บุญคุณต้องชดใช้ก็จริง แต่ถ้าหัวใจเขาไม่ปรารถนา คำขอของผู้ใหญ่ก็ไม่อาจเป็นจริงได้ แต่นั่นก็ไม่ยากเท่ากับการทำให้เธอรัก หรือสุดท้าย เขาจะต้องปล่อยให้เธอทำอย่างใจต้องการ...จริงๆ คมน์เงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่กำหัวใจเอาไว้ตั้งแต่แรกที่เขาเติบโตเป็นหนุ่ม เริ่มที่จะรู้จักความรัก ไม่เคยที่จะมอบหัวใจให้กับผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ถึงแม้ว่าจะตัดสินใจแล้ว แต่พอถึงเวลาที่จะต้องพูดจริงๆ มันเหมือนกับมีหินหนักๆ มาถ่วงเอาไว้ บวกกับดวงตาเป็นประกายเอาเรื่องคู่นั้นอีก มันทำให้เขา...ไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไงดี “ต้นหลิว...พี่จะคืนอิสระให้เรานะ เรา...หย่ากันเถอะ”
ตอนที่ 1
“อะไรนะคะ!” เสียงแหลมเล็กดังมาจากหญิงสาวร่างบอบบางที่อารมณ์คุกรุ่นด้วยโทสะ เพราะคำพูดจากคนเป็นย่า
“คุณย่าคงจะไม่หมายความอย่างที่พูดจริงๆ หรอกนะคะ”
หญิงสาวนามพรรณธรถามย้ำอีกครั้ง เธอขบเม้มกลีบปากเข้าหากัน ใบหน้านวลผ่องแดงระเรื่อ ดวงตาวาวจ้าด้วยไม่พอใจอย่างรุนแรงมองหญิงสาวมองไปยังคนเป็นย่าอย่างคนหัวเสีย ก่อนความโกรธเกรี้ยวจะส่งไปถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย
คนเป็นย่ามองหลานสาวด้วยสายตาแน่วนิ่งและมุ่งมั่น ใบหน้าแม้จะแย้มยิ้มอย่างใจดี หากฉายแววเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น
ปล่อยให้พรรณธรร่าเริงมานานแล้ว ถึงเวลาจะแล้วที่ต้องจัดการให้อยู่ในกรอบในระเบียบเสียที
“คุณย่าขา...คิดผิดคิดใหม่ได้นะคะ คุณย่าก็รู้อยู่ หนูกับอีตาพี่คมน์ไม่ถูกกัน ขืนให้แต่งกันไป มีหวังได้ทะเลาะกันทุกวันแน่เลย คุณย่าคงไม่สบายใจ ถ้าหากหนูกับพี่คมน์อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข”
พรรณธรชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมผู้เป็นย่าให้เปลี่ยนใจ หากเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้เป็นย่า เธอได้แต่หนักใจ คราวนี้คนเป็นย่าคงจะเอาจริง ไม่ได้พูดทีเล่นทีจริงเหมือนกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
กมลพรรณเคยเปรยเรื่องการแต่งงานของเธอกับอีตาคมน์มีดคมหอกคมดาบมาหลายครั้งแล้ว ตอนแรกเธอเพียงแค่รับฟังเฉยๆ ปล่อยเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่เก็บเอาไปคิดและใส่ใจ ยังเคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ตฤณฟังอย่างสนุกสนาน หากชายหนุ่มกลับไม่คิดอย่างนั้น ถึงได้เร่งเร้าเธอ...
“ถ้าอย่างนั้น...ผมให้แม่รีบไปขอต้นหลิวดีกว่า”
“จะรีบไปไหนละคะ อยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว ต้นหลิวยังเด็กอยู่เลยนะ”
“แต่ผมไม่ไว้ใจย่าต้นหลิวนี่น่า ท่านเป็นคนพูดจริงทำจริงและไม่ชอบผมเอามากๆ ด้วย ถ้าเกิดท่านทำจริง ผมก็กินแห้วนะสิ”
ตฤณจับมือพรรณธรเอาไว้มั่น เขามองเข้าไปในดวงตากลมโต “นะครับต้นหลิว ยอมตกลงให้พ่อกับแม่ขอผมไปคุยกับคุณย่าเรื่องของเรานะครับ”
แม้จะยังรักชีวิตโสด แต่เมื่อถูกคาดคั้นบ่อยๆ เธอก็เริ่มคล้อยตาม จึงนัดกับตฤณให้มาเจรจากับคุณย่าก่อนจะนัดวันนำผู้ใหญ่มาพูดตกลงกันให้เรียบร้อย เพราะเธอดูออกว่าย่าไม่ค่อยชอบแฟนหนุ่ม สืบเนื่องมาจากชายหนุ่มชอบทำตัวลอยไปลอยมาไม่ยอมทำงานทำการให้เป็นกิจะลักษณะ
พรรณธรดึงความคิดกลับมา เธอข่มความโกรธและน้อยใจเอาไว้ ทั้งที่อกแทบจะระเบิดออกมา
“คุณย่าไม่รักต้นหลิวแล้วใช่ไหมคะ ถึงได้ผลักไสให้ไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ไปให้เขารังแกหลานคุณย่าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
กมลพรรณยังคงยิ้มหวานๆ วงหน้าเหี่ยวย่นยังคงดูอิ่มเอิบ สดใสและใจเย็น ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเอ็นดูหลานสาวเพียงคนเดียวที่เลี้ยงมาตั้งแต่อายุได้เพียงแค่ห้าขวบกว่าๆ เพราะลูกชายและลูกสะใภ้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมายังไพเราะและนุ่มลื่นหู
“ย่าเพียงแค่ต้องการให้ต้นหลิวมีผู้ชายดีๆ คุ้มครองดูแล คมน์เป็นคนที่ย่ามั่นใจ จะรับหน้าที่นี่ได้และทำได้ดีด้วย”
“คุณย่า!” พรรณธรเรียกผู้เป็นย่าเสียงดังลั่นบ้าน กลมพรรณไม่ฟังอะไรเลย ถึงได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญนี้แทนเธอ
เท้าเล็กพาร่างอรชรอ้อนแอ้นเดินวนไปเวียนมา บ้างก็หยุดกระทืบเท้าแรงๆ อย่างคนต้องการระบายเพลิงโทสะที่มี ในสมองมีแต่คำถามว่าทำไมย่าถึงต้องบังคับให้เธอแต่งงานกับอีตาคมน์มีดนั่นให้ได้ ชายหนุ่มมีอะไรดีนักหนา
พรรณธรขบกัดฟันบนกลีบปากจนเจ็บ “เป็นเพราะอีตาคมน์บ้านั่นคนเดียว อยากให้เจอตัวนะ จะด่าให้สามวันไม่ซ้ำคำเชียว”
หญิงสาวข่มกัดฟันกรอดๆ ‘อีตาคมน์บ้า ทำไมต้องเข้ามาทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวายด้วยก็ไม่รู้ ทำไมย่าถึงต้องการให้เธอแต่งงานกับอีตานี่นัก หาเมียเองไม่ได้หรือไง หรือว่าอีตาคมน์มีดนั่นเป็นเกย์ เพราะเท่าที่ได้รู้มาชายหนุ่มไม่เคยมีข่าวคราวกับผู้หญิงคนไหนเลยนี่น่า’
พรรณธรยิ้มหวาน ใช่...ต้องใช่แน่ๆ อีตาคมมีดคมหอกคมดาบจะต้องเป็นเกย์แน่ๆ ถึงได้ยอมทำตามคำขอร้องของคุณย่าง่ายๆ คงเพราะต้องการทำให้คนอื่นคิดว่าตัวเองเป็นชายทั้งแท่ง แหม...คิดแล้วก็เสียดายจริงๆ เท่าที่ได้เห็นภาพคมน์จากนิตยสาร ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มหน้าตาดี ทำให้เธอสะดุดตาสะดุดใจ จนต้องเหลียวมองอยู่บ่อยครั้ง
เค้าโครงหน้าเข้มออกเค้าไปทางฝรั่งนิดๆ ถึงจะเห็นเพียงแค่ผิวเผินจากภาพถ่ายครึ่งตัว ชายหนุ่มร่างใหญ่ นัยน์ตาคมดุแต่แฝงไว้ด้วยเสน่ห์เร่าร้อนและเรียกร้องให้เข้าหา ทำเอาใจเธอเต้นแรงเร็วอยู่บ่อยครั้ง พรรณธรตำหนิตัวเองอยู่ในใจและพยายามดึงเอาข้อเสียที่หาได้มาหักล้างจุดเด่น
พรรณธรเบะปากพลางย่นจมูก อีตาคมน์ถ่านไฟจะสู้ตฤณของเธอได้ยังไงกัน ตฤณมีคิ้วดกหนา ดวงตามีแววหวานอยู่เป็นนิจ จมูกโด่งได้สันรับกับริมฝีปากหนาใหญ่สีแดงอมชมพูอย่างคนที่ไม่กินเหล้าเมายา
“คุณย่าแน่ใจได้ยังไงกันคะ อีตาคมหอกคมดาบนั่นดีจริง คนอะไร อายุตั้งเยอะแล้วยังไม่มีแฟนเลย อาจจะเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันก็ได้ คุณย่าคิดใหม่ดีกว่านะคะ”
สำหรับเธอ คมน์มีดีก็คือฐานะทางบ้านและหน้าที่การงาน เพราะเป็นถึงเจ้าของโรงแรมใหญ่ทางภาคใต้ และแว่วๆ มาว่าชายหนุ่มมีฟาร์มหอยมุกและสวนปาล์มอีกนับร้อยไร่ แต่ครอบครัวของตฤณก็ไม่น้อยหน้า เพราะชายหนุ่มเป็นลูกชายของนักธุรกิจนำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของประเทศเทศ
พรรณธรยังคิดเข้าข้างคนรัก ทั้งที่เธอเองก็รู้แก่ใจดีว่าคมน์เหนือกว่าตฤณในทุกๆ ด้าน
“คมน์เป็นลูกผู้ชายแท้ ๆ ที่รู้หน้าที่ของตัวเองดี รู้ว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ และสิ่งใดต้องทำ”
พรรณธรสบถ พลางกระทืบเท้าแรงๆ ทำเอานางแก้วหญิงรับใช้วัยใกล้เคียงกับเจ้าของบ้านรุ่นใหญ่ที่นำน้ำชาและของว่างมาให้ถึงกับสะดุ้ง นางมองสองย่าหลานสลับกันไปมาอย่างเพื่อเตรียมพร้อมที่จะต้องเจอกับฤทธิ์เดชของพรรณธรที่จะต้องอาละวาดด้วยความไม่ยอม
พรรณธรอัดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนจะถามผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงแหบเครือ
“คุณย่าทำอย่างนี้ได้ไงคะ คุณย่าก็รู้ว่าหนูมีแฟนอยู่แล้ว และเราก็รักกันมากด้วย แล้วคุณย่า...” น้ำตาเอ่อล้นคลอหน่วยตา เธอรู้ว่าการใช้ไม้แข็งกับย่านั้นไม่ได้ผล สิ่งที่ใช้ได้คือน้ำตาและคำพูดออดอ้อนหวานหู แต่ในกรณีนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองสิ่งนี้จะยังใช้ได้ผลหรือเปล่า
ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นซับน้ำตา ที่มาพร้อมเสียงสะอื้น ใบหน้านวลก้มมองพื้นห้อง “คุณย่าขา คุณย่าจะบังคับให้หนูแต่งงานกับนาย...พี่คมน์นั่นจริงๆ หรือคะ หนูกับเขายังไม่เคยพูดจากันเลยนะคะ นิสัยใจคอก็ไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้หรือเปล่า ถ้าเกิดว่าเป็นคนวิกลจริตและทำร้ายหนูขึ้นมาละคะ” พรรณธรพยายามหาคำพูดร้ายๆ มาใส่ความคมน์ เพื่อให้ย่ายกเลิกงานแต่งงานในครั้งนี้
“คิดมากเกินไปแล้วนะต้นหลิว พี่คมน์เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็ขยันทำมาหากินด้วย” กมลพรรณเอ่ยยิ้มๆ เพราะรู้ทันหลานสาว ใช่ว่านางเองอยากบังคับพรรณธรให้ห่างไปจากอก แต่เพราะเหตุการณ์มันบังคับ ทำให้ต้องเลือกทางนี้
เพราะตอนนี้ครอบครัวตฤณกำลังย่ำแย่ คงจะไม่เกินหกเดือนนี้น่าจะมีข่าวครอบครัวครรลองถูกตามทวงหนี้ ดังนั้นตฤณจะต้องทำทุกอย่างทุกทาง เพื่อให้พรรณธรตกลงแต่งงานด้วย ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล แล้วนางก็ทนเห็นหลานสาวต้องไปตกทุกข์กับชายหนุ่มที่ไม่จริงใจ หวังแต่ปอกลอกและหลอกลวงอย่างครอบครัวนั้นไม่ได้ จึงต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ นั่นคือ...
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย