หล่อนเป็นแค่เมียคั่นเวลา คอยปลดปล่อยความใคร่ให้กับเขายามที่ตัวจริงไม่อยู่ ไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียง และไม่เคยมีค่าในสายตาของเขาเลย อลินดา จำต้องเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวแทนพี่สาวฝาแฝดที่หนีตัวไปอย่างลึกลับในคืนวันแต่งงานอย่างไม่มีทางเลือก หล่อนคิดว่าเมื่อจบสิ้นพิธีการแล้ว หน้าที่ของตัวเองก็จะหมดไปเช่นกัน แต่หล่อนคิดผิด เมื่อเจ้าบ่าวใช้ร่างกายของหล่อนเป็นตัวแทนของเจ้าสาวตัวจริงตลอดทั้งค่ำคืน แซคคารีย์ แฮซมิลตัน รู้สึกราวกับถูกเหยียบหน้าเมื่อเจ้าสาวตัวจริงหายหน้าไป พร้อมกับที่ญาติพี่น้องฝ่ายหญิงอุปโลกน์น้องสาวฝาแฝดขึ้นมาเป็นเจ้าสาวตัวแทน เขาโมโหจนเลือดขึ้นหน้า และแน่นอนว่าจะต้องมีใครสักคนรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่เจ้าสาวตัวแทนที่จะต้องรองรับความหื่นกระหายของเขา จนกว่าเจ้าสาวตัวจริงจะกลับมา
บทที่ 1
“อุ๊ย... ขะ... ขอโทษค่ะ”
อลินดารีบกล่าวขอโทษขอโพยผู้ชายตัวสูงที่ตัวเองเดินเข้าไปชนด้านหลังของเขาอย่างแรงๆ เนื่องจากตัวเองมัวแต่เดินใจลอย
“ไม่เป็นไร แต่คราวหน้าคราวหลัง หัดระมัดระวังให้มากกว่านี้หน่อย เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ชายใจดีเท่านั้น”
คำพูดเย็นชาและน้ำเสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ทำให้หล่อนที่มัวแต่ก้มหน้าเก็บแฟ้มกระดาษที่ตกลงเกลื่อนกับพื้นต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะห่อปาก เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“คุณแซค...”
แซคคารีย์ แฮซมิลตัน คือชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีสนิม เขาคือหนุ่มกรีก ร่างใหญ่ยักษ์ และสุดเซ็กซี่ เขาเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมกว่าพันสาขาทั่วโลก รวมถึงโรงแรมที่หล่อนทำงานอยู่นี่ด้วย
เขาคือนายจ้างของหล่อน แต่นั่นไม่ใช่สถานะเดียวที่เขาเกี่ยวข้องกับหล่อน เพราะอีกสถานะหนึ่งที่สนิทชิดเชื้อมากกว่านี้ก็คือ เขากำลังจะเป็นพี่เขยของหล่อนนั่นเอง
“เอ่อ... ขอประทานโทษค่ะ”
“นอกจากคำว่าขอโทษ ผู้หญิงอย่างเธอ คงพูดคำอื่นไม่เป็นแล้วอย่างนั้นใช่ไหม”
“คือว่า...”
หล่อนไม่รู้ว่าทำไมแซคคารีย์ถึงได้แสดงท่าทางเลือดเย็นใส่หล่อนนัก ทั้งๆ ที่หล่อนก็พยายามเสมอที่จะเป็นว่าที่น้องสะใภ้ที่ดี แม้ว่าแท้จริงแล้ว หล่อนจะตกหลุมรักเขามาแสนนานก็ตาม
เขามองหล่อนด้วยสายตาดุดันอีกครั้ง ก่อนจะก้าวยาวๆ ผ่านหน้าไปอย่างไม่ไยดี หล่อนทำได้แค่เพียงมองตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของเขาไปทั้งน้ำตา
“ทำไมถึงใจร้ายนักคะ”
หล่อนพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเก็บแฟ้มที่ตกกระจัดกระจายตรงหน้าอย่างรีบร้อน จนกระทั่งมือเล็กถูกมือใหญ่ของใครบางคนยื่นมากุมเอาไว้
“คุณแฮรี่”
หล่อนยิ้มกว้าง แต่ก็ไม่ลืมดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างสุภาพ
“ผมช่วยครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ลินดาเก็บเองได้ค่ะ จะเสร็จอยู่แล้วด้วย”
“ช่วยกันสองคนเสร็จเร็วกว่าจริงไหมครับ”
ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าแฮรี่คิดยังไงกับตัวเอง แต่หล่อนไม่ได้ชอบเขาในลักษณะนั้นเลย
“ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวกลางวันนี้ลินดาเลี้ยงข้าวนะคะ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”
“แต่ผมกินจุนะครับ”
อลินดาระบายยิ้มกว้าง “กินจุ แต่ก็คงไม่กินจนลินดาไม่มีเงินจ่ายหรอกใช่ไหมคะ”
