นิยายเรื่องนี้แต่งตามจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีเจตนาที่จะพาดพิงใคร แต่งเพื่อให้ผู้อ่านได้รับความสนุกสนาน คลายเครียดเท่านั้น เธอเป็นเพียงลูกสาวแม่บ้านที่ไร้เดียงสา ที่ถูกคนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างเขาข่มเหงรังแกและต้องยอมมาเป็นนางบำเรอ จนเมื่อมีใครอีกคนเข้ามาในชีวิต เขาก็ทอดทิ้งเธอให้อยู่เพียงลำพังกับสิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่อยู่ในท้องของเธอ พงศ์ตะวัน ชายหนุ่มวัย30ปี รูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา ร่ำรวย บุตรชายคนเล็กของตระกูล นิสัยเอาแต่ใจ เผด็จการ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ต้องตกมาเป็นทาสสวาทของความบริสุทธิ์ของเธอ ม่านมุก หญิงสาววัย22ปี หน้าตาสะสวย น่ารัก ดวงตากลมโตเหมือนกวาง เธอเพียงลูกสาวของแม่บ้าน ที่ถูกเขาคนที่เเี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายข่มเหงรังแกในคืนนั้น และเหตุการณ์ในคืนนั้นทำให้เธอต้องยอมมาเป็นนางบำเรอให้กับเขา ม่านเมฆ ม่านฟ้า เด็กแฝดวัย3ขวบ ที่แสนน่ารัก ผู้ที่จะทำให้พ่อกับแม่รักกัน คืนนั้น....... พงศ์ตะวันดื่มกับเพื่อนจนดึก เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมาจึงขอตัวกลับก่อน โดยมีคนขับรถของอินทัชมาส่ง ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องทำงาน ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าม่านมุกยังทำงานอยู่ “ดึกแล้ว ทำไม่เธอยังทำงานอยู่ล่ะ” เขาถามพลางเดินเข้ามาใกล้ “เอ่อ…ฉันจะเคลียร์งานให้เสร็จก่อนค่ะ” ม่านมุกรู้สึกประหม่า เมื่อเขาเดินเข้าดูงานบนโต๊ะ โดยลักษณะคร่อมตัวเธอไว้ การที่เขาอยู่ใกล้เธอเช่นนี้ทำให้ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่เธอฉีด พงศ์ตะวันที่ขาดเรื่องเซ็กส์มานานรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมา ประกอบกับความมึนเมาทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างยากที่จะระงับ ชายหนุ่มรวบร่างบางของหญิงสาวเขามากอด ก่อนที่จะก้มลงประทับจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มทันที ม่านมุกรู้สึกตกตลึง เธอยืนนิ่งตัวสั่น รู้สึกหวาดกลัวไม่กล้าขยับตัวไปไหน พงศ์ตะวันสอดลิ้นเข้าไปหาความหวานในโพรงปากสาว หญิงสาวที่ไม่เคยผ่านมือชายใด ถึงกับหมดแรง ชายหนุ่มประคองร่างของเธอไว้ ความอดทนของเขาเริ่มหมดลง ร่างกายของม่านมุกช่างนุ่มนิ่ม ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ซอกคอขาวระหง มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปทั่วตัวของเธอ บีบเค้นเนินอกอวบอิ่มสองข้างสลับกันไปมา เขาอุ้มร่างของหญิงสาวมาวางไว้ที่โซฟาแล้วก็จัดการถอดเสื้อผ้าของเธอออก ชายหนุ่มเอื้อมมือปลดตะขอบราเซีย เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่ชูชันอยู่ตรงหน้า พงศ์ตะวันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหายไปหมด เหลือแต่ความใคร่และความปรารถนา เมื่อเห็นความสวยงามที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า หน้าท้องที่แบนราบ เนินสวาทที่โหนกนูนงดงาม “เธอสวยมากม่านมุก” ชายหนุ่มกระซิบบอกเสียงแหบพร่า ก่อนจะรีบจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองออก ก่อนที่จะคลุกเคล้ากับร่างกายอันงดงามของเธอที่ตอนนี้เป็นสีแดงระเรื่ออย่างคลั่งไคล้ ห้ามลอกเลียน ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด ขอบคุณที่ติดตามนะคะ🙏💗
ตอนที่1
“นั่นใคร” เสียงห้าวดังขึ้น เมื่อหางตาหันไปเห็นร่างเล็กของใครคนหนึ่งวิ่งออกไปทางด้านหลังบ้าน
“อ้อ หนูม่านมุกค่ะ” เสียงป้าสร้อยหัวหน้าแม่บ้านที่ยืนคอยตอบคำถามผู้เป็นเจ้านายที่พึ่งกลับมาจากเมืองนอก
พงศ์ตะวัน ชายหนุ่มวัย30ปี รูปร่างสูงใหญ่ แข็งแรงกำยำ สมชายไทย หน้าตาหล่อเหลา เย็นชาเขามีนิสัย ถือตัว หยิ่งยโส เอาแต่ใจ เด็ดขาด เขาเป็นบุตรชายคนเล็กของตระกูล มีพี่ชาย1คน บิดาและมารดาได้เสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุ เขาพึ่งกลับมาจากเยอรมัน หลังจากไปเรียนต่อปริญญาโทและอยู่เที่ยวเล่น จนพี่ชายได้บอกให้เขากลับมาช่วยบริหาร เพราะงานล้นมือมากจนทำเองคนเดียวไม่ไหว เขาเคยผิดหวังในความรักกับหญิงสาวคนหนึ่งที่คบกันมา4ปี เนื่องจากหญิงสาวคนนั้นจะต้องไปแต่งงานกับคนที่ครอบครัวหาให้ การที่เขาผิดหวังในความรักก็ยิ่งทำให้กลายเป็นคนเย็นชาและไร้หัวใจ ไม่ศรัทธาในความรักอีกเลย
“หือ” พงศ์ตะวัน ยังจำภาพของเด็กผู้หญิง สูงผอม หน้าตาจืดๆ ที่ดูหวาดกลัวเขาเมื่อ10ปี ก่อนที่จะไปเรียนต่อได้ดี เขาเห็นเธอมาตั้งแต่เด็กๆได้เล่นด้วยกันบ้างในบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้วเธอมักจะเล่นกับภูตะวัน ผู้เป็นพี่ชายของเขามากกว่า เพราะพี่ชายของเขาไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนเช่นเขา
“เรียนจบหรือยัง”
“จบปวส.ค่ะ”
“อ้าวทำไมไม่ให้เรียนปริญญาต่อล่ะ” ชายหนุ่มถามอย่างแปลกใจ
“คือ แกหัวอ่อนน่ะค่ะ เลยไม่อยากให้ให้ไปเรียนไกลๆ” ป้าสร้อยตอบ ม่านมุก เป็นลูกสาวของแม่บ้านเก่าแก่คนหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมกับเจ้าของบ้าน พวกแม่บ้านจึงช่วยเลี้ยงกันมา จนโตเป็นสาว หญิงสาวเป็นคนหัวอ่อนซื่อๆ เธอจึงเป็นห่วง เลยให้เรียนแค่นั้นและมาช่วยงานด้านบัญชีเพราะหญิงสาวเรียนจบด้านนี้
“แล้วให้ทำงานอะไรล่ะ”
“ดูแลบัญชีบ้านเช่าค่ะ” ธุรกิจของครอบครัวพงศ์ตะวัน เป็นธุรกิจอพาร์ทเม้นท์ บ้านเช่า และตลาดใหญ่ประจำจังหวัด ซึ่งพงศ์ตะวันก็ต้องมาดูแลธุรกิจนี้ ส่วนธุรกิจโรงงานต่างๆพี่ชายของเขาเป็นคนดูแล
