“มะ...ไม่นะเจ้านาย กานต์ขอโทษ ยะ...ยกโทษให้กานต์นะ” สงกรานต์อ้อนวอนเสียงสั่น พลางพยายามกระถดหนีด้วยความกลัวว่าจะถูกชายหนุ่มใช้กำลังบังคับแต่ก็ถูกตรึงไว้ด้วยกายแกร่งอย่างแนบชิดทุกสัดส่วน ฮึ...ขอโทษหรือสงกรานต์ มันคงเทียบไม่ได้กับความหลอกลวงที่เธอทำให้ฉันกลายเป็นคนโง่...เป็นเจ้าสัตว์สี่ขานั่นหรอกนะแม่ตัวแสบ นี่เธอคงแอบหัวเราะอย่างสะใจข้างหลัง เพราะเธอกับพ่อหลอกลวงฉันมาได้ตั้งหลายปีสินะ
ตอนที่ 1
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วสงกรานต์ ห้ามเข้าใกล้น้องสาวฉันเกินสิบเมตร ทำไมถึงไม่เชื่อฟัง”
สงกรานต์สะดุ้งเฮือกเมื่อเจอกับน้ำเสียงดังสนั่นลั่นห้องราวกับฟ้ากำลังผ่าซึ่งมาจากชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ราวกับยักษ์วัดแจ้งที่กำลังยืนเท้าสะเอว
ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นคนผิวสีแทนอยู่แล้ว เมื่อต้องทำงานในไร่ในสวนตากแดดทั้งวันใบหน้าคมคร้ามดุกร้าวจึงเป็นสีดำคล้ำยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้กับคนที่ถูกเรียกชื่อเป็นยิ่งนัก
ใบหน้าขาวสวยงองุ้ม ริมฝีปากเบะออกอย่างไม่ชอบใจอย่างรุนแรงเหมือนกัน ไม่ใช่ความผิดเขา...เอ๊ย...ไม่ใช่ๆ เธอเสียหน่อยนี่น่า เพราะคุณน้องน้ำฟ้าต่างหากที่ชอบเข้ามาป้วนเปี้ยนวนเวียนหาทางเข้าใกล้ ขับไล่แล้วก็ไม่ยอมไป แล้วเธอจะไปทำอะไรได้มากล่ะ ก็เป็นเพียงแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้นเอง
สงกรานต์อยากระบายความหงุดหงิดและอึดอัดใจที่มีเหมือนกัน แต่มันก็มีเหตุผลที่ทำให้เธอทำอย่างนั้นไม่ได้ คงต้องโทษไอ้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตต่างหากที่ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นคนหลอกลวงคนอื่นแบบนี้ ต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พูดออกไปก็ไม่ได้ แต่พอไม่พูดก็กลายเป็นการทำร้ายตัวเองอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ถึงหน้าตาจะไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่ก็ถือว่าน่ารักมากอยู่ แต่กลับต้องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้ชาย ต้องแสดงออกให้เหมือนกับผู้ชายทุกอย่าง
สงกรานต์ก้มหน้าลงมองพื้นไม้ปาร์เกต์ที่ขัดเงาจนมันวาว น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้าเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว บ่อยครั้งที่สะดุ้งตื่นตอนดึกๆ เพราะฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอน
เหตุการณ์ที่แม้จะหลายปีผ่านพ้นไป แต่มันยังคงเป็นเหมือนแผลที่ตกสะเก็ด พอมีอะไรมาสะกิด เลือดก็ไหลออกมาทันที เหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องกลายมาอยู่ในสภาพแบบนี้ จะหญิงก็ไม่ได้ จะชายก็ไม่เชิง มันดูเหมือนเด็กหนุ่มที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่รู้ว่าจะพาตัวเองไปทางไหนดี ทั้งที่ความจริงแล้วในตอนนี้เธอน่าที่จะได้อยู่ที่บ้านหรือไม่ก็เรียนมหาวิทยาลัยอย่างที่วาดฝันเอาไว้
วันนั้น...วันที่เธอเรียนจบม.หกด้วยเกรดเฉลี่ยที่สูงมากกับข่าวดีเรื่องได้โควตาไปเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นมหาลัยที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกลับต้องเจอกับเรื่องร้าย เพียงแค่ย่างเท้าเข้าบ้านก็พบว่าข้าวของแตกกระจายเหมือนกับพายุเข้า เช่นเดียวกับภายในบ้านที่ข้าวของถูกรื้อค้น บางส่วนแตกหักเสียหายจนไม่มีชิ้นดี ที่ตกใจมากจนน้ำตาคนเป็นลูกไหลอาบแก้ม เพราะสภาพของบิดา
พ่อ...ถูกทำร้ายจนหน้าตาเขียวช้ำ มีหยดเลือดเกรอะกรังอยู่บริเวณริมฝีปากซึ่งแตกระแหง ดวงตาก็ปูดบวมจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ที่สำคัญที่สุดก็คือมีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กที่เธอชอบนั่ง เมื่อมองออกไปนอกบ้านจะได้เห็นดอกไม้ที่ปลูกไว้อวดโฉมอวดดอกแข่งกัน
เพียงแค่เธอเดินเข้าไป ดวงตาของพวกนั้นก็มองมาที่เธอเป็นจุดเดียวกัน ทำเอาสาวน้อยที่ยังไม่พ้นวัยรุ่นดีกลัวจนตัวสั่น ยืนแข็งอยู่กับที่ เย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เพราะสายตากักขฬะที่มองกายสาวน้อยที่ยังสวมชุดนักเรียนอย่างจาบจ้วงโลมเลียเหมือนกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกายและทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงกับเธอ
ยามที่หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเดินมาหาและวางมือลงบนบ่า ทำให้เธอถึงกับสั่นเทาด้วยความกลัวและขยะแขยงจนอยากที่จะสำรอกออกมา
“หนูคนนี้ลูกสาวแกสินะพนัส หน้าตาใช้ได้นี่ ขนาดอยู่ในชุดนักเรียนยังจะสวยน่ารักขนาดนี้ ถ้าเวลาที่ไม่มีเสื้อผ้าติดกายมันจะงามขนาดไหนวะ นางฟ้าก็นางฟ้าเถอะ ได้เห็นยังนี้ก็คงต้องรีบหลบด้วยความอายแหละมึงเอ๊ย ถ้าได้ร่วมนอนเตียงเดียวกัน โอ๊ย...สวรรค์บนดินเลยวะ”
คำพูดหยาบโลนและกักขฬะอย่างคนที่การศึกษาน้อยที่ดังจากปากสีดำคล้ำทำเอาสาวน้อยวัยเพิ่งจะแตกเนื้อสาวไม่นานถึงกับกลัวจนตัวสั่น เผลอก้าวถอยหลังด้วยความกลัวในทันที กายเย็นยะเยือก หัวใจที่แทบจะหยุดเต้นร่วงหล่นลงกองที่ตาตุ่ม
คำว่ากลัว รังเกียจและเกลียดสักอยู่บนหน้าผากอย่างชัดเจน เธอก้าวเท้าถอยไปด้านหลังแต่กลับต้องชะงักเมื่อสัมผัสถูกอะไรบางอย่าง เมื่อหันหน้าไปมองก็พบว่าเป็นชายที่ท่าทางเหมือนกับคนแรก แต่คนนี้ดูจะร้ายกว่ามาก เพราะมันไม่พูดอะไร แต่ใช้แขนเกี่ยวเอวเธอเอาไว้แล้วฝังใบหน้าเหม็นราวกับขยะของมันลงที่ลำคอระหงไล่และเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า
ขนกายเธอลุกชันด้วยสะอิดสะเอียน คลื่นความรังเกียจหมุนติ้วๆ ไหลขึ้นมาจากท้องน้อยจุกแน่นอยู่ที่อกและลำคอแต่ก็ต้องสะกดกลั้นไม่ให้มันไหลออกมาด้านนอก กายเล็กบางยืนนิ่งสนิทเหมือนถูกสาปให้ตัวแข็งเป็นหิน ใบหน้าเผือดสีไร้สีเลือด ในดวงตามีแต่ความกลัวที่ปกปิดเอาไว้ไม่มิดมองไปที่ร่างของบิดาซึ่งถูกคนในกลุ่มนั้นที่มากันห้าคนได้จ่อปืนที่ขมับอยู่
บิดาอยากร้องขอความช่วยเหลือ หากสิ่งที่ทำได้คือร้องไห้อย่างอดสูและหวาดกลัว
“แก...พะ...พวกแกอย่าทำอะไรลูกสาวฉันเลยนะ ฉันยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง พวกแกอยากได้อะไรก็ขนเอาไปเลย แต่อย่าทำลูกฉัน อย่าทำลูกสาวฉันเลย”
เสียงพ่อพูดพร่ำอ้อนวอนจนลิ้นพันกันจับคำไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนมาก็เป็นเสียงหัวเราะเหมือนกับซาตานร้ายผุดขึ้นมาจากนรกขุมสุดท้ายก็ไม่ปาน ปลายกระบอกปืนสีดำเขื่อมตบลงไปบนใบหน้าซึ่งปูดบวมอยู่แล้วให้ยิ่งบวมช้ำมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ก็มีเลือดไหลจากมุมหนึ่งของปากด้วย
“ให้เวลามึงสามวัน เอาเงินล้านหนึ่งที่เมียมึงติดเจ้านายกูไว้ไปคืน ไม่งั้นมึง...” ปืนกระบอกสีดำมะเลื่อมขยับแนบชิดที่ขมับพ่อและมีเสียงดังฟิ้วออกจากปากได้ตัวคนขู่
“ตาย!”
น้ำเสียงคนพูดแข็งกร้าวและเหี้ยมเกรียมจนเธอได้ยินแล้วกลัวตัวสั่น
“ส่วนลูกสาวมึง ขอนะ จะเอาไปเป็นของขวัญให้นาย สวยน่ารักแบบนี้ นายคงไม่อยากออกจากห้องนอน ไว้นายเบื่อเมื่อไหร่ พวกกูค่อยขอ แล้วค่อยพาไปให้เจ้ฉวี หน้าตาแบบนี้ คงทำให้เงินให้เจ้แกเยอะเชียวล่ะ”
“เงิน...เงินตั้ง...ตั้งล้าน สามวันหาให้ไม่ทัน ขอ...ขออาทิตย์นึงได้ไหม”
พ่อต่อรอง ตอนแรกพวกมันก็จะไม่ให้ แต่สิ่งที่พวกมันต้องการคือเงิน พ่อรีบเข้าไปในห้องของเธอ พลิกเตียงนอนขนาดสามฟุตครึ่งที่เก่าและขาดเป็นบางจุดขึ้น ก่อนจะสอดมือล้วงเข้าไปหยิบเอาซองสีน้ำตาลขนาดกระดาษเอสีออกมาเปิด ภายในมีธนบัตรใบละร้อยและใบละพันอยู่หลาย แต่ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นสร้อยคอทองเส้นใหญ่
พ่อเอาของพวกนี้มาจากไหน?
ทำไมถึงนำไปไว้ในห้องนอนของเธอ?
ไม่นานสงกรานต์ก็เข้าใจ เมื่อนึกขึ้นมาได้ พ่อเคยเปรยเรื่องแม่ใช้เงินหนักมือ ให้เท่าไหร่ไม่เคยพอและยังไปหยิบยืมคนโน้นคนนี้อยู่เสมอ แล้วยังมาอ้อนวอนขอพร้อมข่มขู่และค้นข้าวของทุกอย่างด้วย นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อหาทางหมกเม้มเงินเอาไว้ และสถานที่ซึ่งดีที่สุดก็คือห้องของเธอที่แม่ไม่ชอบเข้า เพราะเห็นว่าไม่สำคัญและไม่มีอะไรให้เจริญหูเจริญตา
“วันนี้ฉันให้พวกแกแค่นี้ก่อน แล้วอีกหนึ่งอาทิตย์ฉันจะหามาให้อีก นะ...นะ ขอเวลาอาทิตย์หนึ่ง อาทิตย์เดียวจริงๆ ไม่โกหกเลย”
“ได้ ให้โอกาสแกอีกหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าพวกกูมาแล้วไม่ได้เงิน แกเป็นศพ...” เจ้าตัวคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมและเลือดเย็นเหมือนกับว่าการฆ่าคนเป็นอะไรง่ายๆ อย่างกับบี้มดให้ตาย
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !