"อยากรู้ไหมว่าไฟรักอย่างผมมันรุนแรงยังไง ก็ลองหนีจากผมไปให้ได้สิ" -ไฟซัล- [นิยายรักโรมานซ์ 18+] คำโปรย ‘มนุษย์ทุกคนล้วนมีความลับ…’ “ผมขาดคุณไม่ได้” “คุณขาดฉันไม่ได้หรือเพราะฉันเป็นคนเดียวที่คุณกอดได้กันแน่คะ?”ดวงตาหวานช้อนมองอย่างซื่อตรง เธอไม่ได้ถามเพราะประชดประชัน แต่ถามเพราะอยากฟังคำตอบจากปากเขาจริงๆ “คุณคิดว่าสำหรับผม ‘เซ็กส์’ คือทุกอย่างงั้นเหรอ”ไฟซัลตัดพ้อ เขาหลุบตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอด นับวันเขาก็ยิ่งคลั่งไลลานามากขึ้น… มากขึ้น “ถ้าอย่างนั้น… อะไรคือทุกอย่างสำหรับคุณคะ” “คุณไง… ไลลา คุณคือทุกอย่างของผม” รสจูบแสนหวานตอกย้ำความรู้สึกมหาศาลของเขา มือหนากดเธอไว้ใต้ร่าง ริมฝีปากร้อนระดมจูบแก้มนวลลากไล้ไปตามลำคอระหง รักจนอยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวขนาดนี้ยังดูไม่ออกอีกเหรอ… หรือต้องให้เขาคลั่งรักเธอยิ่งกว่านี้? ฮึ… ถ้าจะคลั่งรักมากกว่านี้ก็เหลือแค่จับเธอล่ามโซ่ไว้บนเตียงแล้วล่ะ!
๒๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓
[ตอนนี้นายอยู่ไหน เดี๋ยวฉันไปหา]
“…”
[ไฟซัล อย่าเป็นแบบนี้ พ่อนายเป็นห่วงมากนะ ตอบฉัน นายอยู่ที่ไหน?]
ติ้ด…
น่ารำคาญ… ไม่ว่าใครก็น่ารำคาญไปหมด
อึก…
กระป๋องเบียร์ถูกยกดื่มจนหมด ก่อนโยนมันทิ้งแล้วหยิบกระป๋องสุดท้ายขึ้นมาเปิดใหม่ ร่างสูงซวนเซเล็กน้อยตามความแรงของแอลกฮอล์ในเลือด เขานั่งดื่มอยู่ตรงนี้มาเกือบชั่วโมงกว่าแล้ว ความจริงเขาอยากจะไปดื่มในผับให้หนักกว่านี้ แต่เพราะ ‘โรคบ้าๆ’ ทำให้เขาไม่สามารถไปในที่ที่ ผู้คนพลุ่กพล่านและแออัดได้ เขาจึงต้องมานั่งดื่มเงียบๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแทน
‘ไฟซัล’ หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีทายาทนักธุรกิจพันล้านวัยยี่สิบสองปี เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน ใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนปรากฏเข้ามาในหัว ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาเหลือเกิน
“…แม่ฮะ” เสียงแหบแห้งเปล่งออกมาแผ่วเบา ก้อนสะอื้นจุกอยู่ในอก เขาเพิ่งสูญเสียมารดาผู้เป็นที่รักไปเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วยโรคมะเร็ง แม่ของเขารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายปี แม้จะทุ่มเงินไม่อั้นในการรักษาสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อความตายเอาไว้ได้ แม่จากเขาไปอย่างสงบในวันที่เขากำลังเข้ารับปริญญาบัตร มันเป็นเรื่องน่าเศร้าแสนสะเทือนใจสำหรับชายหนุ่มอย่างมาก
นับตั้งแต่วันที่ไฟซัลสูญเสียแม่ไป หลังจบงานศพเขาไม่ได้กลับบ้านอีกเลย ทำให้พ่อของเขาเป็นห่วงมาก รวมถึงเพื่อนสนิทของเขาด้วย
“อะไรน่ะ” ดวงตาคมแสนโศกเศร้าหยุดชะงักบนสะพานข้ามแม่น้ำ เขามองเห็นร่างเล็กๆ ของใครคนหนึ่งกำลังยืนชะโงกหน้ามองแม่น้ำอยู่บนนั้น แวบแรกที่ไฟซัลคิดคือคนคนนั้นกำลังจะฆ่าตัวตาย…
ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินขึ้นบันไดมาบนสะพานโดยถือกระป๋องเบียร์ติดมือมาด้วย เขาก้าวเดินอย่างเชื่องช้าเพราะตัวเองอยู่ในอาการมึนเมาพอสมควร สายตาจ้องมองร่างเล็กบางตรงปลายสายตานิ่ง
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเธอคนนั้นเป็น ‘ผู้หญิง’ เขาจึงหยุดยืนห่างจากเธอประมาณหนึ่งเมตร เพื่อเว้นระยะห่างเหมือนอย่างทุกที เขาหันหน้าเข้าหาราวสะพานก้มมองแม่น้ำเบื้องล่างตามสายตาของเธอ
“จะโดดเหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม สายตาคมหันมองเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมของโรงเรียนนานาชาติที่ไหนสักแห่ง เธอละสายตาจากผืนน้ำกลับมาสบตากับเขานิ่ง วินาทีนั้นหัวใจแกร่งกระตุกไหวเล็กน้อย
เด็กคนนี้สวยมาก…
ไฟซัลคลี่ยิ้มบาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขากำลังเมาหรือเปล่าถึงได้มองเด็กสาวตรงหน้าว่าสวย ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่เคยแยแสผู้หญิงคนไหนมาก่อน สำหรับเขาผู้หญิงก็เหมือนๆ กันหมด ทั้งเหม็น ทั้งน่ารำคาญ ไม่ควรเข้าใกล้เลยสักนิด
สายลมพัดเรือนผมสีดำของเด็กสาวพลิ้วไหว เขาจับจ้องภาพนั้นนิ่งงัน กลิ่นหอมอ่อนๆ พัดมาตามสายลมกระทบโสตประสาทการรับกลิ่นของเขา
หอม…
ดวงตาคมหลับตาลงเพื่อสูดดมกลิ่นที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะเขาเป็น ‘โรคประหลาด’ มาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เขาไม่สามารถเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนได้ นอกจากมารดาของเขา
วงการแพทย์เรียกโรคของไฟซัลว่า Gynophobia หรือโรคกลัวผู้หญิง โดยโรคนี้เกิดจากการหลั่งสารเคมีในสมองไม่สมดุล ทำให้เกิดความคิดวิตกกังวลที่มากเกินคนปกติ ซึ่งความวิตกกังวลเหล่านี้จะกระตุ้นให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไวเกินปกติ ทำให้เกิดอาการแปรปรวนด้านร่างกายตามมา เช่น ใจสั่น ตื่นเต้น ประหม่า เหงื่อแตก หายใจไม่อิ่ม ชาแขนขา ควบคุมตนเองไม่ได้ แม้จะรับรู้ว่าสิ่งเร้าที่ทำให้กลัวนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอันตราย แต่มีความรู้สึกหวาดกลัวและต้องหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่กลัวนั้นจนทำให้อาการหวาดกลัวส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งสำหรับไฟซัลค่อนข้างจะแสดงออกได้รุนแรงและแปลกประหลาดกว่าเคสปกตินั่นก็คือเมื่อเขาเข้าใกล้ผู้หญิง เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แต่จะรู้สึกเหม็นและมีอาการอยากอาเจียนแทบทุกครั้ง ทางการแพทย์จึงถือว่าเคสของเขาเป็นเคส Gynophobia หายากและยังไม่มีทางรักษา
ไฟซัลเติบโตมาด้วยการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือเข้าใกล้ผู้หญิงมาตลอด หลายครั้งที่เขาหลีกเลี่ยงไม่พ้นทำให้อาเจียนออกมาเลยก็มี ซึ่งผู้หญิงคนเดียวที่เขาเข้าใกล้ได้ก็คือแม่ของเขาเท่านั้น และตอนนี้เธอได้จากเขาไปตลอดกาลแล้ว บนโลกใบนี้จึงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่เขาจะเข้าใกล้ได้อีก
ทว่า… เด็กสาวคนนี้กลับทำให้เขาไม่รู้สึกเหม็นหรืออยากจะอาเจียนเลยสักนิด
“คุณเมาเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขณะละสายตาไปจากเขา ไฟซัลค่อยๆ ขยับเข้ามายืนใกล้เด็กสาวมากขึ้นเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง ระยะห่างระหว่างทั้งสองจึงค่อยๆ ลดลงทีละนิด
“นิดหน่อย เธออยากดื่มด้วยไหมล่ะ?” เขายื่นกระป๋องเบียร์ในมือให้ เด็กสาวไม่แม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ ดวงตาหวานเหม่อมองผืนน้ำเบื้องล่างราวกับว่ามันน่าสนใจนักหนา
“หนูเพิ่งสิบห้าเองนะคะ คุณไม่ควรชวนเด็กดื่มเหล้านะ มันผิดกฎหมายค่ะ”
ไฟซัลชักมือกลับมา ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นมองเล็กน้อย ก่อนจะวางมันลงบนราวสะพาน เธอพูดถูก เขาคงเมามากจนเสียสติไปแล้วจริงๆ
“เธอจะกระโดดลงไปไหม?”
“…” คำถามของเขาเรียกสายตาจากร่างบางให้หันมาสนใจ เธอเลิกคิ้วน้อยๆ มองชายแปลกหน้าด้วยแววตาประหลาดใจ
“ถ้าเธอโดด ฉันก็จะโดดเป็นเพื่อน ดีไหม?” เขาสบตาเด็กสาว ริมฝีปากหนาขยับยิ้มบาง แววตาคมฉายความเศร้าออกมา ไร้แววล้อเล่น เขาคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ
“ไม่ค่ะ หนูไม่คิดจะกระโดดหรอก คุณก็ห้ามทำแบบนั้นนะคะ” เด็กสาวปฏิเสธเสียงหนักแน่น มองเขาด้วยแววตาตักเตือน
“ทำไมล่ะ? ก็เห็นเธอมองเหมือนอยากกระโดดลงไป” น้ำเสียงของเขาค่อนข้างฟังยากพอสมควร เด็กสาวจึงขยับเข้าใกล้เขามากขึ้น ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดลงเหลือเพียงศอกเดียว
น่าแปลก… ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกอยากจะอาเจียนเลยล่ะ?
ไฟซัลขมวดคิ้วก้มมองใบหน้าสวยของเด็กสาว เธอกำลังมองเขาตอบเช่นกัน ดวงตากลมโต ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม คิ้วเรียวสวย ช่างเป็นใบหน้าที่น่าทะนุถนอมจริงๆ
“หนูไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ทั้งเปราะบาง ทั้งอ่อนแอ หนูยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะทำ หนูจะใช้ชีวิตให้มีคุณค่าและมีความสุขมากที่สุด เพื่อให้คนบนฟ้ามองลงมาด้วยรอยยิ้มค่ะ เพราะฉะนั้นหนูจะไม่มีวันทำร้ายตัวเองเด็ดขาดค่ะ”
ภาพรอยยิ้มน้อยๆ ของเด็กสาวทำให้ชายหนุ่มคล้ายตกอยู่ในภวังค์ เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอใครสักคนที่มีพลังบวกมหาศาลขนาดนี้ เธอทำให้เขาอบอุ่นหัวใจอย่างน่าประหลาด ราวกับแสงไฟเพียงหนึ่งเดียวสาดส่องเข้ามาในความมืดมิดของจิตใจเขายามนี้
“คุณก็เหมือนกันนะคะ ชีวิตของคุณมีค่ามาก คุณพ่อคุณแม่สร้างชีวิตคุณขึ้นมาอย่างยากลำบาก อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มหนักขนาดนี้อีกนะคะ มันไม่ดีต่อสุขภาพค่ะ” เด็กสาววัยสิบห้าหันมาพูดเชิงสอนเขาซึ่งอายุยี่สิบสองปี
ไฟซัลหลุบตามองกระป๋องเบียร์บนราวสะพาน ขยับยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง “แต่มันเป็นทางออกเดียวที่จะช่วยให้ฉันลืมความเจ็บปวดนี้ไปได้”
“คุณกำลังเจ็บปวดหรือคะ?” เธอเอียงคอถาม
“ใช่… ฉันกำลังเจ็บปวดมากๆ เจ็บจนอยากจะตาย”
ชายหนุ่มเหม่อมองผืนน้ำเบื้องล่างโดยไม่รู้เลยว่าเด็กสาวข้างกายขยับเข้ามาจนชิดกับตัวเขาแล้ว เขาไม่ได้กลิ่นน่าอาเจียนจากกายเธอเลยสักนิด กลับกัน… กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเธอนั้นกลับทำให้เขารู้สึกจิตใจสงบมากขึ้น
“คุณต้องการให้กอดไหมคะ?” เธอถามเขาอีกครั้ง คราวนี้ไฟซัลหันมองเด็กสาวด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย สีหน้าของเธอใสซื่อ ไร้พิษภัย แววตาห่วงใยเต็มไปด้วยความหวังดี
“กะ กอดเหรอ? กอดแบบไหน?” เขาไม่ได้จิตอกุศลหรอกนะ แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างเมามาก แค่ยืนยังจะยืนไม่ตรงเลยด้วยซ้ำ จะให้ตีความคำว่ากอดของเด็กสาวไปในทางที่ดีมันก็คงจะยาก
“กอดก็คือกอดไงคะ? กอดมีแบบอื่นด้วยเหรอ หนูไม่เข้าใจ” เด็กสาวเอียงคอ เลิกคิ้วน้อยๆ ทำหน้าครุ่นคิด “คุณแม่เคยสอนหนูว่า ‘อ้อมกอดรักษาความเจ็บปวดได้’ หนูเห็นคุณเจ็บปวด หนูอยากช่วยคุณค่ะ”
อ้อ… คำว่ากอดของเธอคือความหมายนี้สินะ
ไฟซัลเพิ่งจะสังเกตว่าเขายืนชิดกับเด็กสาวมาก แถมตัวเองยังไม่มีอาการตอบสนองต่อกลิ่นอย่างรุนแรงเหมือนที่ควรจะเป็น หรือเพราะว่าเขาเมามากเกินไป ไอ้โรคประหลาดนั่นเลยพังชั่วคราว?
“มาสิคะ”
เด็กสาวหันตัวเข้าหาร่างสูงกว่าพร้อมกางสองแขนออกกว้าง เชิงเรียกให้เขาเข้ามากอดเธอ ไฟซัลยืนนิ่งงันไม่กล้าขยับแม้เพียงปลายนิ้ว ตั้งแต่เกิดมานอกจากมารดาเขาไม่เคยกอดผู้หญิงคนไหนมาก่อน เพราะโรคประหลาดของเขาทำให้เขาไม่สามารถทนรับกลิ่นน่าอาเจียนจากผู้หญิงได้ เขาจึงเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงทุกคนมาโดยตลอด
ทว่าครั้งนี้… เขากลับรู้สึกอยากจะโผเข้าหาอ้อมกอดเล็กๆ นี้ ราวกับว่าเขาต้องการอ้อมกอดปลอบโยนของใครสักคนในยามที่เขากำลังเจ็บปวดเจียนตาย
หมับ
เพราะเห็นว่าร่างสูงยืนนิ่งไปนาน ร่างบางตัวเล็กจึงเป็นฝ่ายโผเข้ากอดเขาแทน เธอสวมกอดเขาหลวมๆ ซบใบหน้าลงบนแผงอกของเขา มือข้างหนึ่งตบแผ่นหลังกว้างเบาๆ อย่างปลอบประโลมเหมือนที่แม่ของเธอเคยทำเสมอในยามเธอเจ็บปวด
“ไม่เป็นไรแล้วน้า… อย่าเจ็บปวดอีกเลยนะคะ” เสียงหวานพึมพำเบาๆ ปลอบโยนเขา ไฟซัลหลับตาลง สองมือยกขึ้นโอบกอดเด็กสาวแผ่วเบา กลิ่นหอมของเธอช่วยทำให้ความรู้สึกสงบใจค่อยๆ แทรกเข้ามาแทนที่ความเจ็บปวดในหัวใจ
นี่คือ… อ้อมกอดที่เขาต้องการมากที่สุดในโลก
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาภายในห้องนอนมืดสลัว ร่างสูงบนเตียงพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นทันทีที่รู้สึกตัว เขามองไปรอบห้องนอนตัวเอง ดวงตาคมหม่นแสงลง
ฝันเหรอ…
ไฟซัลยันตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียงด้วยอาการปวดหัวขั้นสุด เมื่อคืนเข้าดื่มไปเยอะมาก เขาจำเรื่องเมื่อคืนแทบไม่ได้เลย มีเพียงความทรงจำเลือนรางราวกับความฝันเท่านั้นที่ยังวนเวียนอยู่ในหัวของเขา มือหนายกขึ้นขยี้ผมสีดำสนิทของตัวเองแรงๆ เตรียมจะก้าวขาลงจากเตียง แต่กลับต้องชะงักไป
นั่นมัน…
ผ้าพันคอคุ้นตาผืนหนึ่งถูกหยิบขึ้นมาจากโต๊ะหัวเตียง กลิ่นหอมอ่อนๆ ยังคงติดตรึงอยู่บนผ้าผืนนั้น เขาจำกลิ่นหอมนี้ได้ดี… มันคือกลิ่นของเด็กสาวคนนั้น!
ถ้าอย่างนั้น… เรื่องเมื่อคืนก็ไม่ใช่ความฝันน่ะสิ!
“ตื่นแล้วเหรอ ปวดหัวหรือเปล่า” ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมร่างสูงของเพื่อนสนิทเดินเข้ามา เขารีบหันไปถามในสิ่งที่คาใจทันที
“เจ้าของผ้าผืนนี้อยู่ที่ไหน?”
“อะไรของนาย” ‘อลัน’ เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกันเลิกคิ้วมองผ้าพันคอในมือไฟซัลอย่างฉงน เขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้เรื่องอาการป่วยของทายาทนักธุรกิจพันล้านคนนี้
“เจ้าของผ้าไง ผ้าผืนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“มันอยู่ที่คอนายตอนฉันไปรับน่ะสิ” อลันวางเครื่องดื่มแก้แฮงค์ให้เพื่อน เขาไม่ได้ใส่ใจกับท่าทีแปลกไปของไฟซัลสักเท่าไหร่
“หมายความว่ายังไง? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ถ้าจำไม่ผิดฉันยืนอยู่บนสะพานกับเด็กคนนั้นไม่ใช่เหรอ?”
“เด็ก?” อลันขมวดคิ้ว “อ้อ หมายถึงเด็กผู้หญิงที่รับสายคนนั้นหรือเปล่า”
“ใช่! นายเจอเธอใช่ไหม? แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?” ไฟซัลทำหน้าดีใจ เพราะเมื่อคืนเขาเมามากทำให้จำหน้าเด็กคนนั้นแทบไม่ได้ สิ่งที่พอจะจำได้มีแค่เสียงหวานๆ กับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเธอ และชุดนักเรียนนานาชาตินั่นเท่านั้น
“ไม่เจอ ตอนฉันโทรหานาย มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งรับสาย เธอบอกว่านายเมาหลับอยู่บนสะพานให้ฉันรีบไปรับ ตอนฉันไปถึงก็ไม่เจอเธอแล้ว เจอแต่นายนั่งหลับพิงราวสะพานโดยมีผ้าพันคอผืนนี้พันคออยู่” อลันเล่าอย่างละเอียดพลางสังเกตสีหน้าของไฟซัลไปด้วย เมื่อเห็นแววตาผิดหวังของเพื่อนก็อดถามต่อไม่ได้ “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วทำไมนายถึงไปเมาหลับบนนั้นได้ นี่นายคงไม่ได้คิดอะไรบ้าๆ หรอกใช่ไหม?”
เพราะเรื่องของมารดาทำให้ไฟซัลซึมเศร้ามานับสัปดาห์จนคนรอบตัวพากันกังวลไปหมด เมื่อรู้ว่าเขาขึ้นไปบนสะพานแบบนั้นอลันอดร้อนใจไม่ได้จริงๆ กลัวว่าเขาคิดจะทำร้ายตัวเอง
“…” ไฟซัลลุกขึ้นยืน ในมือกำผ้าพันคอแน่น เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เขาตัดสินใจบางอย่างขึ้นมาได้
“นายจะไปไหน?” อลันมองตามร่างสูงที่เดินหยิบผ้าขนหนูเตรียมจะเข้าห้องน้ำ ไฟซัลชะงักฝีเท้าหันกลับมามองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม มันไม่ใช่แววตาว่างเปล่าเหมือนหลายวันที่ผ่านมา แต่เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นบางอย่าง
“ไปตามหาเด็กคนนั้น”
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เสิ่นซือหนิงซ่อนตัวตนไว้ยอมทำทุกอย่างให้ แต่ความจริงใจของเธอกลับถูกสามีทำลายไปหมด และสิ่งที่เธอได้รับนั้นคือข้อตกลงการหย่า ด้วยความผิดหวังเธอจึงหันหลังจากไปและกลายเป็นตัวเองที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากได้เห็นความใกล้ชิดของสามีกับคนรักของเขา เธอก็จากไปด้วยความผิดหวัง จากนั้นเปิดเผยตัวตนที่เป็นนักปรุงน้ำหอมอัจฉริยะระดับนานาชาติ ผู้ก่อตั้งองค์กรข่าวกรองที่มีชื่อเสียง และผู้สืบทอดในโลกแฮ็กเกอร์ อดีตสามีของเธอเลยเสียใจมาก เมื่อเมิ่งซือเฉินรู้ว่าตัวเองทำผิด เขาก็เสียใจมาก หนิง ผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะ ทว่าฮั่วจิ่งชวนขาพิการนั้นกลับลุกขึ้นยืนและจับมือกับเธอว่า "อยากคบกับเธอ นายยังไม่มีค่าพอ"