เคยมีสหายต่างเพศไหม สหายที่ไม่รู้อะไรของกันและกันเลย รู้แค่ว่า...สุขใจที่ได้ร่ำสุรา และเล่นหมากล้อมกัน อย่างไม่มีวันเบื่อ...
เคยมีสหายต่างเพศไหม สหายที่ไม่รู้อะไรของกันและกันเลย รู้แค่ว่า...สุขใจที่ได้ร่ำสุรา และเล่นหมากล้อมกัน อย่างไม่มีวันเบื่อ...
สมัยราชวงศ์ฮั่นรุ่งเรืองเมื่อ ประมาณ 206 ปี ก่อน ค.ศ. ………………..
ณ แคว้นไท่เหยี่ยน…หัวเมืองทางตอนเหนือของจงหยวน เป็นแคว้นชายแดนที่ห่างไกล ยังไม่มีเชื้อพระวงศ์ไปปกครองเป็นเจ้าเมือง มีเพียงแม่ทัพที่รักษาเมืองหลังกำจัดเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ก่อนได้แล้วเท่านั้น เป็นเสมือนตำแหน่งรักษาการแทนเจ้าผู้ครองแคว้น
แม่ทัพหลิวหย่งซื่อ….เป็นแม่ทัพใหญ่ที่รักษาการณ์ในตำแหน่งผู้ปกครองดูแลความสงบเรียบร้อยของแคว้น…เนื่องจากติดชายแดน ต้องทำสงครามบ่อยครั้ง มีความเก่งกล้าสามารถปราบศัตรูพ่าย 10 ปีให้หลังนี้ยังไม่เคยแพ้สงครามเลย แม้ว่าจะมีการทำศึกกับใกล้เคียง และชนเผ่าเร่ร่อนอยู่เนืองๆ
3 ปีที่ผ่านมาแม่ทัพหลิวหย่งซื่อนำทัพทำศึกได้รับชัยชนะ จนสามารถรวบรวมนครขนาดเล็ก 2 นครเป็นแคว้นเดียว องค์จักรพรรดิมีพระราชโองการพระราชทานรางวัล โดยพระราชทานองค์หญิงลี่เหลียนพระราชธิดาองค์โตที่เกิดจากซุนฟู่เหรินให้รองแม่ทัพซ้าย …นามหลิวไป๋กวนบุตรชายคนรองของแม่ทัพหลิวหย่งซื่อ…เป็นสมรสพระราชทาน และแต่งตั้งให้เป็น ‘เลี่ยโหว ’….ซึ่งเป็นตำแหน่งราชบุตรเขย
ตามกฎการปกครองบ้านเมือง หัวเมืองใดปกครองนครมากกว่า 1 แห่ง ต้องมี ' จูโหวหวัง ' ซึ่งเป็นตำแหน่งของอ๋อง…พระราชโอรสขององค์จักรพรรดิไปครองเมืองดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ …จึงทำการส่งเชื้อพระวงศ์ไปเชื่อมสัมพันธไมตรีไว้ก่อน
แม่ทัพหลิวหย่งซื่อมีบุตรที่เกิดจากหลิวฮูหยินทั้งสิ้น 4 คน เป็นบุตรชาย 3 คนและบุตรสาว 1 คน บุตรชายล้วนเก่งกล้าสามารถไม่แพ้บิดาของตน ส่วนบุตรสาวเป็นกลุสตรีที่เพียบพร้อม มีเพียงบุตรชายคนโตที่แต่งงานมีภรรยาแล้ว รางวัลสมรสพระราชทานนี้…..จึงตกเป็นของบุตรชายคนรองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เรื่องนี้แม่ทัพหลิวหย่งซื่อทราบดี ไม่ปรารถนาจะเป็นเจ้าครองแคว้นแต่แรก เพราะเข้าใจในเล่ห์กลของวังหลวง ที่ต้องการให้เชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่ปกครองแคว้น มิฉะนั้นอาจถูกใส่ร้ายและกล่าวหาว่าเป็นกบฎจนไม่อาจรักษาชีวิตของตนและครอบครัวได้
เป็นเหตุให้ท่านแม่ทัพหลิวหย่งซื่อต้องจัดหา 'องครักษ์หญิง' จากแคว้นทางตะวันออก เพื่อมาดูแลความปลอดภัยให้กับองค์หญิงลี่เหลียนโดยเฉพาะ จึงได้ส่งสาส์นขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพหวังเหว่ยผู้เป็นสหายรัก ผู้ที่มีตำแหน่งรักษาการแคว้นยู่ที่แคว้นจิ้น …แคว้นทางตะวันออก
