ชายในฝันของผู้หญิงเกือบทั้งออฟฟิศก็คือ ‘บอสติณณภพ’ เขาทั้งหล่อ รวย และชาติตระกูลดี แต่! คนอย่างเขามีหรือจะสนใจมองพนักงานระดับล่างอย่างฉัน หน้าตาก็งั้นๆ แถมยังแต่งตัวสุดแสนจะเชยอีกต่างหาก ในเมื่อสารรูปไม่สามารถเอาชนะใจเขาได้ ฉะนั้นจึงต้องใช้มารยาหญิงเข้าสู้ ยั่วยวนให้บอสสุดหล่อหลงรัก แต่ทว่าการยั่วรักในครั้งนี้ กลับทำให้ฉันได้รู้จักอีกมุมหนึ่งของผู้ชายคนนี้ ที่ไม่ต่างจากซาตานร้ายตนหนึ่งเลยทีเดียว
ตอนที่ 1
แกมันบ้าไปแล้ว
ฉันเชื่อว่าผู้หญิงหลายๆ คนคงอยากจะมีแฟนหล่อๆ รวยๆ กันทั้งนั้น แต่น้อยนักน้อยหนาที่จะได้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างนั้นมาครอบครองได้ นอกเสียจากว่าเธอคนนั้นจะมีความสวยโดนเด่นกว่าผู้หญิงทั่วไป และคุณสมบัติพวกนั้นมันไม่มีในตัวฉันเลยสักนิดน่ะสิ
สวัสดีค่ะฉันชื่อ ‘อิงดาว’ อายุ 23 ปี เป็นพนักงานบัญชีตัวเล็กๆ ในบริษัทผลิตเครื่องสำอางอันดับหนึ่งของประเทศ ที่มีความคิดอยากจะจับบอสสุดหล่อของบริษัทไม่ต่างจากพนักงานสาวคนอื่นๆ แต่ทว่าความจริงแล้วฉันเป็นแค่ผู้หญิงเชยๆ ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย สวมแว่นหนาเตอะ ทรงผมเชยๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ละความพยายามในการทำคะแนนมัดใจบอส
เขาคนนั้นชื่อ ‘ติณณภพ’ อายุ 32 ปี เป็นหนุ่มสุดฮอตที่สุดในบริษัทนี้ และนั่งเก้าอี้เป็นประธานบริษัทอีกด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นคนหน้าดูหยิ่งๆ แต่ทว่านั่นกลับเป็นจุดขายที่ทำให้สาวเล็กสาวใหญ่ยิ่งคลั่งไคล้เข้าไปใหญ่ ในชั่วโมงที่การแข่งขันสูงขนาดนี้ฉันจะทำยังไงดีนะ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้รับชัยชนะและอยู่ในสายตาเขาบ้าง
“ดาว! ดาว! ยัยดาววว!!!”
“ห๊ะ! มีอะไรคะพี่นุช” ฉันนั่งเหม่อลอยคิดถึงแต่ใบหน้าของบอสสุดหล่อ จนลืมไปเลยว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน และตอนนี้พี่นุชผู้จัดการสุดแสนจะใจดีกำลังเอ่ยเรียกฉันอยู่
“นั่งเหม่ออะไรยะ”
“ปะ...เปล่าคะพี่ มีอะไรจะให้หนูทำหรือเปล่าคะ”
“เอาเอกสารนี้ไปให้บอสหน่อยสิ ได้เห็นหน้าบอสแกจะได้ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง” พี่นุชยื่นเอกสารให้ฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เพราะรู้ดีว่าฉันอยากจะเข้าไปในห้องนั้นมากแค่ไหน
“ค่ะพี่นุช” ฉันส่งยิ้มให้พี่นุช
“ในแผนกเราก็มีแต่แกนี่ล่ะที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาสู้กับแผนกอื่นได้บ้าง ถ้าแกได้เป็นแฟนกับบอสฉันจะรำฉุยฉายที่ศาลพระพรหมหน้าบริษัทเลยล่ะ” พี่นุชขาจะพูดอะไรก็ดูหน้าตาน้องด้วย คนอย่างบอสน่ะเหรอจะมาสนใจหนู
แม้ว่าฉันจะเป็นผู้หญิงที่จืดชืดไม่มีรสชาติ แต่ทว่าในแผนกบัญชีกลับมีแต่สาวโสดวัยสี่สิบอัพกันทั้งนั้น และฉันคิดว่าตัวเองคงจะตามรอยพวกพี่ๆ แน่นอนหากไม่ได้ลงเอยกับบอส
“หนูก็อยากเป็นนะพี่นุชแต่ดูสภาพหนูสิจะสู้ใครได้”
“บางทีบอสอาจจะชอบของแปลกเหมือนแกก็ได้นะ”
“พี่นุชอ่ะ จะด่าหรือให้กำลังใจหนูกันแน่เนี่ย”
“ให้กำลังใจสิจ๊ะ รีบไปเถอะเดี๋ยวบอสจะรอนาน”
“ค่ะพี่”
ก่อนจะเข้าไปในห้องบอสฉันแวะไปห้องน้ำเพื่อเช็กความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม ปลดกระดุมเม็ดบนสุดให้เห็นร่องอก ขยับแว่นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ จากนั้นจึงเดินออกไป
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ฉันเคาะประตูห้องด้วยหัวใจที่เต้นระส่ำ จากนั้นจึงเปิดเข้าไปอย่างช้าๆ แม้ว่าจะเห็นหน้าหล่อๆ ของบอสแทบทุกวัน แต่ทว่าได้เข้ามาห้องนี้ทีไรกลับรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะทำอะไรเปิ่นๆ ออกมา ทำให้เขาไม่ชอบขี้หน้าน่ะสิ
“ขออนุญาตค่ะบอส”
เมื่อได้ยินเสียงฉันเขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง สายตาคมคู่นั้นจ้องเขม็งมาที่ฉันอย่างไม่พอใจเล็กน้อย จ้องหน้าราวกับมีเรื่องตำหนิติเตียน
“มีอะไร?” น้ำเสียงสั้นห้วนเอ่ยถามอย่างไม่เป็นมิตร
“พี่นุชให้หนูเอาเอกสารมาให้ค่ะ” ฉันเอ่ยพลางเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานเขา ยื่นเอกสารวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะโน้มตัวก้มลงไปเล็กน้อยเพื่ออ่อยเขา มันน่าอายใช่ไหมล่ะที่ต้องมาทำอย่างนี้ แต่ร้อยทั้งร้อยผู้ชายต้องอยากเห็นเนินอกผู้หญิงแน่นอน...ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น
“เธอเป็นอะไรทำตัวแปลกๆ แล้วทำไมไม่ปิดกระดุมเม็ดบนสุดล่ะ ฉันอุจาดลูกตา” บอสขมวดคิ้วแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่ไว้หน้า ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจฉันเลยสักนิด
“เอ่อ...ขอโทษค่ะที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย” ฉันทำหน้าเหลอหลาเมื่อได้ยินอย่างนั้น ยกมือขึ้นมาปิดกระดุมอย่างเร่งรีบ คนบ้าอะไรไม่สนใจแล้วจะยังพูดให้ฉันอับอายอีก ถ้าไม่เห็นว่าหล่อและรวยฉันไม่พยายามอย่างนี้หรอก
“มีอะไรอีกไหม?”
“มะ...ไม่มีค่ะ”
“ถ้าไม่มีก็รีบออกไปซะทีฉันจะทำงานต่อ” เขาเอ่ยปากไล่ฉันอย่างไม่ยี่หระ แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันจะสู้ค่ะ...สู้เพื่อให้แม่มีลูกเขยรวยๆ สมใจอยาก
“ค่ะบอส” ฉันก้มหน้าจะเดินออกไป แต่ในใจกลับฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าไม่ทำคะแนนตั้งแต่ตอนนี้ก็คงโดนคนอื่นแซงหน้าไปแน่
เดินไปได้แค่สองสามก้าวฉันก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง
“มีอะไรอีก?” เขาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ คนบ้าอะไรแม้จะทำหน้าบูดบึ้งแค่ไหนก็ยังหล่อ
“คือ...หนูชอบบอสค่ะ” ฉันหลับตาพูดกับเขาเสียงดัง
ฉันจะโดนไล่ออกไหมเนี่ย...
บอสแค่นยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ราวกับต้องการหัวเราะเยาะฉันซะอย่างนั้น
“เธอมีดีอะไรถึงกล้ามาบอกชอบฉันยัยบื้อ ขนาดสวยกว่านี้ฉันยังไม่สนใจเลย” เขาเอ่ยกับฉันอย่างไม่ยี่หระ
ใช่สิ! ฉันไม่ได้สวยเหมือนใครๆ แต่งตัวก็เชยแล้วอย่างนี้จะไปสู้ใครได้ล่ะ
“นะ...หนูจะทำให้บอสรู้เองค่ะ ว่าหนูก็มีดีไม่แพ้ใครเหมือนกัน”
“อือฮึ...โอเคๆ ฉันจะรอดูว่าเธอมีดีอะไรบ้าง ขอบใจละกันที่ทำให้ฉันยิ้มได้ มันเป็นเรื่องตลกที่สุดของวันนี้เลยล่ะ” เขาหัวเราะอย่างพอใจจากนั้นจึงก้มหน้าอ่านเอกสารที่ฉันเพิ่งจะให้ไป
“คอยดูละกันค่ะบอส”
พูดจบฉันก็รีบเดินออกมาจากห้องโดยเร็ว ตรงไปยังห้องน้ำแล้วล็อกห้องไว้ นั่งลงบนชักโครกก่อนจะเอามือปิดหน้าอันร้อนผ่าวจนแดงก่ำไปหมด ฉันไม่เคยอายมากเท่านี้มาก่อนเลย คงไม่มีใครเชื่อว่าผู้หญิงที่เฉิ่มอย่างฉันจะกล้าไปบอกรักผู้ชายก่อน
“แกมันบ้าไปแล้วยัยดาว” ฉันบ่นให้ตัวเองเบาๆ
แต่ทว่าเมื่อนึกถึงคำพูดของเขากลับทำให้ฉันมีแรงฮึดสู้มากขึ้นไปอีก ฉันต้องเอาชนะใจเขาให้ได้ในสักวัน...
แม้รั้วบ้านจะติดกันแต่เธอและเขากลับเป็นคู่อริกันมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ทว่าพรหมลิขิตกลับทำให้คนทั้งสองบังเอิญมีอะไรกันจนมีพยานรักกำเนิดขึ้นมา ทำให้คนที่ต่างขั้วต้องมาร่วมหอลงโรงกันอย่างจำยอม และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!