แฮรี่มองดวงหน้ากระจ่างใสของอลินดาด้วยความพึงพอใจ เขาแอบรักหญิงสาวมาตลอด แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมแสดงทีท่าตอบรับความรักของเขาเสียที
“ผมไม่ทำร้ายลินดาแบบนั้นหรอกครับ”
“คุณแฮรี่ใจดี ไม่เหมือนกับ...” หล่อนเกือบจะหลุดพูดออกไปแต่ก็ยั้งปากเอาไว้ได้ทัน
“เหมือนใครเหรอครับ”
“เอ่อ เปล่าหรอกค่ะ”
แฮรี่หรี่ตาแคบมองอลินดาอย่างแคลงใจ แต่ก็เลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้
“เสร็จแล้ว เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่แผนกนะครับ”
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”
“ไม่รบกวนเลยครับ ผมยินดี”
เมื่อแฮรี่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น อลินดาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้อีก
“ขอบคุณค่ะ”
ขณะที่สองหนุ่มสาวเดินคุยกันนั้น สายตาคมกริบของแซคคารีย์ก็จ้องเขม็งมองมาเห็นพอดี
“เดี๋ยวคุณไปเรียกแฮรี่มาพบผมที่ห้องทำงานหน่อยนะ” เขาเอ่ยขึ้นกับเลขาส่วนตัว
“ค่ะ ท่านประธาน”
กรามแกร่งของแซคคารีย์ขบกันแน่น ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินหายเข้าไปในลิฟต์
เลิกงานแล้วอลินดาก็เดินออกมาจากแผนกบัญชีที่ตัวเองทำงานอยู่ ระหว่างทางก็สวนกลับแฮรี่เข้าพอดี
“คุณแฮรี่คะ”
เจ้าของชื่อหยุดเดิน ก่อนจะหันมาหาคนที่วิ่งเข้ามาหยุดตรงหน้า “ครับ ลินดา”
หญิงสาวหายใจหอบเหนื่อยเพราะวิ่งมาหลายเมตร
“เมื่อกลางวันหายไปไหนมาคะ ลินดาหาไม่เจอเลยค่ะ ไหนว่าจะให้ลินดาเลี้ยงข้าวไง”
“พอดีท่านประธานสั่งให้ผมออกไปทำงานข้างนอกน่ะครับ ก็เลยกลับมาไม่ทัน เอาไว้พรุ่งนี้ดีไหมครับ”
“ได้เลยค่ะ ตามใจคุณแฮรี่เลย” อลินดาระบายยิ้มน้อยๆ ดวงหน้าจึงหวานฉ่ำน่ามอง
“ถ้าตามใจผม ผมอยากเปลี่ยนจากมื้อกลางวัน ไปเป็นดินเนอร์แทน จะได้ไหมครับ”
“ดินเนอร์เหรอคะ?”
“ใช่ครับ เย็นนี้เลย”
อลินดาอึกอักเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง จึงกำลังจะตอบรับ แต่เสียงของแซคคารีย์ดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
“นารีบอกให้ฉันพาเธอติดรถกลับบ้านด้วย”
“คุณแซค...?”
หนุ่มกรีกตัวสูงใหญ่ หน้าตาเย็นชา ไม่เคยมีรอยยิ้มให้กับหล่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียวยืนห่างออกไปเล็กน้อยเพียงเท่านั้น หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง และกัดฟันตอบออกไป
“แต่ลินดากลับเองได้ค่ะ”
“ฉันไม่อยากทำให้นารีไม่พอใจ ดังนั้นเธอห้ามปฏิเสธ”
“แต่ว่า...”
อลินดาพยายามจะปฏิเสธ และแน่นอนว่าแฮรี่ก็ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวสู้ตามลำพัง
“เรากำลังจะไปดินเนอร์กันนะครับท่านประธาน เดี๋ยวผมไปส่งลินดาที่บ้านเองครับ”
นัยน์ตาสีสนิมเย็นชาละจากใบหน้าของอลินดาไปจ้องหน้าของแฮรี่แทน
“พรุ่งนี้คุณมีประชุมแผนกแต่เช้าไม่ใช่หรือ ผมว่าเอาเวลาไปนั่งเตรียมตัวเสนอแผนงานดีกว่าไหม คุณแฮรี่”
แฮรี่รับรู้ได้ถึงรังสีความอำมหิตจากผู้เป็นเจ้านายได้อย่างชัดเจน ดังนั้นเขาจึงไร้ทางเลือก
“ครับ ท่านประธาน” แฮรี่ตอบเสียงแผ่วเบา ก่อนจะหันไปล่ำลา อลินดา
“ลินดาครับ ผมกลับก่อนนะครับ เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยนัดกันใหม่ ผมไปล่ะ”
“ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะคุณแฮรี่”
“ขอบคุณครับ”
แฮรี่เดินจากไปแล้ว ก็เหลือแต่หล่อนเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้าอยู่กับว่าที่พี่เขยตามลำพัง หล่อนทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นระบายยิ้มให้กับเขา แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาจากแซคคารีย์ก็ไม่ต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมาสักนิด
เย็นชา...
เขามองหล่อนด้วยสายตาไม่พอใจอยู่ชั่วขณะ ก็หมุนตัวเดินนำหน้าไป หล่อนกัดปาก และก็เดินคอตกตามร่างของเขาไปด้วยความหดหู่เป็นที่สุด
เมื่อขึ้นมานั่งบนรถคันเดียวกัน เขาก็ตวัดตามองหล่อน “ทำไมไม่คาดเบลท์”
“ลินดา... กำลังจะคาดค่ะ”
หล่อนได้ยินเขากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากอาคารที่จอดรถ ขับออกมาสักระยะหนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างทุกครั้ง
“เธอควรจะอยู่ให้ห่างแฮรี่”
“คะ?” หล่อนไม่เข้าใจคำสั่งของเขาเลย “เอ่อ ลินดาหมายถึง... ทำไมล่ะคะ”
“ไม่ทำไม ก็แค่ฉันไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่น”
นี่เขาพูดบ้าอะไรเนี่ย
“แต่คุณแฮรี่ก็เป็นคนดีนะคะ”
เขาละสายตาจากถนนมาจ้องหน้าหล่อนชั่วอึดใจ ก่อนจะเค้นเสียงถามอย่างดูแคลน
“คำจำกัดความคนดีของเธอคืออะไร หล่อ คารมดี ป้อเก่ง หรือว่า...”
หล่อนไม่อาจจะทนฟังคำพูดจาหยันเยาะของเขาได้จนจบ จึงแทรกขึ้นอย่างโมโห
“คนดีก็คือผู้ชายที่ไม่เย็นชายังไงล่ะคะ”
รถทั้งคันกระตุกแรงๆ และเขาก็หันมาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง กรามแกร่งขบแน่นเป็นสันนูนเป่ง
“เธอกำลังด่าฉันอย่างนั้นใช่ไหม”
“มิบังอาจหรอกค่ะ ว่าที่พี่เขย” หล่อนข่มความน้อยใจเอาไว้สุดกำลัง และฝืนยิ้ม “รบกวนจอดป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยค่ะ ลินดาจะกลับเอง” หล่อนแค่ประชด แต่เขากลับหักพวงมาลัยรถจอดข้างทางตามคำประชดของหล่อนอย่างรวดเร็ว
“ลงไป”
หล่อนมองเขาอย่างเสียใจ ก่อนจะเปิดประตู และสองขายังไม่ทันจะแตะพื้นดินดีเลย รถคันงามก็แล่นออกไปทันที
“คนใจร้าย...”
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งร้องไห้ในป้ายรถเมล์ที่ร้างผู้คนด้วยความช้ำใจ
แค่แอบรักว่าที่พี่เขยของตัวเองก็แย่พอแล้ว แต่นี่เขายังขยันมาทำร้ายหัวใจบอบช้ำของหล่อนไม่ว่างเว้นแบบนี้อีก คนใจร้าย ผู้ชายใจดำ หล่อนร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ และก็พยายามบอกตัวเองให้ตัดใจจากเขาให้ได้เสียที
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
"ทำไม นอนกับผมมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอคุณถึงได้กลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอีก ผมรุนแรงกับคุณหรือยังไง งั้นผมคงต้องรีบทำใหม่เพื่อแก้ตัว" "คุณหมอ!" เมรีญาหันไปจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับตำหนิเขาในใจที่กล้าพูดเรื่องแบบนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย "ว่าไง ตอบมาสิว่าผมทำให้คุณไม่ประทับใจหรอถึงต้องตั้งเงื่อนไขบ้าๆ นี้ขึ้นมา" เวทัสถามด้วยค วามโมโห ถ้าเป็นสองข้อแรกเขาพอเข้าใจและรับได้ แต่สำหรับข้อสามต่อให้เขารับปากเธอตอนนี้ในอนาคตเขารู้ตัวดีว่าคนอย่างเขาต้องผิดสัญญาแน่นอน เขาไม่มีทางห้ามใจตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเธอได้! "ทำไมคุณมันเข้าใจอะไรยากแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องพวกนั้นอีก" หญิงสาวพยายามอธิบายกับชายหนุ่มด้วยเหตุผล แม้จะรู้ดีว่าคนข้างๆ เริ่มไม่มีเหตุผลกับเธอแล้ว "ผมไม่สัญญา" เวทัสตอบกลับทันทีพร้อมกับสต๊าทรถออกจากโรงแรมด้วยความไม่พอใจ
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"