เพราะต้องการหลีกเลี่ยงข้อครหาเรื่องการก่อกบฎ จึงคิดยืมมือคนนอกแคว้นที่ไว้ใจได้ เข้ามาเป็นคนกลาง
แคว้นจิ้น…เป็นเมืองชายแดนขนาดใหญ่ทางตะวันออกของจงหยวน ใหญ่กว่าแคว้นไท่เหยี่ยนเดิมก่อนรวม 2 นคร
แม่ทัพหวังเหว่ยปกครองด้วยความสามารถร่วมกับฮูหยินหวัง และบุตรกว่า 20 คนที่เชี่ยวชาญการรบ มีกองทหารหญิง จัดเป็นกองกำลังพิเศษสำหรับหวังฮูหยินบัญชาการโดยเฉพาะ
สืบเนื่องจากนานมาแล้ว มีครั้งหนึ่ง….ระหว่างที่ท่านแม่ทัพนำทัพออกศึก ถูกข้าศึกย้อนกลับเข้ามาบุกทำลายในเมือง ดีที่ฮูหยินและบุตรชาย-หญิงเก่งกล้า สามารถสู้ศึกรอดพ้นวิกฤตนั้นมาได้ ต่อมาจึงตั้งกองทหารหญิงโดยฝึกมาสาวใช้ในเรือนให้มีความสามารถใกล้เคียงกับทหารชายที่สุด ทำงานในจวนพร้อมทั้งดูแลคุ้มครองฮูหยินและลูกหลานไปด้วย
เมื่อได้รับสาส์นขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นท่านแม่ทัพหวังเหว่ยไปออกรบที่แคว้นใกล้เคียง ในเมืองอำนาจสิทธิ์ขาดจึงเป็นของหวังฮูหยิน นางพิจารณาส่งสาวใช้ที่ฉลาดและไว้ใจได้ไป 10 คน โดยใช้พิราบสื่อสารแจ้งกับท่านแม่ทัพหลังจากที่เหล่าทหารหญิงได้ออกเดินทางไปแล้ว
การเดินทางไปแคว้นไท่เหยี่ยน ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือใช้เวลาในการเดินทางยาวนาน ถ้าเป็นพ่อค้าใช้เวลาเดินทางเกือบ 30 วัน แต่นี่เป็นกองกำลังหน่วยรบพิเศษจึงใช้เวลาเพียง 15 วันเท่านั้น
โรงเตี๊ยมที่พวกนางไปพัก มักเป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ ไม่เป็นที่สนใจกับผู้คนมากนัก การแต่งกายเป็นชายใส่อาภรณ์สีดำแดงที่มีหน้ากากหนังสัตว์ชนิดพิเศษอำพรางใบหน้า
“ คุณหนู!!! ทำเช่นนี้ข้าจะถูกท่านฮูหยินตำหนิได้ ” หลี่หนิงซาหัวหน้าหน่วยรบพิเศษชุดนี้ เอ่ยขึ้นหลังจากที่สำรวจผู้ติดตาม ซึ่งจำนวนครบจริง แต่ไม่ใช่คนตามรายชื่อ… ที่ผ่านมา 4-5 วันนั้น ทั้งหมดไม่ได้พักม้ายาวนานเช่นวันนี้ แม้จะรู้ว่ามีเรื่องผิดปกติ แต่ก็เบาใจว่า เป็นคนที่นางรู้จักเป็นอย่างดี จึงได้ปล่อยผ่าน จนมาถึงที่โรงเตี๊ยมก่อนจึงสะสาง
“ พี่หนิงซาก็… ข้าว่างพอดี อยู่จวนน่าเบื่อ” ใช่แล้วคนที่ไม่ใช่คนนี้คือคุณหนู 19 บุตรสาวคนเล็กของท่านแม่ทัพหวังเหว่ย…นามว่า หวังหยูจี อายุย่างเข้า 15 หนาว
“ เพลานี้คุณหนูควรอยู่ที่กองทัพใช่หรือไม่” น้ำเสียงฟังดุเข้มงวด แต่ไม่มากนัก เพราะรู้ว่าบุตรสาวคนเล็กของท่านแม่ทัพหวังผู้นี้ เป็นที่รักยิ่งของท่านแม่ทัพและหวังฮูหยิน ทั้งรักและตามใจ โชคดีที่นางมีนิสัยส่วนตัวเป็นมิตร มีเมตตาและคุณธรรม ใฝ่ศึกษาหาความรู้ในศาสตร์ทุกแขนงที่ท่านทั้ง 2 คนสอนบุตรธิดา จึงยิ่งเป็นที่โปรดปราน
ปกติจะรบเคียงบ่าเคียงไหล่บิดาและพี่ๆ ไฉนนางจึงมาอยู่ที่นี่เล่า….
“ ท่านพ่อให้ข้ากลับมาก่อน เพราะข้าต้องเตรียมตัวเข้าพิธีปักปิ่นในอีก 3 - 4 เดือนข้างหน้า ” น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความเบื่อหน่ายอย่างปิดไม่มิด
“ นั่นสิเจ้าคะ ทำไมมาอยู่นี่ ” ทำไมหลี่หนิงซาจะไม่รู้ว่า คู่หมั้นของหวังหยูจีเป็นใคร
“ ก็ยังไม่ถึงเวลา แต่ข้าอยากมาเปิดหูเปิดตาที่แคว้นไท่เหยี่ยนบ้างนี่ ” ยังคงเป็นเด็กสาวที่เฉไฉเช่นเดิม
ด้วยความที่หลี่หนิงซา เป็นพี่เลี้ยงดูแลคุณหนูของตัวเองมาตั้งแต่เล็ก รู้ถึงพื้นนิสัยของนางดี จึงหยุดเซ้าซี้ให้เด็กสาวไม่พอใจ เกรงว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เด็กสาวอาจจะหาทางไปที่จวนแม่ทัพหลิวเอง…ก็เป็นได้
ยิ่งถ้าให้กลับจวนเองแล้วล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ว่า….คนที่ตั้งใจแน่วแน่อย่างหวังหยูจีจะทำตามคำสั่ง ดังนั้นนางจึงหาทางประนีประนอม เพื่อให้สถานการณ์นี้ควบคุมได้
“ แคว้นไท่เหยี่ยน มีคู่หมั้นของท่านอยู่ คุณหนูทราบหรือไม่ ”
“ โอ๊ะ!!!!….จริงหรือ ” …เป็นอาการแสร้งทำ…ที่ทำให้หลี่หนิงซาอมยิ้มและส่ายหน้า …เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่หวังหยูจีจะไม่ทราบ
“ คุณหนูไม่ควรเจอคู่หมั้นก่อนพิธีแต่งงาน ยิ่งยังไม่ได้ปักปิ่น ยิ่งไม่เหมาะ”
“ ทำไมล่ะ ” น้ำเสียงนั้นดูเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ
“ ไม่มีชายคนใดที่ดีที่สุดหรอก สิ่งที่คุณหนูพบเจอก่อนการแต่งงาน อาจทำให้คุณหนูไม่สบายใจ ส่งผลทำให้ชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่น” นางเตือนอย่างคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน
“ ดีสิ ข้าจะได้ยกเลิกการหมั้นหมาย หรือไม่ก็พยายามปรับตัวเข้ามาเขา ” เป็นคำตอบที่…ชาตินี้คนอย่างหวังหยูจีไม่อาจทำใจยอมรับได้ …โดยเฉพาะเรื่องการปรับตัวเข้าหา เพราะด้วยฐานะที่เท่าเทียมกัน การยอมให้อีกฝ่าย….กับคนอื่นคงสบาย แต่นี่คือหวังหยูจี …. ไม่มีทาง
“ เอาล่ะ ข้าคงเถียงกับท่านไม่ชนะเป็นแน่ ” นางบอกพร้อมกับยกยิ้ม
“ ข้าสัญญาจะเป็นเด็กดี ” หวังหยูจีเข้าไปโอบกอดรอบเอวพี่เลี้ยงจากเอาใจ
“ ถ้าเช่นนั้น ต้องปลอมตัวเป็นคนที่ท่านมาแทน ” เพราะรายชื่อขององครักษ์หญิงถูกส่งมาก่อนหน้านี้แล้วโดยนกพิราบสื่อสาร ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างทางได้ เนื่องจากภารกิจนี้คือการถวายการคุ้มครองพระราชธิดาขององค์จักรพรรดิ การกระทำใดๆต้องชัดเจน และตรวจสอบได้
“ ได้สิ ข้าเตรียมตัวมาแล้ว ท่านหัวหน้าเรียกข้าว่า ‘เสี่ยวซิง’ได้เลย " มาจากนาม ‘ซ่านเจียวซิง’ เป็นนามขององครักษ์หญิงคนที่นางเปลี่ยนตัวมา
“ ข้าจะยอมให้คุณหนูอยู่ที่นี่ได้ 3 เดือนเท่านั้นนะเจ้าคะ ” เพราะพิธีปักปิ่นของจวนแม่ทัพหวังยิ่งใหญ่ หัวหน้าหน่วยทุกหน่วยต้องไปเข้าร่วมพิธี …เพลานั้นนางต้องกลับแคว้นจิ้นอยู่แล้ว การกำหนดเวลาล่วงหน้าจะทำให้หวังหยูจีเตรียมใจยอมรับคำสั่งได้
“ เจ้าค่ะท่านหัวหน้า ” เป็นคำตอบที่เด็กสาวอายุอานาม 14 ย่าง 15 หนาวดีใจยิ่งนัก ส่วนหลี่หนิงซาได้แต่อมยิ้มและส่ายหน้าให้ตัวเอง นางไม่เคยใจแข็งกับคุณหนูตัวน้อยของนางได้สักครั้ง เพราะเด็กสาวฉลาดที่จะยอมผ่อนสั้นผ่อนยาวเพื่อให้ได้ตามที่ตนเองต้องการ มิใช่เอาแต่ใจฝ่ายเดียว
เมื่อเจรจาเป็นที่เรียบร้อยแล้วลูกทีมอีก 8 คนก็ต้องมาซักซ้อมเรื่องการปลอมตัวของบุตรสาวคนเล็กท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แห่งแควันจิ้นด้วย ปกติในระหว่างออกรบ นางจะไม่ถือยศถือศักดิ์เท่าไหร่นัก เป็นที่สบายใจของคนติดตามใกล้ชิด ทำให้ครั้งนั้นการแฝงตัวเข้ามาในจวนแม่ทัพแคว้นไท่เหยี่ยนจึงง่ายดังพลิกฝ่ามือ
อีกฟากหนึ่งของโรงเตี๊ยม …มีกลุ่มขบวนคาราวานที่เข้ามาพักค้างแรมที่นี่เช่นกัน เพราะเป็นทางเดียวที่จะเข้าสู่แคว้นไท่เหยี่ยน ที่นี่เป็นที่พักม้า พักคน และแลกเปลี่ยนสินค้า จึงมีคนเดินทางกันขวักไขว่
“ เรียนองค์หญิง เป็นเอ่อ……..จริงๆพะยะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์มารายงานด้วยน้ำเสียงเบาและมีท่าทีลำบากใจ เพราะขบวนสมรสพระราชทานนี้ เดินทางหลังจากที่องค์หญิงลี่เหลียนอวยพรคู่บ่าวสาวเสร็จสิ้น …
แต่เจ้าบ่าว….ปรากฎตัวที่ด่านชายแดน แล้วเจ้าสาวล่ะ?!! แล้วผู้คนทางนู้นล่ะ
--------
ฝากติดตามด้วยค่ะ
ณิณี แซ่ลิ้ม
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด