นไปทุกส่วน ประกอบกับการที่ผมชอบแต่งตัวจัด สำหรับคนที่แต่งตัวธรรมดา มองยังไงก็เป็นโฮโมฯ
ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่เคยอยากจะลองมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันหรอกนะ แน่ล่ะว่าผมปฏิเสธไปทุกราย
“เข้าใจสิ แค่นี้ต้องดุด้วยเหรอ” เอมิเลียว่ากระเง้ากระงอดพลางเบียดหน้าอกอิ่มเข้ามาที่แขนผม
“ไม่ได้ดุ เสียงฉันฟังดูเหมือนดุตรงไหน” ผมเหลือบมองเธอ ยิ้มให้แล้วถามต่อ “แล้วนี่จะเข้าไปกันได้หรือยัง”
เอมิเลียนึกขึ้นได้ในตอนนี้เองว่าผมยืนอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้ว ก่อนเธอจะเข้าไปกระซิบบอกการ์ดว่าผมเป็นเพื่อน แล้วก็พาผมเข้ามาข้างในโดยสะดวกโยธิน
เสียงเพลงอิเล็กทรอนิกส์และเสียงหัวเราะร่วนดังลอดออกมาจากประตูทางเข้าเรียกให้เลือดในกายผมแล่นพล่าน อยากจะเอ็นจอยเต็มแก่ เอมิเลียพาผมเข้ากลุ่มเพื่อนสาวของเธอที่นั่งเล่นโป๊กเกอร์ดวดวอดก้าอยู่ยังโซฟามุมห้อง เธอแนะนำผมให้เพื่อนๆ รู้จักพอเป็นพิธี ก่อนที่พวกเพื่อนๆ ของเธอจะร้องเสียงขรมด้วยเคยได้ยินกิตติศัพท์ของผมดี
“นี่น่ะเหรอเควินเสือผู้หญิง หล่อสมคำร่ำลือจริงๆ แฮะ” ไวโอเล็ต หนึ่งในเพื่อนของเอมิเลียทักขึ้น ผมจึงหันไปหยักยิ้มให้เธอเล็กน้อย
“ถ้าไม่ติดว่านายมากับเพื่อนฉันล่ะก็ ฉันจะชวนนายเข้าห้องน้ำแบบไม่คิดเลย” เธอว่าขึ้นมาอีก ผมรู้ดีว่าการชวนเข้าห้องน้ำนั้นคืออะไร แน่ล่ะ มันคือการพากันไปฟาดแบบอาหารจานด่วนนั่นเอง
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว คนนี้ของฉัน” เอมิเลียว่าเสียงแข็งเมื่อได้ยินเพื่อนสาวพูดอย่างนั้น เรียกเสียงหัวเราะของคนทั้งกลุ่มให้ดังขึ้น
“ก็แค่พูดเล่นน่า คิดมากไปได้ มาเล่นโป๊กเกอร์กันต่อเถอะ กำลังได้ที่เลย” ไวโอเล็ตรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่เพื่อนเธอจะคว้าขวดวอดก้ามาฟาดหัวเธอจริงๆ “นายก็เล่นด้วยสิเควิน สนุกนะ”
ผมตกปากรับคำทันที และแน่นอนว่าสาวๆ พวกนี้รวมหัวกันโกงให้ผมแพ้เพื่อจะมอมเหล้า ผมรู้แต่ผมก็ยอมเพราะกระหายแอลกอฮอล์มาเป็นอาทิตย์แล้ว ทว่าการมอมเหล้าผมไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเธอคิดนัก ก็ผมน่ะคอแข็งจะตาย ยิ่งดื่มเยอะ เลือดนักสังสรรค์ในกายก็ยิ่งสูงขึ้นจนผมเริ่มจนผมกลายเป็นตัวสร้างสีสันให้กลุ่ม และนั่นก็ทำให้เอมิเลียออกอาการหวงผมมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว พยายามนัวเนียตลอดเวลาจนผมอดใจไม่ไหว กอดรัดฟัดเหวี่ยงเธอต่อหน้าเพื่อนๆ ไปหลายรอบ หากแต่พอเกือบจะเข้าด้ายเข้าเข็ม เอมิเลียก็ดันเมาหลับไปเสียก่อน ผมจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นเพื่อนในกลุ่มของเธอแทน
อย่างที่บอกว่าผมไม่แคร์ ถ้าใครตอบสนองผมไม่ได้ ผมก็พร้อมที่จะหาคนใหม่มาแทนทันที และใครคนนั้นก็คือไวโอเล็ตที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอส่งสายตาหยาดเยิ้มมาให้ผมอยู่นานแล้ว ทำไมผมจะไม่รู้ว่าสายตานั่นเป็นการเชิญชวน
ผมไล่สายตามองรูปร่างใต้ชุดเดรสสีแดงสดของเธอพลางเลียริมฝีปากยั่ว ไวโอเล็ตหัวเราะเบาๆ ยื่นเท้ามาลูบขาผมที่ใต้โต๊ะเป็นสัญญาณให้ผมเตรียมพร้อม ไม่นานนัก เธอก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทันทีที่เพื่อนๆ ของเธอเมาคอพับคออ่อน ผมเองก็กำลังเมาได้ที่ แต่พอเห็นโอกาสงามอย่างนั้น ผมก็เลือกที่จะคว้าไว้ ทิ้งจังหวะนิดหน่อยก่อนจะลุกตามไป
พอเลี้ยวมายังหัวมุมทางเข้าห้องน้ำ มือบางของไวโอเล็ตที่ดักรออยู่แล้วก็โอบลำคอผมไปจูบอย่างดูดดื่ม ผมสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงเธอ กะว่าจะจัดการให้เสร็จตรงนี้ ทว่าเธอก็คว้ามือผมเอาไว้ก่อน
“ตรงนี้ไม่ได้ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ว่าจบก็ลากผมไปยังประตูหลังไนท์คลับซึ่งเป็นตรอกแคบๆ ไร้ผู้คน มีเพียงแสงไฟสลัวจากหลอดไฟเก่าๆ เท่านั้นที่ส่องมาพอให้มองเห็นบ้าง
มันจะน่าพิศสมัยมากถ้าหากไม่มีถังขยะใบใหญ่ตั้งตระหง่านส่งกลิ่นคลื่นเหียนอยู่ แต่ในเวลาอย่างนี้ อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับการซุกไซ้ร่างอวบอั๋นตรงหน้าแล้ว ผมดันเธอไปชิดผนัง จัดการบรรเลงตามสัญชาตญาณดิบจนทุกอย่างเข้าที่ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้านหลัง ล้วงเอาซองพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมจัสตุรัสออกมาแล้วฉีกมันออก
ไวโอเล็ตมองยางสีขาวขุ่นทรงยาวแล้วก็หัวเราะออกมา
“เตรียมพร้อมดีจังนะ”
“รักสนุกก็ต้องรู้จักเซฟ” ผมบอก พลันส่งให้ไวโอเล็ตถือมันไว้ เลื่อนมือไปปลดเข็มขัด แต่ก็ต้องส่งเสียงจึ๊ปากอย่างขัดใจเมื่อโทรศัพท์มือถือของไวโอเล็ตที่เหน็บอยู่ในร่องอกเธอดังขึ้นมา
เธอยกมือขึ้นจุปากเป็นสัญญาณให้ผมเงียบก่อนกดรับ ผมถอนหายใจออกมาเต็มแรง พร้อมกับไฟราคะเมื่อครู่ที่มอดลงที่รู้ว่าคู่สนทนาของเธอคือแฟนหนุ่มที่โทรมาตามกลับบ้าน
“เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว อีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง อะไรนะ มารออยู่ข้างหน้าแล้ว!? โอเคได้ เดี๋ยวฉันออกไป”
พอวางสาย เธอก็หันมายิ้มแหยให้ผม ผมถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าสังเวียนครั้งนี้ถึงเวลาล่มไม่เป็นท่า
“ขอโทษนะเควิน ไว้ครั้งหน้าฉันจะแก้ตัวให้นะ” ว่าพลางส่งถุงยางอนามัยในมือคืนให้ผม
“ไปเถอะ เธอกับฉันคงไม่มีครั้งหน้าแล้ว” ผมตัดบทอย่างไร้เยื่อใย บอกตรงๆ ว่าโคตรจะอารมณ์เสียเลย
ไวโอเล็ตทำท่าจะพูดอะไร แต่ผมไม่สนใจ คว้าบุหรี่ขึ้นมาสูบ ทำให้เธอตัดใจแล้วหายเข้าไปด้านใน ทิ้งให้ผมยืนหัวเสียตามลำพังอยู่พักใหญ่
“บ้าฉิบ” ผมสบถเบาๆ อารมณ์อยากจะสนุกหายวับไปกับตา
ช่วยไม่ได้ สงสัยวันนี้จะไม่ใช่วันของผมแล้วล่ะ กลับห้องนอนเลยก็แล้วกัน
ผมโยนก้นบุหรี่ทิ้งลงพื้น ใช้เท้าขยี้มันจนดับ แล้วกำซองถุงยางอนามัยไปทิ้งที่ถังขยะ หากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อสายตามองเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ ถังขยะใบนั้นในอีกฝั่ง
ผมคิดในใจว่าหมอนี่ต้องรู้แน่ว่าเมื่อกี้ผมทำอะไร เพราะถึงจะไม่เห็นแต่ก็ได้ยินเสียงอยู่ดี ทว่าพอเห็นสภาพทรงตัวไม่ได้แล้ว ผมก็โล่งใจ สงสัยหมอนี่คงจะเมาไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมั้ง
ผมโยนของในมือทิ้ง สายตาก็ยังจับจ้องที่ร่างใหญ่ ที่มองไม่วางตาอย่างนี้ก็เพราะเสื้อผ้าที่หมอนี่ใส่ดูประหลาดตาจนเกินกว่าจะคนปกติจะใส่ออกมาเดินตามท้องถนนได้ ก็ชุดที่ใส่น่ะ มันเป็นชุดบอดี้สูทรัดรูปสีเงินเมื่อม ดูเผินๆ เหมือนกับชุดของสป็อค มนุษย์ต่างดาวในภาพยนตร์เรื่องสตาร์ เทรค ไม่ผิดเพี้ยน ต่างกันก็แค่ตรงสีกับความเงาเท่านั้น ผมเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้วถ้าหากว่าจู่ๆ เจ้าตัวไม่เงยหน้าขึ้นมาให้ผมเห็นเสียก่อน
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
กฤษฎิ์ พิสิฐกุลวัตรดิลก "อาหมอกฤษฎิ์" หนุ่มใหญ่วัย 34 ปี มาเฟียในคราบคุณหมอสูตินรีเวชแห่งโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศ โหด เหี้ยม รักใครไม่เป็น เปลี่ยนคู่นอนเป็นว่าเล่น สำหรับเขารักแท้ไม่เคยมีรักดีๆ ก็มีให้ใครไม่ได้ แต่สุดท้ายดันมาตกหลุมรักแม่ของลูกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น❤️ "เฟียร์สตีนอยู่ดีๆรู้ตัวอีกทีก็มีลูกสาววัย4ขวบแล้วอ่ะครับ แถมแม่ของลูกทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลยนี่เรียกว่าตกหลุมรักใช่ไหมครับ" นลินนิภา อารีย์รักษ์ "ที่รัก" สาวน้อยวัยแรกแย้มบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะยากจนสู้ชีวิต เพราะความจำเป็นทำให้เธอต้องตกเป็นของเขา คนนั้นด้วยความเต็มใจ จนทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคุณแม่ยังสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เล่นตลกเหวี่ยงให้เธอกลับมาพบกับเขาคนนั้นอีกครั้ง พ่อของลูกคนที่เธอถวิลหาไม่เคยลืม ❤️ "ตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรก ห่างกันไกลแค่ไหนใจยังคงคิดถึงเธอเสมอ ❤️พ่อของลูก" หนูน้อยแก้มใส กมลชนก อารีย์รักษ์ สาวน้อยวัย 4 ขวบ สดใสร่าเริง ฉลาดมาก ซนมาก แสบมาก เซี้ยวมาก เฟียสมาก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักในความช่างพูดและขี้อ้อนของน้อง "ลุงหมอเป็นพ่อขาของแก้มใสเหรอคะ" หนูเป็นลูกของคุณพ่อกฤษฎิ์กับคุณแม่ที่รักค่ะ หนูจะเป็นกามเทพตัวจิ๋วที่จะมาแผลงศรให้คุณพ่อกับคุณแม่รักกัน❤️มาเอาใจช่วยหนูกันด้วยนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด