“แล้วใครกันที่เมื่อกี้พูดว่า...คุณต้องช่วยฉันนะ” “ใคร้...ใครพูด ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย” ถึงจำได้ แต่ทำไมละ จะทำตัวเป็นพวกความจำปลาทองในตอนนี้ ดาราเนตรเชิดหน้าไปฝั่งที่ไม่มีดวงคมพราวระยิบระยับที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว “ใครเป็นคนพูดกันนะ ใช่คนนี้หรือเปล่า” ปรมัตถ์ดึงเอาผ้าห่มที่หญิงสาวใช้ห่อตัวจนแทบจะเป็นดักแด้ออกมาได้เล็กน้อย นิ้วยาวลากไล้ลำคอระหงเคลื่อนไปถึงปลายคางมน “อืม...เอายังไงกับคนขี้ลืมดีนะ ขอรางวัลเป็นจุ๊บหนึ่งที หรือว่าจะจับลอกเปลือกแล้วกินจนหมดทั้งตัวดีนะ” ถามพร้อมมองไปทั่วกายกลมกลึงที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่ฝังตรึงอยู่ในสมองเขาจนแกะไม่ออก “งั้นฉันหอมแก้มคุณก็ได้” รีบตอบดักคอไปก่อนด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ เมินหน้าหนีนัยน์ตาพราวระยับจึงไม่ทันได้เห็นความเจ้าเล่ห์ที่แฝงอยู่ “ไม่ละ เปลี่ยนใจแล้ว ขอเป็นหนึ่งจูบและผมเป็นคนจูบด้วย” “อืม...งั้น ให้สองจูบเลย แต่...” คิดว่าเธอรู้ไม่ทันใช่ไหม ถึงจะฉลาดไม่มากนัก แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เอาตัวรอดได้ล่ะกัน ดาราเนตรแขนกลมกลึงยื่นออกมาโอบรัดรอบลำคอแกร่ง ปลายนิ้วลากไล้บนแผ่นหลังกว้าง ซอกซอนไปพัวพันจิกทึ้งกับเส้นผมหนานุ่ม “แต่ขอเป็นพรุ่งนี้ ตกลงไหม แบบว่าตอนนี้ฉันเหนื่อย อยากที่จะนอนแล้ว” “อืม...ก็ได้ แต่ว่า...” เอาสิเขาเองก็มีข้อแม้เหมือนกัน
ตอนที่ 1
ลับร่างชายหนุ่มคนสุดท้ายที่เดินออกจากห้องทำงานของเพื่อนรัก จารุชาก็รีบเดินปรี่ไปหาอย่างเร็วรี่ด้วยอยากรู้คำตอบ โดยไม่แม้แต่จะเคาะประตูบอกให้รู้
“เป็นไงบ้างยายเนตร พอมีใครบอกเข้าตาแกบ้าง” ว่าแล้วหญิงสาวร่างอวบค่อนไปทางเจ้าเนื้อก็นั่งลงบนโต๊ะทำงาน พลางมองเพื่อนตาไม่กะพริบเพราะความอยากรู้ แต่ยายเพื่อนตัวดีกลับไม่ยอมพูดอะไรเลย
“ว่าไง ไหนบอกมาเร็ว ๆ สิ ฉันอยากรู้นะ”
ดาราเนตรเบะปาก สีหน้าเบื่อหน่ายพร้อมส่ายศีรษะอย่างระอาใจ ไม่มีใครเข้าตาเลยสักคน แม้กระทั่งคนสุดท้ายตอนที่เห็นหน้าตาก็ให้รู้สึกว่าใช้ได้อยู่ รูปร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าเดินเหินมีสง่าราศี การศึกษาก็ดีอยู่ ใบรับรองทางการแพทย์ที่ยื่นส่งมาก็บ่งบอกถึงสุขภาพทางร่างกายอันสมบูรณ์แข็งแรง พอที่จะเป็นพ่อพันธุ์ได้ แต่...
พอได้คุยนะสิ เสียงก็ดังลั่นอย่างกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน ชอบคุยโวโอ่ตัวเองจนน่าเกลียด ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าเป็นคนหยิบโหย่ง ไม่เอาการเอางาน หนักไม่เอาเบาไม่สู้เสียมากกว่า
“อะไร ผู้ชายเกือบสิบคนไม่เข้าตาแกสักคนเลยหรือเนตร” จารุชาถามอย่างข้องใจ
ในสายตาเธอ ก่อนหน้าคนที่จะออกไปเป็นคนสุดท้าย พอใช้ได้ เท่าที่คุยกัน ก็รู้สึกว่าจะเป็นคนอัธยาศัยดี ใจเย็น สุขุม น่าจะพอทำให้ดาราเนตรนั้นตกลงใจที่จะเลือกเป็นคนอยู่เคียงข้างในระยะเวลาสั้น ๆ พอให้ได้เจ้าตัวน้อยสมใจ
“ไม่เลย ไม่เข้าตาเลยสักคน” ดาราเนตรตอบอย่างหนักใจ เวลาก็งวดเข้ามาทุกที แต่เธอยังหาคนที่จะมาเป็นพ่อพันธุ์ปั๊มลูกไม่ได้เลย ครั้นจะให้เลือกโดยไม่คิด มันก็ไม่ได้อีก ก็คนที่เลือกคือคนที่จะต้องมีอะไรกับเธอนี่นา แล้วจะให้เลือกแบบไม่คิดได้ยังไงกันละ
เฮ้อ…หงุดหงิดโว้ย! อยากจะบ้าตายแล้วนะนี่
“แล้วแกจะเอาไง ยอมแต่งงานกับคนที่คุณตาเลือกไหม”
“ไม่!” ดาราเนตรตอบปฏิเสธทันควัน ใบหน้านวลผ่องที่ตอนนี้ดำคร่ำเครียดและบึ้งตึงโน้มลงมาตรงหน้าเพื่อนสาว ปลายนิ้วยาวเรียวยื่นมาสะบัดตรงหน้าจารุชา
“จำไว้เลยนะยายจา แกห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด คนอย่างดาราเนตรไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ยังไงก็ต้องมีคนที่เข้าตาฉันแน่นอน”
“แล้วมันเมื่อไหร่ล่ะ
“ก็...เอาเหอะน่า ของแบบนี้จะให้รีบได้ยังไงกันล่ะ มันต้องใช้เวลาหน่อยสิ” ดาราเนตรเน้นย้ำ เพื่อให้ตัวเองมั่นใจ จะทำอย่างที่คิดไว้ได้ทันเวลา ทั้งที่เธอนั้นไม่แน่ใจเลย
“พูดอย่างกับแกไม่ร้อนใจอย่างนั้นแหละ”
“แกจะซ้ำเติมหรือช่วยคิดให้ฉันหาคนที่ถูกใจได้กันล่ะ”
“ช่วยจ้า...คุณดาราเนตรเจ้าขา แต่อิฉันก็มิมีปัญหานี่เจ้าค่ะ”
ดาราเนตรอดหัวเราะกับท่าทางทะเล้นของเพื่อนรัก
“แล้วแกเคยเห็นสิ่งที่ฉันทำไม่ได้บ้างหรือเปล่า” ไม่ได้คิดว่าตัวเองเก่ง แต่ทุกอย่างที่คิดทำ มักจะสำเร็จได้อย่างใจหวังตั้งใจเสมอ
จารุชาทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกไปว่า “เท่าที่จำได้ นับตั้งแต่ที่ฉันคบกับแกมา ไม่เคยมีอะไรที่แกทำไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ แต่เรื่องนี้มันต่างไปนะเว้ย ที่เราทำอยู่คือเลือกผู้ชายมาเพื่อ...นอนกับแกนะเว้ย” แค่หลุดปากไปนิดเดียว ไม่คิดว่าดาราเนตรจะจริงจังกับคำพูดที่ว่า...
‘ถ้าไม่อยากแต่งงานกับคนที่คุณตาเลือกให้ แกก็หาเองสิ...พ่อของลูกชั่วคราวน่าจะหาได้ไม่ยาก”
“เออ...รู้แล้ว แกไม่ต้องย้ำมากก็ได้” ดาราเนตรสบถด้วยหงุดหงิด
“แกคิดบ้างหรือเปล่า คนที่คุณตาเลือกให้อาจจะเป็นคนดี สามารถดูแลแกและทำให้แกมีความก็ได้”
ฮึ! เสียงขลุกขลักดังจากลำคอดาราเนตร “แล้วแกไม่คิดบ้างเหรอ ผู้ชายดี ๆ ที่ไหนเขาให้คุณตาฉันบังคับให้มาแต่งงานกับฉันล่ะ อีกอย่างนะจา ฉันไม่เคยเจอผู้ชายดี ๆ อย่างที่แกว่าเลยสักคน อ๋อ...ยกเว้นคุณตาฉันไว้หนึ่งคน”
จารุชาส่ายศีรษะด้วยอิดหนาระอาใจแกมเหนื่อยใจ ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูดเพื่อให้ดาราเนตรเปลี่ยนความคิด
“เชื่อเถอะยายจา ไม่ว่ายากแค่ไหน ฉันก็จะต้องทำได้แน่นอน”
มันต้องมีทางแน่นอน...สิ่งที่เธอหวัง จะต้องสำเร็จ เรื่องนี้ก็เช่นกัน...ครั้งนี้ไม่ได้ ก็ลองมันอีกครั้งสิ มันก็ไม่แน่ อยู่ดี ๆ โชคอาจจะแล่นเข้ามาหาแบบว่าไม่ต้องวิ่งตามไล่ล่าแต่ได้คนที่เธอพอจะรับได้มาทำรับตำแหน่งสามีชั่วคราวก็ได้ใครจะไปรู้ละ
ก่อนหน้านั่น 2 อาทิตย์
“แกจะเดินไปเดินมาให้ฉันปวดหัวด้วยอีกคนหรือไงกันจ้ะคุณดาราเนตรเจ้าขา” จารุชาเรียกชื่อจริงแทนชื่อเล่นของผู้เป็นเพื่อนที่เดินวนไปเวียนมาพาให้เธอเริ่มจะมีอาการวิงเวียนศีรษะ
“ก็คนมันกลุ้มใจนี่หว่า แกจะให้อารมณ์ดีหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอย่างแกได้ยังไง” ดาราเนตรตอบเพื่อนเสียงขุ่น ใบหน้ารูปไข่หงิกงอบึ้งตึงจนริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อแทบจะติดปลายจมูกเล็กโด่งเป็นสันอยู่แล้ว ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอนฉายแววเจิดจ้า ทั้งโกรธและอึดอัดคับแค้นใจ เธอข่มกัดฟันจนมีเสียงดังกรอด ๆ
‘เป็นเพราะคุณตากับไอ้พินัยกรรมบ้า ๆ นั่นแท้ ๆ เชียว ที่ทำให้เธอหงุดหงิด อึดอัดใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่แบบนี้ นำความมาบอกเล่าจารุชาว่าผู้เป็นตาได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ว่าให้เธอแต่งงานกับคนที่ท่านเลือกไว้หรือไม่ก็ตั้งท้องภายในเวลาที่ท่านกำหนด หากนอกจากจารุชาจะไม่ช่วยคิดหาทางออกให้แล้ว ยายเพื่อนตัวดีกลับหัวเราะจนท้องคับท้องแข็ง หน้าตาแดงเป็นตูดลิงไปได้’
“แกจะให้ฉันฉีกยิ้มอย่างกับโลกนี้ไม่มีความทุกข์ได้ยังไงกัน ก็รู้อยู่ว่าพินัยกรรมทำพิษนั่นกำลังจะทำให้ฉันประสาทกิน เพราะจะต้องแต่งงานกับใครก็ไม่รู้”
ดาราเนตรตวาดใส่เพื่อนเสียงแหลมอย่างไม่กลัวว่าจารุชาจะโกรธ ก็คนมันหงุดหงิดและกลุ้มใจอยู่นี่น่า คิดจนหัวแทบจะแตกแล้วแต่มันก็มองไม่เห็นทางออกของปัญหาเลย
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงฉันก็ยังไม่เคยเห็นหน้าคาตามาก่อน ไม่เคยรู้จักมักจี่...แต่จะต้องมาแต่งงาน นอนร่วมเตียงเดียวกัน เป็นแกจะทำใจได้ไหม แล้วไอ้บ้านั่นยังจะแตะเนื้อต้องตัวฉันอีก อี๋...คิดแล้วขนลุก หยักแหยงจะตาย”
เพียงแค่พูดว่าจะมีใครมาแตะต้องร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้ราคีคาว ดาราเนตรก็ขนลุกซู่ นึกอยากจะผูกคอตายวันละหลายรอบแล้ว ถ้าหน้าตาหล่อเหล่า หุ่นที่เห็นแล้วก็ขยี้ใจสาวแบบพระเอกละครไทยช่องน้อยสีที่กำลังมีผลงานจนโด่งดังเป็นพลุแตกอยู่ตอนนี้ก็ว่าไปอย่าง เธอพอจะทำใจได้บ้างอยู่หรอกนะ
แต่ถ้าคนที่เธอจะต้องร่วมหอลงโรงด้วยเป็นไอ้พวกโรคจิต ชอบทำให้เจ็บตัวก่อนที่จะมีอะไรด้วย หุ่นยังกับไม่เสียบผี หน้าตาอุบาทว์อย่างฟันเหยินออกมานอกปากหนา ๆ ตาปูดโปน จมูกยื่นออกมาราวกับปากเป็ดและงองุ้มอย่างกับแม่มดในนิทานล่ะ แค่กลางวันก็ยังชวนให้ขนหัวลุก เห็นตอนกลางคืนเธอไม่ช็อกตายก่อนจะได้ลูกหรือไงกัน แล้วไอ้ผู้ชายที่ต้องใช้ตัวช่วยแบบนี้นะ เชื่อได้เลยไม่ป่วยใกล้ตาย ก็หน้าตายิ่งกว่าผีเปรตแน่นอน!
‘คุณตานะคุณตา ไม่น่าหาเหามาใส่หัวให้หลานเลย ไม่ค่อยจะรักกันเธอก็ไม่ว่า แต่ดันเอาเหาตัวเท่าเป้งมาใส่หัวไว้อีกต่างหาก คิดแล้วมันกลุ้มจนหัวสมองแทบจะระเบิดแล้วนะนี่ โอ้ย! อยากจะบ้าเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไป’
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”