เคยมีสหายต่างเพศไหม สหายที่ไม่รู้อะไรของกันและกันเลย รู้แค่ว่า...สุขใจที่ได้ร่ำสุรา และเล่นหมากล้อมกัน อย่างไม่มีวันเบื่อ...
เคยมีสหายต่างเพศไหม สหายที่ไม่รู้อะไรของกันและกันเลย รู้แค่ว่า...สุขใจที่ได้ร่ำสุรา และเล่นหมากล้อมกัน อย่างไม่มีวันเบื่อ...
สมัยราชวงศ์ฮั่นรุ่งเรืองเมื่อ ประมาณ 206 ปี ก่อน ค.ศ. ………………..
ณ แคว้นไท่เหยี่ยน…หัวเมืองทางตอนเหนือของจงหยวน เป็นแคว้นชายแดนที่ห่างไกล ยังไม่มีเชื้อพระวงศ์ไปปกครองเป็นเจ้าเมือง มีเพียงแม่ทัพที่รักษาเมืองหลังกำจัดเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ก่อนได้แล้วเท่านั้น เป็นเสมือนตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าผู้ครองแคว้น
แม่ทัพหลิวหย่งซื่อ….เป็นแม่ทัพใหญ่ที่รักษาการณ์ในตำแหน่งผู้ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยของแคว้น…เนื่องจากติดชายแดน ต้องทำสงครามบ่อยครั้ง มีความเก่งกล้าสามารถปราบศัตรูพ่าย 10 ปีให้หลังนี้ยังไม่เคยแพ้สงครามเลย แม้ว่าจะมีการทำศึกกับใกล้เคียง และชนเผ่าเร่ร่อนอยู่เนืองๆ
3 ปีที่ผ่านมาแม่ทัพหลิวหย่งซื่อนำทัพทำศึกได้รับชัยชนะ จนสามารถรวบรวมนครขนาดเล็ก 2 นครเป็นแคว้นเดียว องค์จักรพรรดิมีพระราชโองการพระราชทานรางวัล โดยพระราชทานองค์หญิงลี่เหลียนพระราชธิดาองค์โตที่เกิดจากซุนฟู่เหรินให้รองแม่ทัพซ้าย …นามหลิวไป๋กวนบุตรชายคนรองของแม่ทัพหลิวหย่งซื่อ…เป็นสมรสพระราชทาน และแต่งตั้งให้เป็น ‘เลี่ยโหว ’….ซึ่งเป็นตำแหน่งราชบุตรเขย
ตามกฎการปกครองบ้านเมือง หัวเมืองใดปกครองนครมากกว่า 1 แห่ง ต้องมี ' จูโหวหวัง ' ซึ่งเป็นตำแหน่งของอ๋อง…พระราชโอรสขององค์จักรพรรดิไปครองเมืองดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ …จึงทำการส่งเชื้อพระวงศ์ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีไว้ก่อน
แม่ทัพหลิวหย่งซื่อมีบุตรที่เกิดจากหลิวฮูหยินทั้งสิ้น 4 คน เป็นบุตรชาย 3 คนและบุตรสาว 1 คน บุตรชายล้วนเก่งกล้าสามารถไม่แพ้บิดาของตน ส่วนบุตรสาวเป็นกลุสตรีที่เพียบพร้อม มีเพียงบุตรชายคนโตที่แต่งงานมีภรรยาแล้ว รางวัลสมรสพระราชทานนี้…..จึงตกเป็นของบุตรชายคนรองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องนี้แม่ทัพหลิวหย่งซื่อทราบดี ไม่ปรารถนาจะเป็นเจ้าครองแคว้นแต่แรก เพราะเข้าใจในเล่ห์กลของวังหลวง ที่ต้องการให้เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่ปกครองแคว้น มิฉะนั้นอาจถูกใส่ร้ายและกล่าวหาว่าเป็นกบฎจนไม่อาจรักษาชีวิตของตนและครอบครัวได้
เป็นเหตุให้ท่านแม่ทัพหลิวหย่งซื่อต้องจัดหา 'องครักษ์หญิง' จากแคว้นทางตะวันออก เพื่อมาดูแลความปลอดภัยให้กับองค์หญิงลี่เหลียนโดยเฉพาะ จึงได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพหวังเหว่ยผู้เป็นสหายรัก ผู้ที่มีตำแหน่งรักษาการแคว้นยู่ที่แคว้นจิ้น …แคว้นทางตะวันออก
เพราะต้องการหลีกเลี่ยงข้อครหาเรื่องการก่อกบฎ จึงคิดยืมมือคนนอกแคว้นที่ไว้ใจได้ เข้ามาเป็นคนกลาง
แคว้นจิ้น…เป็นเมืองชายแดนขนาดใหญ่ทางตะวันออกของจงหยวน ใหญ่กว่าแคว้นไท่เหยี่ยนเดิมก่อนรวม 2 นคร
แม่ทัพหวังเหว่ยปกครองด้วยความสามารถร่วมกับฮูหยินหวัง และบุตรกว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญการรบ มีกองทหารหญิง จัดเป็นกองกำลังพิเศษสำหรับหวังฮูหยินบัญชาการโดยเฉพาะ
สืบเนื่องจากนานมาแล้ว มีครั้งหนึ่ง….ระหว่างที่ท่านแม่ทัพนำทัพออกศึก ถูกข้าศึกย้อนกลับเข้ามาบุกทำลายในเมือง ดีที่ฮูหยินและบุตรชาย-หญิงเก่งกล้า สามารถสู้ศึกรอดพ้นวิกฤตนั้นมาได้ ต่อมาจึงตั้งกองทหารหญิงโดยฝึกมาสาวใช้ในเรือนให้มีความสามารถใกล้เคียงกับทหารชายที่สุด ทำงานในจวนพร้อมทั้งดูแลคุ้มครองฮูหยินและลูกหลานไปด้วย
เมื่อได้รับสาส์นขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นท่านแม่ทัพหวังเหว่ยไปออกรบที่แคว้นใกล้เคียง ในเมืองอำนาจสิทธิ์ขาดจึงเป็นของหวังฮูหยิน นางพิจารณาส่งสาวใช้ที่ฉลาดและไว้ใจได้ไป 10 คน โดยใช้พิราบสื่อสารแจ้งกับท่านแม่ทัพหลังจากที่เหล่าทหารหญิงได้ออกเดินทางไปแล้ว
การเดินทางไปแคว้นไท่เหยี่ยน ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือใช้เวลาในการเดินทางยาวนาน ถ้าเป็นพ่อค้าใช้เวลาเดินทางเกือบ 30 วัน แต่นี่เป็นกองกำลังหน่วยรบพิเศษจึงใช้เวลาเพียง 15 วันเท่านั้น
โรงเตี๊ยมที่พวกนางไปพัก มักเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ไม่เป็นที่สนใจกับผู้คนมากนัก การแต่งกายเป็นชายใส่อาภรณ์สีดำแดงที่มีหน้ากากหนังสัตว์ชนิดพิเศษอำพรางใบหน้า
“ คุณหนู!!! ทำเช่นนี้ข้าจะถูกท่านฮูหยินตำหนิได้ ” หลี่หนิงซาหัวหน้าหน่วยรบพิเศษชุดนี้ เอ่ยขึ้นหลังจากที่สำรวจผู้ติดตาม ซึ่งจำนวนครบจริง แต่ไม่ใช่คนตามรายชื่อ… ที่ผ่านมา 4-5 วันนั้น ทั้งหมดไม่ได้พักม้ายาวนานเช่นวันนี้ แม้จะรู้ว่ามีเรื่องผิดปกติ แต่ก็เบาใจว่า เป็นคนที่นางรู้จักเป็นอย่างดี จึงได้ปล่อยผ่าน จนมาถึงที่โรงเตี๊ยมก่อนจึงสะสาง
“ พี่หนิงซาก็… ข้าว่างพอดี อยู่จวนน่าเบื่อ” ใช่แล้วคนที่ไม่ใช่คนนี้คือคุณหนู 19 บุตรสาวคนเล็กของท่านแม่ทัพหวังเหว่ย…นามว่า หวังหยูจี อายุย่างเข้า 15 หนาว
“ เพลานี้คุณหนูควรอยู่ที่กองทัพใช่หรือไม่” น้ำเสียงฟังดุเข้มงวด แต่ไม่มากนัก เพราะรู้ว่าบุตรสาวคนเล็กของท่านแม่ทัพหวังผู้นี้ เป็นที่รักยิ่งของท่านแม่ทัพและหวังฮูหยิน ทั้งรักและตามใจ โชคดีที่นางมีนิสัยส่วนตัวเป็นมิตร มีเมตตาและคุณธรรม ใฝ่ศึกษาหาความรู้ในศาสตร์ทุกแขนงที่ท่านทั้ง 2 คนสอนบุตรธิดา จึงยิ่งเป็นที่โปรดปราน
ปกติจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่บิดาและพี่ๆ ไฉนนางจึงมาอยู่ที่นี่เล่า….
“ ท่านพ่อให้ข้ากลับมาก่อน เพราะข้าต้องเตรียมตัวเข้าพิธีปักปิ่นในอีก 3 - 4 เดือนข้างหน้า ” น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเบื่อหน่ายอย่างปิดไม่มิด
“ นั่นสิเจ้าคะ ทำไมมาอยู่นี่ ” ทำไมหลี่หนิงซาจะไม่รู้ว่า คู่หมั้นของหวังหยูจีเป็นใคร
“ ก็ยังไม่ถึงเวลา แต่ข้าอยากมาเปิดหูเปิดตาที่แคว้นไท่เหยี่ยนบ้างนี่ ” ยังคงเป็นเด็กสาวที่เฉไฉเช่นเดิม
ด้วยความที่หลี่หนิงซา เป็นพี่เลี้ยงดูแลคุณหนูของตัวเองมาตั้งแต่เล็ก รู้ถึงพื้นนิสัยของนางดี จึงหยุดเซ้าซี้ให้เด็กสาวไม่พอใจ เกรงว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เด็กสาวอาจจะหาทางไปที่จวนแม่ทัพหลิวเอง…ก็เป็นได้
ยิ่งถ้าให้กลับจวนเองแล้วล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ว่า….คนที่ตั้งใจแน่วแน่อย่างหวังหยูจีจะทำตามคำสั่ง ดังนั้นนางจึงหาทางประนีประนอม เพื่อให้สถานการณ์นี้ควบคุมได้
“ แคว้นไท่เหยี่ยน มีคู่หมั้นของท่านอยู่ คุณหนูทราบหรือไม่ ”
“ โอ๊ะ!!!!….จริงหรือ ” …เป็นอาการแสร้งทำ…ที่ทำให้หลี่หนิงซาอมยิ้มและส่ายหน้า …เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่หวังหยูจีจะไม่ทราบ
“ คุณหนูไม่ควรเจอคู่หมั้นก่อนพิธีแต่งงาน ยิ่งยังไม่ได้ปักปิ่น ยิ่งไม่เหมาะ”
“ ทำไมล่ะ ” น้ำเสียงนั้นดูเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ
“ ไม่มีชายคนใดที่ดีที่สุดหรอก สิ่งที่คุณหนูพบเจอก่อนการแต่งงาน อาจทำให้คุณหนูไม่สบายใจ ส่งผลทำให้ชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่น” นางเตือนอย่างคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน
“ ดีสิ ข้าจะได้ยกเลิกการหมั้นหมาย หรือไม่ก็พยายามปรับตัวเข้ามาเขา ” เป็นคำตอบที่…ชาตินี้คนอย่างหวังหยูจีไม่อาจทำใจยอมรับได้ …โดยเฉพาะเรื่องการปรับตัวเข้าหา เพราะด้วยฐานะที่เท่าเทียมกัน การยอมให้อีกฝ่าย….กับคนอื่นคงสบาย แต่นี่คือหวังหยูจี …. ไม่มีทาง
“ เอาล่ะ ข้าคงเถียงกับท่านไม่ชนะเป็นแน่ ” นางบอกพร้อมกับยกยิ้ม
“ ข้าสัญญาจะเป็นเด็กดี ” หวังหยูจีเข้าไปโอบกอดรอบเอวพี่เลี้ยงจากเอาใจ
“ ถ้าเช่นนั้น ต้องปลอมตัวเป็นคนที่ท่านมาแทน ” เพราะรายชื่อขององครักษ์หญิงถูกส่งมาก่อนหน้านี้แล้วโดยนกพิราบสื่อสาร ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างทางได้ เนื่องจากภารกิจนี้คือการถวายการคุ้มครองพระราชธิดาขององค์จักรพรรดิ การกระทำใดๆต้องชัดเจน และตรวจสอบได้
“ ได้สิ ข้าเตรียมตัวมาแล้ว ท่านหัวหน้าเรียกข้าว่า ‘เสี่ยวซิง’ได้เลย " มาจากนาม ‘ซ่านเจียวซิง’ เป็นนามขององครักษ์หญิงคนที่นางเปลี่ยนตัวมา
“ ข้าจะยอมให้คุณหนูอยู่ที่นี่ได้ 3 เดือนเท่านั้นนะเจ้าคะ ” เพราะพิธีปักปิ่นของจวนแม่ทัพหวังยิ่งใหญ่ หัวหน้าหน่วยทุกหน่วยต้องไปเข้าร่วมพิธี …เพลานั้นนางต้องกลับแคว้นจิ้นอยู่แล้ว การกำหนดเวลาล่วงหน้าจะทำให้หวังหยูจีเตรียมใจยอมรับคำสั่งได้
“ เจ้าค่ะท่านหัวหน้า ” เป็นคำตอบที่เด็กสาวอายุอานาม 14 ย่าง 15 หนาวดีใจยิ่งนัก ส่วนหลี่หนิงซาได้แต่อมยิ้มและส่ายหน้าให้ตัวเอง นางไม่เคยใจแข็งกับคุณหนูตัวน้อยของนางได้สักครั้ง เพราะเด็กสาวฉลาดที่จะยอมผ่อนสั้นผ่อนยาวเพื่อให้ได้ตามที่ตนเองต้องการ มิใช่เอาแต่ใจฝ่ายเดียว
เมื่อเจรจาเป็นที่เรียบร้อยแล้วลูกทีมอีก 8 คนก็ต้องมาซักซ้อมเรื่องการปลอมตัวของบุตรสาวคนเล็กท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแควันจิ้นด้วย ปกติในระหว่างออกรบ นางจะไม่ถือยศถือศักดิ์เท่าไหร่นัก เป็นที่สบายใจของคนติดตามใกล้ชิด ทำให้ครั้งนั้นการแฝงตัวเข้ามาในจวนแม่ทัพแคว้นไท่เหยี่ยนจึงง่ายดังพลิกฝ่ามือ
อีกฟากหนึ่งของโรงเตี๊ยม …มีกลุ่มขบวนคาราวานที่เข้ามาพักค้างแรมที่นี่เช่นกัน เพราะเป็นทางเดียวที่จะเข้าสู่แคว้นไท่เหยี่ยน ที่นี่เป็นที่พักม้า พักคน และแลกเปลี่ยนสินค้า จึงมีคนเดินทางกันขวักไขว่
“ เรียนองค์หญิง เป็นเอ่อ……..จริงๆพะยะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์มารายงานด้วยน้ำเสียงเบาและมีท่าทีลำบากใจ เพราะขบวนสมรสพระราชทานนี้ เดินทางหลังจากที่องค์หญิงลี่เหลียนอวยพรคู่บ่าวสาวเสร็จสิ้น …
แต่เจ้าบ่าว….ปรากฎตัวที่ด่านชายแดน แล้วเจ้าสาวล่ะ?!! แล้วผู้คนทางนู้นล่ะ
--------
ฝากติดตามด้วยค่ะ
ณิณี แซ่ลิ้ม
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
ซ่งชิงเหอโดนหักหลังและกลายเป็นฆาตกรในสายตาคนอื่น เธอจึงหย่ากับสีจั้นถิง สามีของเธอ และเดินทางออกจากเมืองหวยไปด้วยความเกลียดชัง หกปีต่อมา เธอหวนกลับมาราวกับนกฟีนิกซ์พร้อมกับคู่แข่งของสามีเก่าเธอ เธอเติบโตขึ้นกลายเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง เธอสาบานกับตัวเองว่าจะทำให้ทุกคนต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำไว้กับเธอ เธอยอมร่วมมือกับเขาเพียงเพื่อแก้แค้น โดยไม่รู้เลยว่าเธอตกเป็นเหยื่อของเขาไปแล้ว ในเกมแห่งความรักและความปรารถนา ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชนะที่แท้จริงจะเป็นใคร
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY