เพี้ยะ เพี้ยะ...!! กังสดาลยังยืนจ้องหน้าเมษา แล้วยกเรียวมือกางออกข่วน และตบลงไปบนผิวแก้มสีแทนนั่น สองสามที สลับซ้ายขวา “กังสดาล!!” ใบหน้าเข้มสะบัดหันไปตามแรงตบ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบรอยนิ้วมือบนผิวไปมา ลิ้นเรียวใหญ่เลียเลือดตรงมุมปาก แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์ ค่อยๆ หันมองร่างบางที่ยืนตัวสั่นเทา “กะ…เกลียดนัก คนใจเลว!” ทำใจกล้าเปล่งเสียงเขียวสะบัดใส่ พร้อมทั้งไม่ยอมขยับร่างถอยหนี ถึงจะมีความหวาดกลัวต่อสายตาเพชฌฆาตคู่นั้น “คำก็เลว สองคำก็เกลียด ดี… ฉันจะทำให้เธอเกลียดฉันไปจนตลอดชีวิต ยัยเด็กร่าน!!!” คนร่างโตก้าวเดินย่างสามขุมเข้าไปหาหญิงสาวที่ยังยืนอวดดีปากเก่ง “ยะ…อย่าเข้ามานะ” ใบหน้าซีดกลัวคนตรงหน้า กังสดาลขยับปลายเท้าก้าวเดินถอยหนี เบี่ยงตัวหวังจะวิ่งหนีเขาไปยังห้องของมารดา “มานี่! วันนี้ฉันจะเลวให้เธอเห็น” เมษาเดือดดาล ใบหน้าถมึงทึง ยามนี้หลานสาวไม่คิดที่จะเอ่ยชื่อของเขาเอาเสียเลย คนตัวโตเดินตามรอยเท้าของเจ้าหล่อน แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์จับจ้องอยู่ที่ร่างบางด้วยความโกรธ ขืนเขามองนานๆ ร่างบางตรงหน้าอาจจะเป็นเถ้าถ่านแน่ เขารีบคว้าข้อมือเรียวบางกำกระชับแน่น ออกแรงกระชากให้หญิงสาวเข้ามาปะทะหน้าอก พร้อมทั้งโน้มใบหน้าลงบนช่วงลำคอระหง เรียวปากหยักซุกไซ้จูบสัมผัสไปตามผิวขาวนวลบนหัวไหล่ ปลายจมูกโด่งคมสันดมดอมกลิ่นจากผิวหอมตรงร่องทรวงอกอย่างบ้าคลั่ง “กรี๊ดดดด... ปล่อยเดี๋ยวนี้! คนเลว…เลวที่สุด ได้ยินไหม… ฮือออๆ” กังสดาลส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอหวาดกลัวเขา “เธอตายแน่ กังสดาล!” เสียงอันทรงพลังเปล่งออกมาอย่างน่ากลัว ตุ้บตับๆ… ผลั๊วะๆ… มือเรียวสวยข้างขวายกขึ้นผลักดันใบหน้าเขาให้ออกจากทรวงอก และอีกข้างก็ตบตีขีดข่วนไปตามหัวไหล่ ลำตัวและแผ่นหลังของเขา “หึๆ ฉันเลวได้แน่ คืนนี้แหละ... ฉันจะยัดเยียดความเลวร้ายให้กับเธอ ยัยผู้หญิงร่าน!!” เมษาเค้นเสียงเยือกเย็นจนสาวเจ้าหนาวเยือกเข้าไปในกระดูกสันหลัง เรียวปากหนายังซุกไซ้สัมผัสทั้งดูด ทั้งเล็มผิวขาวตามต้นคอระหง และยังไล่เลียผิวผ่องไปตามเรียวคางงาม
บทนำ
เมษายืนแทบไม่ติดพื้นยามได้ข่าวจากนางสมนึก คนดูแลนางนวลฉวี ว่าพี่สาวถูกหามส่งโรงพยาบาล ใจของเขาร้อนรน ยืนเฝ้ามองร่างของนางนวลฉวีอยู่ปลายเตียงคนไข้ ใบหน้าเข้มเคร่งขรึมกลัดกลุ้มเจ็บหน่วงๆ ร้าวรานหัวใจที่สุด ดวงตาสีนิลจับจ้องมองร่างบางเพรียวเล็กของพี่สาว ที่นอนหายใจติดขัด เรียวตาตี๋ปลายหางตาตก ที่โบราณเขาเรียกว่าเรียวตาปลาดุกนั่น ขยับขึ้นลงมองสำรวจใบหน้าเรียวรูปไข่ ถึงจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่นก็ตาม แต่นั่นก็ยังคงไว้ความสวยงามและคล้ายคลึงใบหน้าของใครอีกคนหนึ่งที่เขาเฝ้าคิดถึงถวิลหาทุกลมหายใจเข้าออก
“กะ… กะ… กั้งลูกแม่ ลูกอยู่ไหน กลับมาหาแม่นะลูก มาหาแม่นะลูก…อึกก” ร่างของคนป่วยที่นอนพูดละเมอ เนื้อตัวสั่นไหวเพราะแรงสะอื้น ปลายหางตามองเห็นได้ชัดเจนว่านางนอนร้องไห้ทั้งที่ยังหลับสนิท แรงของการสะอึกและถอนหายใจนั่น โรยรินยิ่งนัก...
“พี่นวล” เมษาตื่นจากพะวง แล้วรีบขยับเท้าเดินเข้าไปหา แล้วหยุดยืนตรงปลายเตียงคนไข้ ยามได้เห็นร่างของพี่สาวขยับดิ้นไปมาบนที่นอน มือของนางยกขึ้นไขว่คว้าอะไรบางอย่าง
“อย่าไปลูก.. กลับมา..” นางนวลฉวีได้แต่ฉุดรั้งเอาแขนล่ำกำยำของน้องชายเข้ามาโอบกอด เสียงของนางกระซิบกระซาบแผ่วเบา เปรยเรียกหาลูกสาวคนเดียว แต่นั่นก็ยังทำให้ชายหนุ่มได้ยินอย่างชัดเจน
“พี่นวลครับ” เมษาปล่อยให้นางนวลฉวีฉุดรั้งต้นแขนอยู่อย่างนั้น ใบหน้าสีเข้ม ตรงข้างแก้มและเรียวคางนั่น เต็มไปด้วยเคราสีดำเป็นตอๆ ได้แต่ก้มมองใบหน้าของพี่สาว มันมีแต่คราบน้ำตาไหลอาบหางตา หยดย้อยเปียกแฉะใบหมอนที่หนุนอยู่ หัวใจอันแข็งแกร่งนั่นหวิวๆ ขึ้นมาทันที ยามได้ยินพี่สาวพร่ำเพ้อถึงใคร
“มะ… เมฆ...?” นางนวลฉวีขยับเปลือกตาอันพร่ามัวอย่างยากลำบาก หนักหน่วงตาเหลือเกิน พยายามกะพริบตาสะลึมสะลือปรับให้เข้ากับแสงสว่างของแดดที่ส่องมาตามหน้าต่าง แววตาสั่นไหวมองหน้าน้องชาย เปรยเสียงแผ่วหวิว พร้อมทั้งพยายามพยุงตัวเองให้ลุกนั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
“พี่นวลเป็นอย่างไรบ้างครับ?” เมษายังยืนชิดขอบเตียงด้านข้าง เรียวแขนอันแข็งแกร่งช่วยโอบพยุงพี่สาวให้ลุกนั่ง เขาปรับด้านหัวของเตียงให้ยกสูงขึ้น แล้วใช้หมอนหนุนไว้ด้านหลังของพี่สาว
“แค่กก… พี่หลับไปนานแค่ไหน?” นางนวลฉวียกมือปิดเรียวปากอันแห้งกรัง แล้วชำเลืองสายตามองหน้าน้องชายคนเดียว นึกเห็นใจชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ” เมษาเดินอ้อมไปยังอีกฝั่งของเตียงนอน เขาหยิบเหยือกน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แล้วเทน้ำใส่แก้วยื่นให้พี่สาว แล้วเลื่อนเก้าอีกข้างเตียงเข้ามานั่งลงตรงขอบเตียง
“ขอบใจเมฆมากนะ ที่มาเฝ้าดูแลพี่ทุกวันแบบนี้”
“ผมต้องมาดูแลพี่สาวคนเดียวของผมอยู่แล้วนี่ครับ” เมษาเงยหน้ามองเสี้ยวหน้าของหญิงชราผู้มีพระคุณ มองเห็นริ้วรอยความทุกข์ของพี่สาว
“พี่ป่วยแบบนี้ ทำให้เมฆไม่เป็นอันทำงานทำการ เพราะพี่…อึกก” ยกเรียวมือขึ้นปิดปาก หวังกลบเกลื่อนเสียงสะอื้น พร้อมทั้งเบือนสายตาอันร้าวรานหันไปมองทางอื่น ไม่อยากให้น้องชายเห็นน้ำตา ที่มันคอยแต่จะไหล ยามนึกถึงลูกสาวคนเดียว ถ้าเธออยู่... ป่านนี้คงจะมานอนเฝ้าและคอยดูแลนางเป็นแน่!
“พี่นวล!!” เมษาเงยหน้ามองพี่สาวที่นั่งตัวสั่นเพราะแรงสะอึกสะอื้น เขาก็ปวดใจใช่น้อย ยามได้เห็นนางนวลฉวีเป็นแบบนี้
“ถ้ายัยกั้งอยู่ เมฆคงไม่ต้องลำบากมาดูแลพี่” เปรยเสียงอันสั่นเครือแผ่วๆ ไม่อยากให้น้องชายมารับรู้ความในใจของตัวเองมากนัก
“พี่นวลอย่าร้องไห้เลยครับ” รีบขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้แล้วเข้าไปนั่งบนขอบเตียง ใช้วงแขนอันกำยำโอบกอดร่างเพรียวน้อยของพี่สาวไว้
“มะ…เมฆ พี่คิดถึงลูก ป่านนี่ยัยกั้งจะเป็นอย่างไรนะ?” ใบหน้าเหี่ยวย่นซบลงบนอกแกร่ง พร้อมทั้งส่งเสียงอันสั่นเครือ พึมพำหาลูกสาวสุดดวงใจ
“กั้งสบายดีครับ พี่นวลไม่ต้องเป็นห่วง” เสียงเข้มนุ่มฟังดูอบอุ่น แต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดร้าวรานใจ เอ่ยบอกพี่สาว หวังให้นางหยุดทุกข์โศกเศร้า
“พี่อยากเจอลูก… อยากเห็นหน้าหลาน…”
“ครับ” เมษาเอ่ยรับคำพี่สาว แต่แววตาของเขานั้นสั่นไหว ยามได้ยินคำว่า ‘หลาน’ มันช่างกัดกินหัวใจอันช้ำเหลือเกิน มันไม่ต่างจากเขาเอาเสียเลย หัวใจอันแข็งแกร่งดวงนี้ก็คิดถึงและเฝ้าฝันหาแต่พวกเธอทั้งสองไม่แพ้กัน
“เมฆ ไปตามยัยกั้งให้พี่ได้ไหม?” นางนวลฉวีผลักใบหน้าอันเต็มไปด้วยน้ำตาออกจากอกแกร่ง แล้วเงยมองหน้าน้องชาย ส่งแววตาอันปวดร้าวรานเข้าไปในดวงตาสีเข้ม หวังให้ชายหนุ่มรับรู้ว่านางขอโทษ ที่ทำให้เรื่องต้องเป็นแบบนี้ “พี่คิดถึงลูก.. อยากเห็นหน้าหลาน..”
นางนวลฉวีได้แต่พึมพำ เปรยเสียงกระซิบแผ่วเบาหาลูกหาหลาน ใบหน้าของนางยังซบบนอกแกร่ง
“ครับ ผมจะไปตามยัยกั้งกลับมาครับ” แววตาสีนิลก้มมองใบหน้าของพี่สาวผู้มีพระคุณ เขาพร้อมที่จะทำตามคำบัญชาของนางนวลฉวีทุกอย่าง พอเสียทีกับการที่ต้องทนรอคอย จะไม่ขอเจ็บปวดทรมานหัวใจอีกต่อไป พร้อมแล้วกับหัวใจช้ำๆ กลัดหนอง พร้อมที่จะไปตามเอาหัวใจของตัวเองกลับคืนมาเสียที และจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหนีหายไปไหนอีกเป็นแน่!
บทที่ 1
“วัยเรียน วัยรัก”
กรี๊งงง...!!!
เสียงกริ่งโรงเรียนมัธยมเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ในตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ ดังขึ้นติดๆ กันสองสามครั้ง เป็นการเตือนให้นักเรียนทั้งชายและหญิงรับรู้เป็นเวลาเลิกเรียนเตรียมตัวกันกลับบ้าน เสียงจอแจของนักเรียนชายหญิงมากหน้าหลายตา ต่างทยอยพากันเดินออกจากห้องเรียน บ้างก็จับกลุ่มเดินคุยกัน บ้างก็ยังนั่งเล่นหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ในชั้นเรียน
ไม่ผิดอะไรกับ กังสดาล.. สาวน้อยร่างอรชรอ้อนแอ้นเพรียวบาง วัย 16 ปี เธออยู่ในชุดนักเรียนกระโปรงสีน้ำเงินจีบรอบตัวยาวคลุมน่อง เสื้อเชิ้ตคอปกแขนจับจีบเป็นจ้ำสีขาว ตรงหน้าอกปัก ชื่อ นามสกุล และโลโก้ของโรงเรียน และตามด้วยหมายเลขชั้นเรียน ม.4/2 สาวแรกรุ่นสามสี่คน รวมทั้งกังสดาลพากันเดินออกมาจากห้องเรียนนั้น ยังมีสายตาสีนิลจับจ้องมองด้วยความรักความเสน่หา...
คำโปรย ราเชนทร์ เกียรติก้องพิภพ รู้สึกขัดใจเมื่ออยู่ ๆ เขาก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับเด็กในบ้าน เด็กที่พ่อแม่ของเขารับมาอุปการะเลี้ยงดู เขาไม่รู้ว่าเธอมีที่ไปที่มายังไง รู้แต่ว่าพ่อแม่รักเธอมาก มากขนาดบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอ ทั้ง ๆ ที่เขามีแฟนอยู่แล้ว ใครรักก็รักไป แต่เขา...เกลียดเธอ เขมจิรา กุสุมา เธอเป็นเด็กสาวที่พ่อแม่ของราเชนทร์รับมาอุปการะ ชีวิตเธอเติบใหญ่มาได้เพราะความเมตตาของพวกท่าน แล้วเธอจะขัดขืนได้อย่างไรเมื่อท่านต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายคนเดียวของท่าน แม้เธอจะรู้ว่าเป็นได้แค่ เงารักเจ้าสาวซ่อนใจ...เท่านั้น ราเชนทร์ปลดปล่อยธาราใส่ในช่อไม้ของหญิงสาว และก่อนที่เขาจะหมดสติหลับบนตัวของหญิงสาวเขาก็ละเมอออกมาว่า “ผมรักคุณ เกศริน รอผมนะ ผมจะหย่าให้เร็วที่สุด” “...” เสียงเข้มละเมอบอกรักแฟนสาวของเขา ช่างเหมือนสายฟ้าผ่าลงมากลางใจอันบอบช้ำของเธอ มันทำให้เขมจิราเจ็บปวดเสียใจ นี่เขาเห็นเธอเป็นตัวสำรองหรอกหรือ ขนาดร่วมรักกับเธอ เขายังพร่ำเพ้อบอกรัก คนรักของเขาไม่ขาดปาก “ทุกลมหายใจของพี่เชนทร์คงมีแต่คุณเกศรินสินะ” บทนำ “นี่เงินห้าล้าน ฉันให้เธอ แล้วไปจากที่นี่ซะ ไปก่อนที่จะมีงานแต่งระหว่างเธอกับฉันจะเกิดขึ้น” ราเชนทร์โยนซองสีน้ำตาลที่ในนั้นมีเงินสดตามจำนวนที่ชายหนุ่มมบอกลงบนโต๊ะรับแขก “พี่เชนทร์..” “เธอก็รู้ฉันไม่ได้รักเธอ และไม่ต้องการแต่งงานกับเธอ รับเงินแล้วออกไปจากชีวิตฉันซะ เขมมจิรา” ราเชนทร์คำรามเสียงเหี้ยม แล้วเดินออกจากห้อง พร้อมทั้งปิดประตูเสียงดัง ปัง! “พี่...” เขมจิรานั่งก้มหน้าร้องไห้ น้ำตาไหลเป็นสายอาบแก้มสองข้าง เธอไม่ได้เสียใจที่ราเชนทร์ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอ แต่เธอเสียใจที่เขาดูถูกเธอและไม่ยอมรับฟังเหตุผลของเธอแม้แต่น้อย ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเขา เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่ได้รักเธอ แต่เป็นเพราะคุณกันยา แม่ของเขามาขอร้องไห้เธอแต่งงานกับชายหนุ่ม ซึ่งคุณกันยาเป็นผู้มีพระคุณของเธอ รับเธอมาจากสถานที่เลี้ยงเด็กกำพร้า คุณกันยาเลี้ยงดูยกย่องเธอให้เป็นเหมือนหลานแท้ๆคนหนึ่งของท่าน เธอได้ที่อยู่ดีๆ ได้เรียนในโรงเรียนที่ดี ซึ่งหากไม่มีคุณกันยาเธอก็ไม่รู้ว่าชีวิตเธอจะเป็นอย่างไร และตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนในครอบครัวนี้ก็รักและเมตตาเธอทุกคน โดยไม่เคยขอร้องให้เธอทำอะไรตอบแทนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยกเว้นครั้งนี้.... ‘เข็ม ช่วยแม่สักครั้งเถอะนะ ถือว่าเห็นแก่แม่ได้ไหมลูก เข็มแต่งงานกับพี่เชนทร์ได้ไหมลูก’ คำขอร้องของคุณกันยา ทำให้เขมจิราช็อกไปชั่วขณะ ‘คุณแม่!คะ...คือพี่...’ ครั้งนั้นเธอจะปฏิเสธบอกผู้มีพระคุณท่วมหัวว่า ราเชนทร์มีคนรักอยู่แล้ว และชายหนุ่มก็คงไม่ยอมแต่งงานกับเธอแน่ ‘แม่ไม่เห็นใครเหมาะสมเท่าหนูแล้วนะ ที่จะดูแลตาเชนทร์ได้ดีเท่าเข็ม..’ ‘พี่เชนทร์มีแฟนแล้วนะคะคุณแม่ เธอชื่อเกศริน’ ‘แม่รู้ แม่ถึงอยากให้เข็มแต่งงานกับพี่เขาไง เพราะหล่อนคนนั้นเป็นผู้หญิงไม่ดี แม่ไม่ชอบ จะมีก็แต่ตาเชนทร์เท่านั้นที่ยังคงหูหนวกตาบอดไม่รู้ว่าอะไรเพชร อะไรกรวด ถ้าเข็มรักแม่ เห็นว่าแม่เป็นแม่แท้ๆของหนู เข็มทำตามคำขอของแม่ได้ไหมลูก’ คุณกันยากอดเขมจิราพร้อมกับลูบหัวเธอไปมา ‘นะเข็มนะ ถือว่าช่วยแม่สักครั้งนะลูก’ แล้วแบบนี้มีหรือที่เด็กกำพร้าที่ถูกผู้หญิงใจดีคนนี้นำมาชุบเลี้ยงจะกล้าปฏิเสธ เพราะบุญคุณท่วมหัวที่ท่านเลี้ยงมา ไม่อาจทำให้เธอกล่าวปฏิเสธได้ลง… เขมจิราทรุดนั่งลงบนเตียง เธอมองซองสีน้ำตาลด้วยหัวใจที่สั่นไหว เพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ยังไงก็ต้องมีงานแต่งงานเกิดขึ้น เธอไม่สามารถทรยศผู้มีพระคุณได้ แม้จะรู้ว่าจะต้องเจอพายุร้ายโหมกระหน่ำซัดสาดใส่ไม่หยุด “เข็มทำอย่างที่พี่เชนทร์ต้องการไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษนะคะ” เขมจิราพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินลุกขึ้นเพื่อเข้าห้องน้ำอาบน้ำนอน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน แม้จะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เจ้าบ่าวจะมาร่วมพิธีหรือไม่… ด้านราเชนทร์เมื่ออาละวาดข่มขู่หญิงสาวแล้ว เขาก็ขับรถออกจากบ้านไปด้วยความเร็ว จุดมุ่งหมายคือผับหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง เมื่อเดินทางมาถึง เขาก็เข้าไปด้านในนั่งโต๊ะประจำของเขาทันทีพร้อมกับสั่งเครื่องดื่มที่แรงที่สุดของผับมาดื่มอย่างไม่ยั้ง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องนึกถึงเรื่องงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ เสียงเพลงในผับดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง ผู้คนชายหญิงต่างพากันเต้นอย่างเมาส์มันโดยไม่สนใจโลกภายนอก และแล้วเกศรินแฟนสาวของเขาก็มาถึงเวลาตามนัด เกศรินมาในชุดแหวกอกสีแดงเพลิงเว้าหลังลึกลงไปถึงสะโพก รูปร่างเธอเย้ายวน อกเป็นอก เอวเป็นเอว ใครเห็นก็ต้องเหลียวหลังมองด้วยความตะลึง “เชนทร์ค่ะ..” เสียงดัดจริตแบบนี้ ทำให้ราเชนทร์ที่นั่งดื่มอยู่นั้นเหลือบตามอง เมื่อเห็นว่าเป็นแฟนสาว เขาก็คว้าหล่อนเข้าไปกอด และพูดว่า “ทำไมคุณมาช้าจัง คุณรู้ไหมผมมานั่งรอคุณนานแล้วนะ..” “นี่คุณเมาเหรอคะ” เกศรินไม่ขัดขืน หล่อนยืนกระแซะนั่งหมิ่นบนขาของชายหนุ่ม “ผมไม่เมา!” ราเชนทร์พูดลิ้นพันกันชิดซอกคอระหง “ไปค่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ นี่คุณเมามากแล้วนะคะ ลุกขึ้นสิคะ” เกศรินประคองชายหนุ่มพาเดินออกไปจากผับทันที “ไปพักที่คอนโดของคุณนะ ผมไม่อยากกลับบ้าน” เมื่อเข้าไปนั่งในรถ ราเชนทร์ก็บอกแฟนสาว “ได้สิคะ เดี๋ยวเกศจะจัดหนักจัดเต็มให้เชนทร์หายเมาเลยดีไหมคะ” หล่อนพูดพลางส่งสายตายั่วยวนให้กับชายหนุ่ม “อย่ายั่วกันสิ ไม่งั้นมันจะไม่ถึงห้องพักนะ” ราเชนทร์พูดพลางรั้งร่างบางยั่วเย้ามาบดขยี้ริมฝีปาก ซึ่งเกศรินก็ตอบสนองกลับอย่างเร่าร้อนไม่แพ้กัน “พอก่อนค่ะเชนทร์ เกศว่าเราไปถึงห้องก่อนดีกว่าไหมคะ ตรงนี้มันไม่เหมาะนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าอายเขาตายเลย” เกศรินแกล้งขัดขืน ทำเป็นหญิงไร้เดียงสา “โอเค” ราเชนทร์พยักหน้าชิดทรวงอกอิ่ม เขาผละจากร่างนุ่มนิ่ม ปล่อยให้เกศรินขับรถ.. เมื่อมาถึงห้องทั้งคู่ก็ตรงเข้าไปยังห้องนอน เขาทั้งสองช่วยกันถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็วและกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน ซึ่งราเชนทร์ถึงจะเมามากแค่ไหน เขาก็ไม่ลืมที่จะใส่เครื่องป้องกัน “กึกกักๆ” เสียงเตียงกระทบผนังห้องสั
คำโปรย ริชาร์ด เคาน์ซิคาโด้ ชายหนุ่มรูปหล่อตัวใหญ่สูงร้อยแปดสิบห้า พ่อรวยและเป็นลูกผู้ดีเก่า เพราะเขาคือ ลูกชายคนโตของเดวิดกับกล้วยไม้ เขาเติบโตมาด้วยความรักล้นเหลือจากครอบครัวและเขาเจริญรอยตามเดวิดที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสมาแล้ว เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าสายเลือดไม่สำคัญเท่ากับการเลี้ยงดู หนุ่มหล่อพ่อรวยคนนี้ยังเป็นถึงนายกรัฐมนตรีอายุน้อย จึงมีทั้งคนที่ชื่นชอบ และคนที่เกลียดชัง งานก็ต้องทำให้ทุกคนเห็นความสามารถ เรื่องความรักก็ต้องจัดการ แต่แม้จะมีสาว ๆ มากมายเพียงใด ในหัวใจของเขาก็มีเพียง ยูริ อัชลันบิน คนเดียวเท่านั้น ยูริ พลเมืองไร้สถานะเชื้อชาติ แม่ของเธอเป็นชาวมาเลเซียและเป็นหญิงขายบริการส่วนพ่อไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่จู่ ๆ เธอก็ได้เป็นเพื่อนกับแคทริน นั่นทำให้ได้เจอกับพี่ชายของเพื่อน แม้จะดีใจที่ได้อยู่ใกล้ชิดชายคนที่เธอแอบรัก แต่เพราะรู้ฐานะตัวเองดี ทำให้เธอปิดกั้นหัวใจมาตลอดจนกระทั่ง… ตอนนี้ เธอคือ ยูริ เคาน์ซิคาโด้ (มาร์โก) น้องสาวต่างพ่อของแม่ แมทธิว มาร์โก มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ของอิตาลีที่เป็นน้องเขยของริชาร์ด แถมเธอยังเป็นหลานของเดวิดอีกด้วย นั่น ทำให้กวางตัวน้อยของริชาร์ด กลายเป็นลูกเสือที่พ่อเสืออย่าง แมทธิวหวงมาก แต่ริชาร์ถือคติว่า ไม่เข้าถ้ำลูกเสือแล้วจะได้ลูกเสือมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้เขาจะต้องจัดการทั้งงานและสาว ๆ คนเก่าออกไปให้หมดก่อน.. แล้วเขาจะใช้ทุกเล่ห์ที่มีพากวางน้อยกลับมาให้ได้…..
“นี่เป็นยาคุมฉุกเฉิน กินซะ ถ้าไม่อยากอุ้มท้องโดยที่ไม่มีพ่อและเรียนไม่จบ.เพราะเมื่อคืนฉันไม่ได้ป้องกัน เพราะทนความร่านของเธอไม่ไหวเลยปล่อยในไปหลายครั้ง” เธออ่านข้อความนั้น ก่อนที่จะ... “ถ้าฉันท้อง ฉันก็จะเอาไอ้มารหัวขนนี่ออก คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะขอร้องให้คุณมารับผิดชอบ สบายใจได้” แคทรินหยิบยามาถือไว้ในมือ มืออีกข้างก็เขียนข้อความตอบโต้ด้วยสรรพนามที่เปลี่ยนไปเช่นกัน ไม่มีคำว่า พี่ หรือแคท อีกแล้ว ต่อไปนี้พวกเราจะเป็นคนที่เคยเจอกันเท่านั้น
“ฮืออ ฉันเจ็บ ไอ้คนสารเลว!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” ความสาวบริสุทธิ์ถูกทำร้ายทำให้เธอเจ็บร้าวหัวใจไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นและออกคำสั่งแกมขอร้องเขา “เก่งนักไม่ใช่เหรอ ร้องไห้ทำไม” แม้จะรู้สึกสะใจ แต่ลึกๆ แล้วก็อดสงสารและรู้สึกผิดไม่ได้ ทีแรก ไอศูรย์คิดว่าเธอจะช่ำชองเสียอีก ไม่คิดว่าจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนี้ “ฉันเกลียดคุณ ไอ้สารเลว ชาติชั่ว!!” ทันทีที่พูดจบ ขวัญฤดีก็ต้องกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เมื่อไอศูรย์กระแทกความใหญ่โตใส่โดยที่ไม่มีคำว่าปรานีจนเธอสลบไปในที่สุด “อย่าเพิ่งตายนะ ตื่นขึ้นมารับรู้สิว่าฉันกำลังย่ำยีเธอ” ไอศูรย์หยุดชะงักเมื่อเห็นร่างน้อยไม่ตอบสนอง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยากอ่อนโยนกับเธอ เขาจึงนอนทับโน้มหน้าเข้าหา จับหน้าเธอแล้วจูบริมฝีปากอิ่ม ปลายลิ้นลากไล้ลงมาที่ซอกคอระหงก่อนจะขบเม้มฝากรอยรักไว้ จากนั้นจึงลากลิ้นเลียลงมารอบดอกบัวคู่งาม ‘อื้อ ทุกส่วนสัดของเธอหอมหวานเหลือเกินขวัญฤดี’ เขาคิดพลางดูดดอกบัวคู่งามอย่างกระหายหิว แล้วลากลิ้นลงมาชิมกุหลาบงาม ‘ทำไมถึงได้หวานจับใจขนาดนี้นะ’ ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นสาบสาวแล้วกลืนกินน้ำหวานผสม ผสานเลือดสาวบริสุทธิ์รสชาติละมุนทุกหยาดหยด “อยะ อย่า” และถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้สึกตัว แต่ร่างกายกลับตอบรับสัมผัสเขาได้ดีทุกสัดส่วน ไอศูรย์กินน้ำหวานสีใสจากกุหลาบงามอยู่เช่นนั้นนานนับชั่วโมงอย่างเอร็ดอร่อย แล้วจึงค่อยขยับกายลุกขึ้นนั่ง จับความแข็งแรงถูไถตามร่องเนื้อบวมเป่ง ดันเบาๆ เข้าไปในตัวเธออย่างอ่อนนุ่มละมุน ก่อนขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จากนั้นก็ถี่ขึ้นเร็วขึ้นตามแรงอารมณ์ สุดท้ายก็ปล่อยธารรักสีขาวขุ่นเข้าไปในร่างบางทุกหยาดหยดอย่างลืมตัว...
“ไอ้คนเลว! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!” ด้านนุดีเมื่อเห็นหน้าวัลลภ เธอก็พ่นวาจาด่าหยาบคายใส่ทันที “จะลงนรกอยู่แล้วยังจะมาทำปากดีอีกนะ” วัลลภดันร่างบางให้หันหลังแล้วแก้เชือกที่มัดมือของเธอออก บังคับด้วยดวงตาถมึงทึงให้นุดีลุกขึ้น แต่กลับเป็นเขาเองที่อุ้มเธอออกจากรถ “โอ๊ยย!! ไอ้บ้า!! ฉันเจ็บนะ!!” เมื่อถูกปล่อยให้ยืน นุดีที่ไม่ทันได้ทรงตัวดีก็เซถลาชนข้างรถล้มลงไปกองบนพื้นดินแข็งๆ “อย่ามาทำสำออย ลุกขึ้น!!” วัลลภไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะเจ็บไหม เขาจับแขนเล็กกระชากอย่างแรงให้เธอยืนขึ้น “นายพาฉันมาทำอะไรในกลางป่าน่ากลัวแบบนี้” ดงป่าเขียวจนครึ้ม ต้นไม้สูงใหญ่ดำทมิฬหนาทึบ กิ่งก้านใบไหวไปตามลมผสมเสียงแปลกประหลาดร้องและวิ่งไล่กัดกันอยู่ในป่าหญ้าคาข้างทางทำให้นุดีกลัวจนหน้าซีด “นรกอเวจีไง อยากลงไปเล่นน้ำในกระทะทองแดงไหม” วัลลภก้มๆ เงยๆ อยู่หลังรถจึงไม่ได้ทันระวังภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง นุดีเป็นอิสระจากสายตาของชายหนุ่ม เธอยิ้มหยันเมื่อเห็นไม้กำลังเหมาะมือ แล้วจับท่อนไม้ขึ้นมาฟาดใส่กลางหลังและหัวของชายหนุ่มอย่างเอาเป็นเอาตาย “แกไปคนเดียวเถอะ ไอ้คนถ่อย!! นี่แน่ะ!!” “โอ๊ยย!! ยัยบ้าเอ๊ย!! นี่เธอกล้าตีหัวฉันเหรอฮะ!!” วัลลภยกมือกุมหัว เขาเดือดเป็นน้ำร้อนเมื่อเห็นเลือดเปรอะมือทั้งสองข้าง “ฉันฆ่าแกแน่ ถ้าเข้ามาหาฉันแม้แต่ก้าวเดียว” นุดีกลัวเมื่อเห็นเลือดแดงฉานซึมออกมาจากศีรษะเขา ไหลเป็นทางผ่านหัวคิ้วเป็นปื้นหยดลงใส่เสื้อยืด เธอเสียงดัง ใช้ไม้ชี้หน้าขู่ชายหนุ่ม “เธอหรือฉันจะถูกฆ่ากันแน่!!” เลือดจากหัวไหลเป็นทางผ่านหน้าผากเข้าตา วัลลภจึงใช้หลังมือเช็ดออก เขาแสยะยิ้มร้ายกาจเมื่อเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้หญิงสาววิ่งหัวซุกหัวซุนหนีเข้าป่า “กรี๊ดดด!!” นุดีวิ่งผ่านต้นไม้ใบหญ้าโดยที่ไม่ได้ดูหน้าดูหลังทำให้สะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งไปกองบนพื้นดิน “ฉันว่าจะไม่รุนแรงกับเธอแล้วนะ!! นุดี แต่เธอรนหาเรื่องเอง” วัลลภกระโจนเข้าไปยืนดักหน้าหญิงสาวที่กำลังคลานหนี เขาคว้าแขนเล็กแล้วกระชากให้เธอลุกยืนเผชิญหน้ากัน “ถุย!! ไอ้ขยะ กะ...แกจะทำอะไรฉัน!!” นุดีก็ใช่จะยอม เมื่อได้ยืนอยู่ในอ้อมแขนกำยำ ใบหน้าของเธออยู่แค่ระดับราวนมของชายหนุ่ม หญิงสาวขัดขืน หยิกข่วนตามตัววัลลภ เขย่งปลายเท้าให้สูงจนดวงหน้าของเขาและเธออยู่ในระดับเดียวกันแล้วก็พ่นน้ำลายใส่หน้าหล่อ วัลลภกลายเป็นคนดุร้าย มือหนาหยาบกร้านเช็ดของเหลวออกจากแก้ม แล้วกางมือออกเหวี่ยงใส่ใบหน้างามซ้อนกันขวาซ้ายสุดแรงเกิด เผียะ!! เผียะ!! “กรี๊ดดด!!” ด้านนุดีไม่ทันตั้งตัว ถูกตบจนล้มกลิ้งไปนอนกองบนพื้นดินอีกครั้ง เธอเจ็บจนน้ำตาไหลจึงยกมือกุมแก้มที่แดงเป็นรอยนิ้วมือทั้งห้าแล้วค่อยๆ หันมองหน้าผู้ชายใจชั่ว ทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้ “ไอ้หน้าตัวเมีย!! แกตบฉันทำไม!!” “วันนี้แหละ ฉันจะทำให้เธอไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นคน” เสียงของปีศาจคำรามดังก้องป่า มือเพชฌฆาตคว้าข้อมือน้อยกระชากลากถูไปตามทางเล็กๆ ที่ข้างทางมีแต่ต้นหนามกับใบหญ้า “กรี๊ดดด!! ไอ้ผู้ชายป่าเถื่อน!! ทำไมแกต้องทำกับฉันแบบนี้!! ปล่อยฉันนะ!! ไอ้ชั่ว!! ฮืออ” นุดีถูกฉุดลากทั้งที่กึ่งนั่งกึ่งนอนไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยดินแข็งและหินก้อนเล็กๆ เสียงร้องโหยหวนของหญิงสาวดังก้องทั่วป่าทำให้คนงานชายสี่คนที่ได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มารอที่กลางป่าแห่งนี้มองหน้ากัน แล้วหันไปมองเงาดำทมิฬสูงใหญ่เดินลากอะไรบางอย่างตรงมาหาพวกมัน “นะ นาย!!” พวกมันทั้งสี่ยืนตาค้างเมื่อสิ่งที่ฟุบอยู่ตรงหน้ามันนั้นเป็นหญิงสาว ขนาดถูกวัลลภทำร้ายเช่นนี้ก็ยังดูออกว่าเธอสวยและเซ็กซี่มาก “พวกมึงมีโทรศัพท์ไหม?” วัลลภยืนมือเท้าสะเอวมองนุดีกำลังช่วยตัวเองดึงชายกระโปรงผ้าลูกไม้ที่ถลกขึ้นจนเห็นต้นขาขาวผ่องสองข้างลงปิดเนื้อเปลือยของตัวเอง “มะ มีครับ” ไอ้ลูกน้องสี่คนไม่ได้มองหน้าวัลลภเวลาพูด เพราะจุดสนใจของพวกมันคือผู้หญิงของเจ้านาย ซึ่งเวลานี้ เธอคลานหนีไปนั่งชันเข่าอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ “พวกมึงถ่ายคลิปผู้หญิงคนนี้ไว้ ทำแบบนี้สิวะ ไอ้ห่า” วัลลภแยกเขี้ยวใส่นุดี เขาแย่งโทรศัพท์ของลูกน้องมาถือไว้ด้วยมือเดียวแล้วย่อตัวนั่งคุกเข่าตรงหน้าเธอ มือข้างที่ว่างยื่นเข้าไปจับคางน้อยบีบจนปากของหญิงสาวห่อแล้วดันให้หันมาสู้กล้อง “คะ ครับ” พวกลูกน้องพากันทำหน้าหื่นเหมือนเจ้านายแล้วจ่อกล้องโทรศัพท์ทำตามคำสั่งของนาย “ไอ้ลภ!! แกบอกให้พวกสวะนี้หยุดถ่ายฉันเดี๋ยวนี้นะ!!” นุดีแย่งโทรศัพท์จากมือของวัลลภได้ก็เหวี่ยงเครื่องสื่อสารเฉียดหน้าของชายหนุ่มไปกระทบต้นไม้เสียงดัง เพล้งง!! “พวกมึงเตรียมเก็บภาพทุกช็อตไว้เลยนะ กูจะเล่นเป็นพระเอกคาวบอยควบม้าให้พวกมึงดู” แววตาดุจเสือร้ายหันขวับมองไอโฟนรุ่นใหม่กองเป็นเศษขยะอยู่ข้างต้นไม้ วัลลภกระตุกยิ้ม หันกลับมามองมือสองข้างที่กำกระชับคอเสื้อเปิดไหล่ของนุดี แล้วกระชากจนขาดเป็นสองส่วนเผยให้เห็นอกอิ่มขาวผ่องล้นออกมาจากบราไร้สาย “ว้ายย!! อย่าทำฉัน ฮืออ” นุดีรีบยกแขนข้างเดียวกอดตัวเองไว้ ส่วนอีกข้างทุบตี หยิกข่วนไปตามตัวของเขาอย่างบ้าคลั่ง “พวกมึงอย่าลืมถ่ายวิดีโอนะโว้ย!! กูจะแสดงหนังสดกับยัยนี่ในกระท่อม” สายตาของลูกน้องมองนุดีอย่างหื่นกระหายทำให้วัลลภรีบฉุดให้เธอเข้ามาซบหน้าอก แล้วอุ้มคนตัวน้อยขึ้นพาดบ่า “ไอ้คนเลว!! ฉันเกลียดแก!! ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!!” นุดีอับอายจนอยากจะทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดมากที่สุด จึงทำร้ายเขาโดยการทุบๆ ที่หัวไหล่และจะกัดหลังเขาอีกครั้ง “ถ้าเธอกัดฉันอีก เธอได้มีผัวเป็นกรรมกรแบกหามหลายคนแน่!!” โครมม!! ก่อนที่วัลลภจะถีบประตูกระท่อมให้เปิดกว้างนั่นเขาได้คำรามเสียงเหี้ยมขู่เธอ
“ฮืออ คุณมันผู้ชายสารเลว หนูเกลียดและขยะแขยงคุณที่สุด!” ดาวเรืองร้องไห้โฮเมื่อรู้สึกถึงรอยสัมผัสน่าขยะแขยงของเสี่ยไพรัตน์ มือที่จับปลายผ้าห่มก็ถูเช็ดไปตามผิวขาวผ่องจนแดงเถือก ซึ่งเสียงสะอื้นไห้ของเด็กน้อยทำให้คนที่ยืนเท้าสะเอวเป็นเด็กแรกเกิดอยู่ตรงปลายเตียงนั้นตื่นจากความฝันที่เป็นจริง สิงขรหน้าแดงก่ำโกรธเด็กน้อยที่บังอาจเช็ดรอยสำผัสที่เขาทำไว้บนตัวเธอ ร่างโตจึงรีบก้าวขึ้นเตียงคลานตามไป มือใหญ่คว้าหมับกำกระชับแน่นที่ข้อเท้าน้อย พร้อมออกแรงกระชากดึงให้คนตัวเบาเข้ามาปะทะแผ่นอก “กรี๊ดดด! ไอ้คนชั่ว! คนเลว ! ปล่อยหนูเดี๋ยวนี้นะ!” ถึงจะเจ็บระบมไปทุกตารางนิ้วบนร่างกาย ดาวเรืองก็ไม่ต้องการให้เขาแตะต้อง แม้จะมีแรงเพียงน้อยนิด แต่ก็ปกป้องตัวเองโดยการใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบตีคนใจโฉดอย่างบ้าคลั่ง “ปากดี ด่าเก่งนักนะ อย่างนี้มันต้องโดนอีกสักสามสี่รอบ หรือว่าจะทั้งคืนเลยดีไหม?” สิงขรอุ้มเด็กน้อยให้เข้ามานั่งอยู่บนตัก ซึ่งทำให้ดวงหน้าของคนทั้งสองอยู่ในระดับเดียวกัน มือหนาสอดเข้าท้ายทอยฉุดเบาๆ ให้ดวงหน้างามแหงนขึ้นเพื่อรองรับคำขู่จากปากหยักที่บดขยี้กลีบปากบวมเจ่อ และเมื่อได้ชิมความหอมหวานในโพรงปากนุ่มพอใจแล้ว เขาก็ตวัดอุ้มร่างน้อยขึ้นพาดบ่า ฝ่ามือใหญ่กางออกแล้วฟาดลงบนสะโพกกลมงอนเสียงดังเผียะๆ พร้อมทั้งก้าวลงเตียงเดินดุ่มๆ พาหญิงสาวเข้าห้องน้ำ “ปล่อยหนูนะ โอ๊ยย! ไอ้ลุงแก่ชอบรังแกเด็ก! ฮืออ” เสียงใสครางปนเสียงสะอื้นเมื่อถูกปล่อยให้เท้าแตะพื้น ขาเรียวสวยสั่นระริกไม่มีแรงยืนด้วยตัวเองจึงทรุดลงไปนั่งบนพื้นห้องน้ำ “ก็ไอ้ลุงแก่คนนี้ไม่ไช่เหรอที่ทำให้เธอพ้นจากไอ้แก่พุงโย้ตัณหากลับนั้น” สิงขรไม่ชอบใจเป็นอย่างมากที่หญิงสาวมักเรียกเขาว่าลุง ดวงตาสีนิลเริ่มแดงก่ำจ้องมองหญิงสาวที่กำลังคลานหนีไปนั่งขดตัวเป็นกิ้งกืออยู่ข้างชักโครก “คุณก็ไม่ต่างอะไรกับเสี่ยไพรัตน์เลยสักนิดที่ชอบล่อลวงเด็กสาวพาไปทำมิดีมิร้ายเหมือนกัน” ดาวเรืองร้องไห้โฮเมื่อนึกถึงภาพของไอ้เสี่ยแก่รุ่นตาพุงก็โย้ น่าเกลียดที่สุด ไอ้ตาแก่นั่นกำลังย่ำยีเธอ แต่แปรเปลี่ยนเป็นภาพของสิงขรที่เป็นคนทำร้ายพรากความบริสุทธิ์ไปโดยที่ไม่ได้ยินยอมสักนิด หญิงสาวนั่งกอดเข่าใบหน้าเขลอะน้ำตาก็แนบชิดมือของตัวเองที่วางอยู่บนหัวเข่า เรียวปากบวมเจ่อก็กระซิบเสียงแผ่วเบาหวังให้ได้ยินเพียงคนเดียว “ยัยเด็กบ้าเอ๊ย! เธอกล้าเปรียบฉันเป็นไอ้เฒ่าไพรัตน์หัวงูนั่นได้ไงฮะ? แล้วถ้าฉันไม่รักษาด้วยร่างกายของฉัน ป่านนี้ เธอก็คงจะขาดใจตายไปนานแล้ว และตอนนี้ มันก็อยากจะเข้าไปในตัวเธอเพื่อทดสอบดูว่าหายจากอาการสยิวซ่านหรือยัง” คำพูดดูหมิ่นของเด็กน้อยทำให้สิงขรโกรธจนหน้าแดงก่ำ เขาเอาแต่พูดเรื่องใต้สะดือให้เธอฟัง ‘เฮอะ! ทำเป็นหน้าแดง อายละสิที่เห็นตัวตนของฉัน’ สิงขรคำรามพูดอยู่ในใจ “อ๊ายย! ไอ้คนทุเรศ! อย่าคิดเอาไอ้หนอนเน่าน่าเกลียดนั่นเข้ามาใกล้หนูเด็ดขาด” ดวงตากลมโตคลอน้ำตาเบิกโพลงเมื่อเห็นความใหญ่โตตรงหว่างขาของเขา ซึ่งมันผงกหัวเบ่งกล้ามจนเห็นเส้นเลือดสีเขียวปูดใส่เธออย่างที่ว่าจริงๆ “หึ! ก็ไอ้หนอนตัวนี้ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เธอหายจากอาการซ่านสยิว แตะตรงไหน ผิวนี่สั่นระริกไปตามการลูบไล้ของฉันไม่ใช่เหรอ ฮะ” ดวงหน้าหวานแดงระเรื่อผสมแววตากลมโตสั่นไหวหวาดกลัวนั้นทำให้สิงขรนึกสนุก เขายิ้มแยกเขี้ยวน่ากลัว ชี้มือให้เธอดูความแข็งแกร่งที่มันชูชันตั้งโด่
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง