องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ภายในตำหนักฉงหวาบัดนี้นอกจากจะมีไทเฮาที่ประทับอยู่ภายในแล้ว
ยังมีจินเทียนฮ่องเต้และเต๋อฮองเฮาประทับอยู่อีกด้านของเตียงเตาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"เสด็จแม่หยางเอ้อหลางกลับจากชายแดนมาครานี้สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ ลูกเห็นว่าควรตอบแทนเขาให้สมเกียรติ"
ไทเฮาแย้มพระพักตร์เยือกเย็นแล้วตรัสว่า
"ฝ่าบาทนับวันอิทธิพลของตระกูลหยางยิ่งมากขึ้น ประชาชนล้วนรักใคร่อีกทั้งตระกูลหยางเสียสละเพื่อแคว้นของเราเพียงใดแม้แต่เด็กแดงยังรู้ อย่าหาว่าแม่ยุ่งเรื่องราชกิจแต่เพราะเป็นห่วงเจ้าจริงๆ จึงอยากให้เจ้าคิดให้ถี่ถ้วน"
"ที่เสด็จแม่กล่าวมาไม่ผิด ตระกูลหยางทำความชอบใหญ่หลวงแต่อำนาจมากเกินไป ขุนนางต่างอยู่ใต้อำนาจแม้ไม่ได้ยุ่งการภายในแต่ทุกคนล้วนเกรงใจ หากปล่อยต่อไปลูกเกรงว่าอาจจะเป็นภัย"
"ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แก่ใจควรจะหาวิธีลดทอนอำนาจเสีย"
"ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันคิดว่ามีวิธีที่ตระกูลหยางไม่อาจขัดได้อีกทั้งยังเป็นผลดีต่อพวกเรา"
ฮองเฮาตรัสนิ้วมือเรียวเต่งตึงราวกับสตรีแรกแย้มยกป้านน้ำชาขึ้นรินลงในจอกด้วยท่วงท่าสง่างามแล้วนำถวายแด่ฝ่าบาท
"วิธีการใดเล่าเจ้ารีบพูด"
"อภิเษกอย่างไรเล่าเพคะ" ฮองเฮาตรัสเบาๆ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
ฝ่าบาทคล้ายจะชะงักไปก่อนจะแย้มสรวลออกมา
"หลักแหลมมาก หากให้เขาแต่งกับองค์หญิงสักคนครานี้เขาจำต้องสละอำนาจทางการทหารเป็นเพียงราชบุตรเขยของเรา หากเขาไม่ยินยอมก็เท่ากับไม่อยากดองญาติกับราชวงศ์เช่นนี้ก็ถือว่ามีใจคิดไม่ซื่อ วิธีการนี้เรียกว่าไม่กวนน้ำให้ขุ่นแต่ประการใด"
เมื่อได้ยินดังนั้นไทเฮาที่มีสีพระพักตร์เรียบเฉยจึงตรัสขึ้น
"ฝ่าบาทต้องไตร่ตรองให้มากหน่อย กำลังทหารในมือของหยางเอ้อหลางมีถึงห้าแสนนายแต่ละคนล้วนเก่งกาจเป็นนักรบที่แข็งแกร่งยิ่ง หากเขานำกำลังบุกเข้าวังหลวงแม้แต่พระองค์ก็คงเอาชีวิตไว้ไม่ได้ อีกทั้งคนในตระกูลของเขาบุรุษทุกคนได้หลั่งเลือดปกป้องแผ่นดินมาแล้ว ทหารล้วนจงรักภักดีการจะลดทอนอำนาจของเขานั้นไม่ง่ายอีกทั้งต้องทำอย่างไรถึงจะให้ทหารเหล่านั้นเชื่อฟังนี่สิเป็นเรื่องสำคัญ การบีบบังคับให้หยางเอ้อหลางแต่งงานมิใช่จะสร้างคำครหาหรอกหรือ"
ฮ่องเต้มีสีพระพักตร์บ่งบอกว่ากลัดกลุ้มยิ่ง พระองค์ไม่อาจบีบให้ หยางเอ้อหลางแต่งงานได้ในตอนนี้ แต่นอกจากวิธีนี้แล้วก็ไม่เห็นหนทางอื่นที่จะลดทอนอำนาจของตระกูลหยางได้อีก อำนาจในมือขุนนางผู้หนึ่งซึ่งมากเกินไปย่อมไม่ดีต่อความมั่นคงของบัลลังก์
"เสด็จแม่ตรัสถูกต้องในความคิดเห็นของเสด็จแม่เช่นนั้นเราควรทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ"
"วิธีก็มีอยู่บ้าง" ไทเฮาผู้เป็นเจ้าของอำนาจในวังที่แท้จริงตรัสพลางยกยิ้มเยือกเย็น
"เสด็จแม่โปรดชี้แนะ"
"เรื่องนี้มอบให้ตำหนักเทพจัดการ หากเป็นโองการสวรรค์แม้แต่ หยางเอ้อหลางก็ไม่อาจขัด"
ตำหนักหยางชิง
องค์หญิงใหญ่หลินฉีกำลังเลือกอาภรณ์อย่างตั้งใจพร้อมบรรดาองค์หญิงหลายคนที่รุมล้อมบรรยากาศครึกครื้นยิ่ง
"พี่ใหญ่ท่านดูสิผ้าไหมจากแคว้นเป่ยนับเป็นของชั้นเลิศวาสนาพวกข้าช่างดีนักแม้ไม่ได้ใส่วันนี้ได้เห็นกับตาถือว่ามีบุญใหญ่"
"น้องห้าเจ้ากล่าวเช่นนี้พี่เห็นด้วยหากไม่ใช่เพราะเป็นพี่หญิงใหญ่หรอกหรือพวกเราถึงมีวาสนาได้ใส่กัน"
องค์หญิงใหญ่ปิดปากหัวเราะเบาๆ เพราะเป็นพระธิดาองค์โตซึ่งถือกำเนิดจากฮองเฮา ใบหน้างดงามกิริยาเรียบร้อย เก่งกลอนคล่องกวี เรื่องเพลงพิณนั้นเป็นเลิศ สติปัญญาฉลาดหลักแหลมจึงเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทและไทเฮานัก ดังนั้นของดีทั่วแว่นแคว้นไม่ว่าจะหายากเพียงใดเพียงองค์หญิงหลินฉีเอ่ยปากทุกสิ่งล้วนมาปรากฎตรงหน้าดุจเนรมิต
ในจำนวนสตรีที่กำลังเพลิดเพลินกับผ้าไหมงดงาม กลับมีโฉมสะคราญผู้หนึ่งที่กำลังสนใจเพียงขนมด้านหน้าตนเอง หยิบเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างมีความสุขไม่สนใจแม้กระทั่งชายตาแลผ้าไหมงดงามเหล่านั้น
ความจริงนางชอบสิ่งของสวยงามทุกสิ่ง แต่ต้องข่มใจด้วยไม่อยากให้ตนนั้นเกิดความอยากได้มากเกินไป
"น้องสิบสามเจ้าไม่เลือกไปสักผืนหน่อยหรือ มาพี่หญิงใหญ่จะเลือกให้ เจ้าเอง"
"อย่าสนใจน้องสิบสามเลยพี่หญิง ดูนางสินิสัยแปลกประหลาดนัก ไม่สนใจร่ำเรียนจนไทเฮาทรงไม่พอพระทัยเราพี่น้องก็หวังเพียงทุกคนอยู่สบายอย่างสงบ แต่นางวันๆ เอาแต่หาเรื่องคนนั้นทีคนนี้ทีพี่หญิงใหญ่ใกล้ชิดนางมากเห็นทีว่านางจะนำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาให้ในสักวัน" องค์หญิงแปดเอ่ยขึ้น
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินยกยิ้มเย็นแล้วโต้กลับเบาๆ
"พี่แปดท่านยังโกรธข้าอยู่หรือเพียงคุณชายตงหัวที่ท่านมีใจส่งกำไลหยก มาให้ข้าเพื่อตอบแทนที่ข้าช่วยน้องสาวของเขาจากพวกอันธพาลเท่านั้น เหตุใดท่านจึงคิดมากเช่นนี้เพราะคิดมากจึงได้รับโทษอย่างไรเล่า"
องค์หญิงแปดขัดเคืองใจยิ่ง เรื่องที่ผ่านมาระหว่างนางและองค์หญิงสิบสามที่ทำให้นางไม่อยากแม้จะมองใบหน้าน้องสาวคนนี้ ครานั้นองค์หญิงสิบสามแอบลอบออกนอกวังจวบจนได้มีโอกาสไปช่วยน้องสาวของบุรุษที่นางมีใจเดิมทีนางกับคุณชายตงหัวต่างมีใจให้กันจนฝ่ายนั้นจะส่งคนมาทาบทามขอพระราชทานสมรสแล้ว
หลังจากคุณชายตงหัวบุตรของเสนาบดีผู้นั้นพบองค์หญิงสิบสามเข้ากลับทำตัวห่างเหินกับนางอีกทั้งท่าทางยังผิดแปลกไปมากประหนึ่งคนแปลกหน้า จวบจนนางรู้ข่าวว่าตงหัวส่งกำไลหยกไปให้องค์หญิงสิบสามที่ตำหนัก องค์หญิงแปดจึงไปอาละวาดกับองค์หญิงสิบสามเพราะคิดว่าองค์หญิงสิบสามไม่มีมารดา ผู้หนุนหลังจะทำเช่นไรกับน้องสาวคนนี้ย่อมได้
คาดไม่ถึงว่าอ๋องฉางอันพี่ชายใหญ่ของพวกนางจะออกหน้าจนทำให้องค์หญิงแปดถูกลงโทษคัดลอกหนังสือท่วงท่างดงามจิตใจผ่องใสเล่มหนานั่นถึง ห้าร้อยบท อีกทั้งต้องถูกกักขังในตำหนักทั้งเดือน บุรุษก็หนีหน้าโทษก็ต้องรับหากไม่ใช่เป็นเพราะสิบสามผู้นี้แล้วจะเป็นเพราะผู้ใด
"น้องแปดความจริงก็เป็นเรื่องที่ดีที่คุณชายตงหัวผู้นั้นเผยธาตุแท้ออกมา หากเจ้าแต่งให้เขาไปคนโลเลเช่นนั้นจะไม่รับอนุจนเจ้าปวดหัวหรือ" องค์หญิงห้าเอ่ยขึ้น
"พี่ห้าท่านก็เข้าข้างนาง หากนางไม่ไปล่อลวงเขาบุรุษเช่นคุณชายตงหัว ที่ใสซื่อเช่นนั้นจะแปรเปลี่ยนหรือ"
"ข้าสิบสามไม่เคยล่อลวงบุรุษใดหากจะโทษต้องโทษที่เขาโลเลหรือไม่ ก็เพราะความงามของข้าที่มากจนเกินไป" องค์หญิงสิบสามตอบอย่างยียวน
"เจ้าล่อลวงเขา"
องค์หญิงแปดแค่นเสียงออกมาใบหน้าของนางเขียวคล้ำเรื่องที่ผ่านมาความจริงนางไม่อาจลืมได้ ใจของนางยังเจ็บปวดทุกคราที่คิดถึง
"ข้าบอกพี่แปดแล้วว่าไม่เคยล่อลวงเขา พบหน้ากันเพียงครั้งเดียวและ กำไลหยกข้าก็ให้คนส่งคืนแล้วจะเรียกว่าล่อลวงได้อย่างไร เขามีใจให้ข้าหรือไม่ข้ายังไม่รู้เลยท่านอย่ามาใส่ร้ายข้า ไม่แน่เขาอาจพบคุณหนูผู้อื่นเข้าก็เป็นได้ เหตุใดท่านจึงคิดว่าเป็นเพราะข้าเล่า ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว"
องค์หญิงสิบสามเอ่ยยืดยาวพลางใช้ไม้แหลมเล็กจิ้มขนมหวานกินอย่างอร่อย นางคิดว่าเรื่องนี้ช่างไร้สาระนักคุณชายตงหัวผู้นั้นมีใบหน้าเป็นอย่างไรนางยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
"สิบสาม"
องค์หญิงแปดชี้หน้านางปากสั่นระริก องค์หญิงอื่นเข้าขวางนางไว้ด้วยคิดว่าองค์หญิงแปดอาจจะกระโดดข่วนหน้าองค์หญิงสิบสามเป็นแน่ พวกเขาดึงองค์หญิงแปดไปอีกทาง
"พอได้แล้วพวกเจ้า เรื่องนี้หากมีใครนำความไปกราบทูลไทเฮาว่าเหล่าองค์หญิงต้องมาทะเลาะกันเพราะบุรุษผู้หนึ่งจะไม่ถูกลงโทษหรือ ขายหน้านักสิบสามเจ้าก็พอได้แล้ว" องค์หญิงใหญ่เอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"ข้าไม่ได้หาเรื่องเสียหน่อยเป็นพี่แปดที่เริ่ม" องค์หญิงสิบสามกล่าวจบก็ยัดหมั่นโถวเข้าปากอย่างไม่สนใจ
องค์หญิงแปดสะบัดใบหน้าหนี ไม่มองไปทางองค์หญิงสิบสามอีกบรรดาน้องๆ หลายคนส่ายหน้าเมื่อองค์หญิงใหญ่เริ่มไม่พอใจแล้วพวกนางก็อึดอัดยิ่ง
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจองค์หญิงสิบสามความจริงเชื่อฟังนางเพียงคนเดียว บรรดาพี่น้องคนอื่นสิบสามมักจะมีเรื่องขัดแย้งอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่ได้บาดหมางจนถึงไม่พูดกัน มีเรื่องขององค์หญิงแปดที่ทำท่าว่าครานี้พวกนางคงเขม่นหน้ากันไปนาน
ฝูจื่อหรงก้มหน้าวูบลงมาบดริมฝีปากกับโจวเจ้าเว่ยเบาๆ แต่เจ้าเว่ยต้องการมากกว่านั้น หญิงสาวแลบลิ้นออกมารอรับ นางเป็นฝ่ายสอดความอ่อนนุ่มเข้าไปภายในปากของเขาแทน แม้มือจะยังไม่มีแรงมากนักแต่การยึดเหนี่ยวใบหน้าเขาไว้กลับไม่เป็นปัญหา หญิงสาวบดริมฝีปากสามีอย่างเร่าร้อน "ถอดเสื้อผ้าให้ข้า จื่อหรงถอดให้ข้ามันร้อนเหลือเกิน" เจ้าเว่ยปากสั่นร้อนรนเพราะทนกับความรู้สึกเสียวซ่านที่รบกวนจนรู้สึกทรมานในทุกสัมผัสของเขา พรางนึกขัดใจตนเองที่สิ้นไร้เรี่ยวแรงแม้กระทั่งเสื้อผ้าของตนเองยังไม่มีปัญญาถอด "เจ้าเว่ยของข้าอย่าได้รีบร้อน เราจะค่อยๆสัมผัสและมีความสุขด้วยกัน" ฝูจื่อหรงจุมพิตปากบาง พลางถอดอาภรณ์ของนางอย่างทะนุถนอม "พี่เต้ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหลีกเลี่ยงข้ามาตลอดเหตุใดถึงยอมโดยง่าย หากข้ามีแรงมากกว่านี้คงได้ปลุกปล้ำเจ้าไปหลายครั้งแล้ว" เจ้าเว่ยกล่าวพลางพยามยามใช้มือคว้ามังกรตัวใหญ่ไว้ในมือจนสำเร็จ อารมณ์ความต้องการเพิ่มทวีขึ้นโดยที่เจ้าเว่ยไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอกำความใหญ่แน่นแล้วลูบไล้ช้าๆ มันร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ ภายใจร่างกายและจิตใจของเจ้าเว่ยสั่นระริกด้วยความร้อนและไฟปรารถนา ในที่สุดฝูจื่อหรงก็ถอดอาภรณ์ออกจากร่างบางได้สำเร็จ เจ้าเว่ยดูเหมือนจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางยังกำมังกรยักษ์แน่นไม่ยอมปล่อย นางเลียริมฝีปากเมื่อมองร่างมันจนฝูจื่อหรงรู้สึกลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากกดศีรษะของคนตัวเล็กลงแล้วยัดมังกรเข้าไปในโพรงปากให้นางได้สมปรารถนาเสียเดี่ยวนี้ "ปล่อยมันก่อนเจ้าเว่ย เจ้าต้องไปอาบน้ำ" เขากระซิบเสียงแหบพร่า พยายามแกะมือเล็กที่กอบกำมังกรของเขาอยู่ เจ้าเว่ยต้องปล่อยอย่างอดเสียดาย ใบหน้าของนางฟ้องความต้องการออกมาจนฝูจื่อหรงนึกขัน แนะนำตัวละคร เรื่องย่อ โจวเจ้าเว่ย องค์หญิงแห่งแคว้นเหลียง ทายาทของเผ่าบุปผาขึ้นชื่อว่าเป็นโฉมงามล่มเมือง คนของเผ่าบุปผาเป็นเผ่าที่ถือกำเนิดมาจากเทพเซียนรูปโฉมงดงามแต่ต้องคำสาปเรื่องของความรัก หากพวกเขามีความรักจะไม่สมหวังและตายอย่างอนาถด้วยความรักนั้น ฝูจื่อหรง ฮ่องเต้แคว้นชินที่มีเบื้องหลังการครองอำนาจโดยการสนับสนุนของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น รูปโฉมงดงามจนทำให้แข้งขาสตรีอ่อนระทวย เรื่องสตรีสำหรับเขาเป็นเพียงเพื่อมีไว้สนับสนุนบัลลังก์ให้มั่นคงเท่านั้น คนทั่วราชสำนักรู้ดีว่าเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของมหาเสนาบดีฟางอี้จวิ้น กระทั่งวันหนึ่งเขาต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับองค์หญิงผู้ลึกลับผู้หนึ่ง ที่เข้ามาพังทะลายกำแพงหัวใจที่เขาตั้งเอาไว้ และ นางผู้นั้นยังทำท่าคล้ายกับว่าไม่อาจอยู่กับเขาได้อีก สตรีผู้หนึ่งซึ่งมีความลับบางประการซ่อนอยู่ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายฝาแฝดขององค์หญิงโจวเจ้าเว่ยโจวเจ้าเว่ยองค์หญิงผู้สามารถเดินทางข้ามมิติได้โดยใช้ขลุ่ยเพรียกบุปผาซึ่งเป็นขลุ่ยวิเศษในการเดินทางข้ามมิติ โจวเจ้าเว่ยเป็นสตรีของเผ่าบุปผาอันลี้ลับ ต้องคำสาปที่ไม่สามารถมีความรักได้ หากนางมีความรักจำเป็นต้องเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย เพราะเหตุนี้โจวเจ้าเว่ย และ โจวเจี๋ยหลุน พี่ชายจึงต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีแก้คำสาปที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และ พวกเขาไม่อาจเปิดเผยความลับนี้ให้ ฝูจื่อหรงล่วงรู้ได้ (เรื่องนี้เป็นนิยายภาคต่อของต้องมนต์บุปผาค่ะ)
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เหวินเฟยเทียนเป็นพ่อค้าหน้าเลือดที่เห็นแก่ตัวที่สุดโดยเขามีผู้ช่วยคนสำคัญก็คือเฉินลี่จู เด็กสาวที่เขาได้ช่วยเอาไว้จากหมู่บ้านขอทานเมื่อนานมาแล้ว เขาเพียงใช้นางเพื่อหวังผลประโยชน์ในขณะที่เฉินลี่จูกลับมอบหัวใจให้เขาจนหมดใจ กระทั่งวันหนึ่งก็ถึงจุดแตกหัก เมื่อเหวินเฟยเทียนไม่เห็นความสำคัญของนางอีกต่อไป เขากำลังจะแต่งงานกับคุณหนูซุนซื่อผู้มอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่านาง จนทำให้นางเสียใจและหนีเตลิด เพราะนางหนีจากเขาทำให้เหวินเฟยเทียนกินไม่ได้นอนไม่หลับใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น เขาตามหานางและสุดท้ายได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนามว่าหลี เด็กหญิงซึ่งมีใบหน้าคล้ายคลึงเขาราวกับถอดแบบออกมา! นิยายเรื่องนี้เป็น ประเภท ดราม่า และ มีเด็กในเรื่องค่ะ
เคนคู่หมั้นของริกะจังนอกใจเธอไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคน ริกะจังจับได้แต่ก็อดทนไว้เพราะรักเขา วันหนึ่งเธอไปงานเลี้ยงรุ่นได้พบแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ใจของริกะอยากจะเอาคืนเคนเธอจึงเผลอใจให้กับแฟนเก่า ตัวอย่างบางตอน "ผมใส่แล้วนะ" "อื๊อ เร็ว ๆ หน่อยสิคะเสียวจะแย่แล้ว อ๊า อ๊า" ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งคล่อมร่างของหญิงสาวสวยผิวขาวหุ่นดี หน้าอกตูมอย่างช้า ๆ ในขณะที่มือเรียวบีบหน้าอกของตนเองคลายความอยากพร้อมทั้งเลียปากอย่างกระหาย
องค์หญิงหลิวอี้เฟยถูกส่งตัวไปแต่งงานกับอ๋องชราต่างแคว้นโดยไม่เต็มใจยังถูกคุมตัวโดยหัวหน้าองครักษ์ผู้เหี้ยมโหดที่คิดสังหารนางเพราะนางดันไปรู้ความลับดำมืดของเขาโดยบังเอิญ ด้วยความกลัวตายนางจึงคิดหนี! หมายเหตุ เรื่องนี้เป็นนิยายแนวโรมานซ์ ปมไม่หนักจบแบบสุขนิยมนะคะ
อยากหนีก็หนีไป แต่ถ้าตามเจอเมื่อไหร่ รับรอง! ได้ทรมานกว่าเดิมแน่..!! LEE ZONMIN (อีโซมิน) ชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี จีน ชีวิตแสนมืดมนผลักดันให้เขาต้องดิ้นรน กว่าจะมีวันนี้ได้ ... เจ้าของคาสิโนและคอมเพล็กซ์ห้างสรรพสินค้าที่กัมพูชา และ มาเก๊า เขาตามหาหญิงสาวคนหนึ่งและเธอพยายามหนี "ถ้าคิดจะหนีก็หนีให้รอด!!" BUA YONHWA (บัว หรือ ยอนฮวา) หญิงสาวลูกครึ่งไทยเกาหลีสุดแสนน่ารักชีวิตครอบครัวอบอุ่น ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อต่างประเทศ... แต่ชีวิตกับพลิกผันเมื่อเจอกับคนเลวแบบเขา " ฉันไม่รู้จักคุณ!!"
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เธอเป็นหมอเก่งๆ ระดับสากล เป็นประธานของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ผู้บังคับบัญชาหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุด และผู้คลั่งไคล้เทคโนโลยีอันดับหนึ่ง... ไม่นานมานี้ เจี่ยนอู่ ผู้มีความสามารถแข็งแกร่งกลับปกปิดตัวตนของนางและแต่งงานกับชายหนุ่มยากจนคนหนึ่ง โดยไม่คาดคิดก่อนวันแต่งงาน คู่หมั้นของเธอกลายเป็นนายน้อยที่หายไปจากครอบครัวที่ร่ำรวย เขาไม่เพียงเสียใจกับการหมั้นหมายเท่านั้น แต่ยังปราบปรามและทำให้เธออับอายด้วยทุกวิถีทางอีกด้วย เมื่อความจริงถูกเปิดเผย อดีตคู่หมั้นของเธอตกตะลึง และขอร้องให้กลับมาคืนดีกัน ผู้คนใหญ่โตที่ร่ำรวยและน่านับถือคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเจี่ยนอู่ "นี่คือภรรยาของผม ใครกล้าหวังกับเธอ"
หนานซ่งเป็นภรรยาที่ดีมาสามปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถทำให้หยูจินเหวินตกหลุมรักเธอได้ และยังต้องการหย่ากับเธอเพื่อผู้หญิงตีสองหน้าเก่งคนหนึ่งด้วยซ้ำ ช่างเถอะ จะหย่าก็หย่าเลย ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เธอลบร่องรอยของตัวเองทั้งหมด หายไปจากโลกของเขาโดยสิ้นเชิง จากนั้นพลิกผันกลับอย่างสง่างามและกลายเป็นคู่หูในฝันของเขา หนานซ่งมองสามีเก่าของเธออย่างเย็นชา "อยากร่วมมือกับฉันเหรอ คุณเป็นใครกัน" มีผู้ชายจะมีประโยชน์อะไร ฉันจะโดดเด่นคนเดียว ต่อมาหยูจินก็ตามจีบภรรยาเก่าของเขาจากนั้นพบว่า - หัวหน้าแฮ็กเกอร์คือเธอ เชฟชื่อดังระดับนานาชาติคือเธอ หมอระดับนานาชาติชื่อดังคือเธอ ปรมาจารย์การแกะสลักหยกคือเธอ... ล้วนเป็นเธอ! เมื่อเห็นว่าเส้นทางตามจีบภรรยาของเขายิ่งลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ หยูจินเหวินก็สติแตก! คุณมีตัวตนอีกมากเท่าไรที่ฉันไม่รู้? - - หนานซ่ง: ใจเย็นๆ ฉันเก่งในทุกๆ ด้าน ตามจีบต่อเลย
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”