“เดี๋ยววันนี้ฉันจะพักก่อน พรุ่งนี้เช้าเรียกทุกคนพร้อมกันที่ห้องอาหารนะ” พูดจบเขาก็เดินเข้าบ้านไปทันที
ป้าสร้อยถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก คลายความอึดอัดออกมา ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนคนรับใช้ที่อยู่ติดอยู่กับบ้านของเจ้านายนั่นเอง
“ป้าจ๋า ทำไมนายหน้าดุจัง” ม่านมุกถามขึ้นเมื่อเห็นป้าสร้อยเดินเข้ามาในบ้าน
“นายก็หน้านิ่งแบบนั้นแหละ แล้วหนูวิ่งทำไมล่ะ” ป้าสร้อยถาม
“ก็หนูกลัวนายนี่คะ” หญิงสาวพูดอย่างหวาดๆ
“เห้อ! มุกโตขนาดนี้แล้วหนูยังกลัวนายอีกหรือ กลัวไปหมดทุกอย่างเลยนะเรา” เธอพูดพลางลูบศีรษะหญิงสาวอย่างเอ็นดู
“ป้า ป้าสร้อย” เสียงเรียกของเด็กรับใช้คนหนึ่งดังขึ้นจากทางหน้าบ้าน
“มีอะไรนางริน เอะอะโวยวายมาแต่ไกล”
“ป้า หนูได้ยินคนงานพูดกันว่า นายกลับมาแล้ว จริงมั้ยป้า” เด็กรับใช้ ที่ชื่อว่า ริน ถามขึ้นทันที
“จริง”
“นายใจดีมั้ยป้า”
“ก็ดีมั้ง ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะ”
“เขาบอกว่านายหล่อขึ้นมาก จริงมั้ยป้า”
“โอ๊ย นางริน ฉันแก่แล้วจะไปรู้ได้ยังไง ถามยัยมุกนู่น เป็นสาวเหมือนกัน”
“ไงจ๊ะ พี่มุก นายหล่อขึ้นจริงมั้ย” เมื่อไม่ได้คำตอบจากป้าสร้อย เด็กสาวก็หันมาหาคนที่เปรียบเสมือนพี่สาวของเธอทันที ตามคำแนะนำของป้าสร้อย
“เอ่อ พี่คิดว่า ก็หน้าตาดี” ม่านมุกตอบไปตามความคิด เพราะเธอเห็นเขาไม่ค่อยชัด จึงไม่รู้ว่าหล่อมากมั้ย
“ฉันอยากจะเจอนายแล้วล่ะสิ”
“จริงด้วย พรุ่งนี้น่ะ นายเรียกพบทุกคนนะ ที่ห้องอาหาร มากันให้ครบด้วยล่ะ” ป้าสร้อยบอกทุกคนที่อยู่ในที่นั้นให้รับรู้ ก่อนที่ทุกคนจะรับทราบ
เช้าวันต่อมา……
คนงานทุกคนก็พากันมาที่ห้องอาหารตามคำสั่งของพงศ์ตะวัน เมื่อมากันครบเขาก็จัดการมอบหมายงาน หน้าที่ให้ทุกคนตามคำแนะนำของป้าสร้อย
นายชาญ มีหน้าที่ในการทำสวน สามีป้ามณี
นายเพชร ลูกชายป้าสร้อย เป็นคนขับรถให้กับพงศ์ตะวัน
ป้ามณี แม่ครัว
ป้าสร้อย หัวหน้าแม่บ้าน
นางองุ่น ลูกสะใภ้ป้าสร้อย ทำความสะอาดบ้าน
นางริน ทำความสะอาดบ้าน
ม่านมุก ทำบัญชี จัดการเอกสารต่างๆ
“แล้วก็หาคนทำความสะอาดอีก2คนมาด้วยนะป้าสร้อย” พงศ์ตะวันหันไปสั่ง
“ค่ะ นาย” เมื่อป้าสร้อยรับคำ เขาก็ลุกเดินออกไปทันที
“นายดูเย็นชาจังเลยเนอะพี่มุก” รินหันมาหาม่านมุก
“นั้นสิ นายน่ากลัวจัง” ประโยคหลังเธอพึมพำออกมาเบาๆ
“อะไรนะ พี่มุก” สาวน้อยถาม เพราะได้ยินไม่ถนัด
“เปล่าๆ เดี๋ยวพี่ไปทำงานก่อนดีกว่า”
ม่านมุกเดินกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองที่อยู่ที่เรือนคนรับใช้ ขณะที่เธอกำลังจัดเรียงเอกสารอยู่นั้น ป้าสร้อยก็เข้ามาในห้อง
“มุก นายเรียกพบ”
“นายจะดุหนูมั้ยจ๊ะป้า”
“ไม่หรอก อย่ากลัวไปเลย นายไม่ได้ใจร้ายอะไร เอาเอกสารไปด้วยนะ”
“จ้ะ ป้า”
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"