เมื่อความสัมพันธ์ลับๆ จบลง เพราะเขาต้องไปแต่งงานมีครอบครัว หล่อนจึงต้องหอบใจช้ำๆ และอีกชีวิตหนึ่งในครรภ์เดินจากไปอย่างไม่มีทางเลือก “ทำไมโลกมันกลมแบบนี้คะคุณภูมิ... ทำไมเราต้องเจอกันอีกด้วยคะ... ฮือออ” มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ ร่างกายสั่นเทิ้มน่าเวทนา การได้พบเจอกับภูมิระพีอีกครั้ง มันยิ่งทำให้แผลใจหัวใจขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น นี่หล่อนจะทำยังไงดี... จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ยังไง แล้วไหนจะยังลูกชายอีก หากภูมิระพีรู้ว่าหล่อนมีลูกของเขาติดท้องมา เขาอาจจะทำยังไง จะแย่งลูกไปจากหล่อนไหม
คอนโดสุดหรูใจกลางเมืองหลวง คือที่อยู่อาศัยของ มาลี นักศึกษามหาวิทยาลัยปีที่สี่ ท่ามกลางความหรูหรา สะดวกสบายที่โอบล้อมอยู่รอบตัว มันกลับไม่ได้ทำให้ชีวิตของมาลีมีความสุขเต็มร้อยอย่างที่ควรจะเป็นเลย
เพราะอะไรน่ะเหรอ...
ก็เพราะว่าสิ่งต่างๆ ที่หล่อนมีอยู่ในตอนนี้ มันต้องแลกมาด้วยเรือนร่าง และลีลาบนเตียงนั่นเอง
หล่อนคือเด็กเสี่ย...
นักศึกษาสาวสวยหุ่นสะบึมที่มีผู้ชายร่ำรวยคอยเลี้ยงดูอุ้มชู
ไม่ว่าหล่อนจะต้องการอะไร อยากได้สิ่งของราคาแพงแค่ไหน ก็จะได้มาอย่างง่ายดาย เพียงแค่ทำตัวให้ร่านร้อนบนเตียง ให้ถูกอกถูกใจเจ้าของเงิน
ชีวิตเด็กเสี่ยของหล่อนเริ่มต้นมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปีที่สอง เพราะเดือดร้อนเงินอย่างหนัก ไม่มีเงินจ่ายแม้กระทั่งค่าหอพัก ทำให้เพื่อนที่รู้จัก แนะนำอาชีพนี้มาให้
ขายตัวแลกกับเงิน...
หล่อนจำได้ว่าตัวเองปฏิเสธไปทันทีที่ได้ยินสิ่งที่ต้องทำออกจากปากของเพื่อน แต่ภาระ และทุกอย่างรอบตัวก็บีบบังคับให้หล่อนต้องยอมก้มหัวให้กับโชคชะตาร้ายๆ
จำต้องยอมขายตัวให้กับมหาเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักหน้าค่าตามาก่อน
จำนวนเงินสามหมื่นบาท คือเงินก้อนแรกที่ได้จากการขายตัว ผู้ชายคนนั้นจ่ายให้ล่วงหน้า ก่อนจะได้เจอตัวจริงหล่อนเสียอีก
และเมื่อถึงค่ำคืนที่ต้องถูกพร่าผลาญพรหมจรรย์ การเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยรู้จักมาก่อนมันคือความสยองขวัญที่สุดในชีวิต
ในหัวของหล่อนจินตนาการเอาไว้ว่า มหาเศรษฐีพันล้านคนนี้คงจะอายุอานามคราวพ่อคราวปู่ของตัวเอง รูปร่างก็คงอ้วนท้วมเหมือนอาเสี่ยที่เคยเห็น แต่สิ่งที่คิดเอาไว้ในหัว มันกลับตรงกันข้ามกับความจริงตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง
ผู้ชายที่ซื้อหล่อนไม่ใช่แค่ไม่แก่คราวปู่คราวทวดเท่านั้น แต่เขายังหล่อ...
ใช่...
หล่อมาก...
หล่อเหลาจนต้องยกมือขึ้นขยี้ตาของตัวเองซ้ำหลายครั้งเลยทีเดียว
แถม...
รูปร่างของเขาก็ยังเกินกว่าคำว่า เพอร์เฟ็ก สมบูรณ์แบบไปซะทุกสัดส่วน
“สวัสดี ผู้หญิงของฉัน”
คำทักทายแรกจากปากของเขาทั้งนุ่มนวล ทั้งเย้ายวนใจในเวลาเดียวกัน
หล่อนไม่อาจจะละสายตาจากภาพความงดงามตรงหน้าได้เลย
เพราะผู้ชายตรงหน้า งดงามยิ่งกว่าลูกรักของเทพเจ้าเสียอีก
“ฉันชื่อภูมิระพี เรียกสั้นๆ ว่าภูมิเฉยๆ ก็ได้”
“สะ...หวัดดีค่ะคุณ... ภูมิระพี”
หล่อนตะกุกตะกักมาก คล้ายกับเด็กที่ยังพูดไม่คล่อง
“บอกว่าเรียกสั้นๆ ก็ได้ ภูมิ...”
รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากทั้งสองข้างของภูมิระพี มีผลอย่างรุนแรงต่อหัวใจของหล่อนเหลือเกิน
“คุณ... ภูมิ...”
เมื่อหล่อนยอมเรียกชื่อเล่นของเขาตามคำสั่ง จากรอยยิ้มเล็ก ๆ ก็กลายเป็นรอยยิ้มกว้าง และเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
สายตาคมกริบตวัดมองร่างของหล่อนที่ยังคงอยู่ในชุดนักศึกษา และแววตาของเขาก็บอกให้รู้ว่า เขาชื่นชอบในสิ่งที่เห็นแค่ไหน
คงเพราะหล่อนรูปร่างค่อนข้างดี มีหน้าอกอวบใหญ่ มีเอวเล็ก ๆ และมีสะโพกที่ผายกลมกลึง ตามแบบฉบับผู้หญิงในฝันของผู้ชายร่ำรวยนั่นเอง
“เธอสวยกว่าในรูปมากเลยนะ”
เขาชมหล่อนอีกครั้ง พร้อมกับก้าวเข้ามาหยุดใกล้ยิ่งกว่าเดิม
สมองของหล่อนเริ่มอื้ออึง เมื่อกลิ่นฟีโรโมนจากเนื้อตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก
ร่างกายของหล่อนขานรับกับแรงดึงดูดทางเพศนั้นอย่างรุนแรง จนน่าตื่นตกใจ
และเหมือนเขาจะรับรู้ได้ จากสีหน้า และอาการตัวสั่นเทิ้มของหล่อน
“ใจเย็น ๆ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก”
“เอ่อ...”
เขายื่นมือมาจับที่ท่อนแขนของหล่อน ทำให้หล่อนยิ่งสะดุ้ง และเผลอตัวจะถดถอยหนี แต่เขาก็ร้องห้ามเสียงนุ่มเสียก่อน
“บอกแล้วไง... ไม่ต้องกลัว ฉันยังไม่เริ่มตอนนี้หรอก...”
“...”
“ฉันอยากจะพูดคุยทำความรู้จักกับเธอก่อนน่ะ ไปนั่งที่โซฟาเถอะ”
แล้วเขาก็รั้งร่างสั่นเทิ้มของหล่อนให้เดินตรงไปที่โซฟา และกดบ่าบอบบางเบาๆ เพื่อให้หล่อนนั่งลง โดยมีเขาหย่อนกายลงนั่งเคียงข้าง
หล่อนนั่งก้มหน้างุด หัวใจเต้นแรงแทบจะกระดอนออกมาจากทรวงอกเสียให้ได้
ตอนนี้หล่อนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวที่จะต้องเสียตัว แต่กลับรู้สึกหวาดหวั่นและอ่อนไหวกับผู้ชายตรงหน้ามากจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แทน
เขาหล่อ...
และเขาก็เหมือนมีเวทมนต์อะไรบางอย่างที่สะกดให้หล่อนลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
“เธอชื่อมาลีใช่ไหม”
“ค่ะ...”
“มีชื่อเล่นไหม”
“เอ่อ...”
หล่อนเผลอตัวช้อนตาขึ้นมองเขา เมื่อดวงตาสบประสานกัน เสมือนถูกดูดเข้าไปในดวงตาคมเข้มตรงหน้า
ร่างกายของหล่อนกำลังจะละลาย ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังพุ่งทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด
“ทำไมเวลามองฉัน ต้องแก้มแดงด้วยล่ะ”
“คือ...”
เขาหัวเราะเบาๆ คล้ายกับอารมณ์ดี ที่เห็นหล่อนประหม่า
“ยังไม่ตอบเลย มีชื่อเล่นให้ฉันเรียกไหม”
กลีบปากสีแดงสดเม้มเป็นเส้นตรง ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไป แต่เสียงเบามาก จนเขาต้องยื่นใบหน้าหล่อ ๆ เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น
หล่อนผงะศีรษะไปด้านหลัง แต่เขาเร็วกว่า มือหนาสอดไปรองใต้ท้ายทอยเอาไว้ และยึดตรึงไม่ให้หล่อนหนีห่าง
“มาลี... ค่ะ...”
“แสดงว่าไม่มีชื่อเล่น”
ใบหน้าคมคายยื่นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนหล่อนใจคอไม่สู้ดี
“หนู... ไม่มีชื่อเล่นหรอกค่ะ”
“โอเค งั้นฉันจะเรียกเธอว่า มาลี...”
ปากอิ่มยังคงเม้มแน่น และพยายามที่จะหลุบตาลงต่ำ ไม่ยอมมองเขา
คนตัวโตจึงมีโอกาสได้กวาดตาใบหน้านวล และก็พบว่านักศึกษาสาวคนนี้หน้าตาสวยงามไม่น้อย แถมยังเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา
“แล้วทำไมถึงมาทำอาชีพนี้ล่ะ”
“เอ่อ...”
เมื่อเขายิงคำถามตรงๆ หล่อนก็ถึงกับตัวแข็งทื่อไปเลยทีเดียว
“อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันก็แค่อยากรู้... ว่าเด็กที่ฉันจะนอนด้วย เต็มใจทำงาน หรือว่าถูกบังคับมาน่ะ”
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
จะทำยังไงเมื่อชาติก่อนก็มีชีวิตครอบครัวที่บัดซบถูกสามีนอกใจ มาภพนี้กลับมาอยู่ร่างของผู้หญิงที่หนีไปชู้อีก ทั้งที่เธอมีลูกที่แสนน่ารักและสามีที่แสนน่ากิน!!
นายแพทย์จิรายุ พลพิพัฒกุลวานิช (ชื่อเล่นวายุ) อายุสามสิบปี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ร่างกายบึกบึนสมชายชาตรี ศัลยแพทย์หนุ่มทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ความจริงแล้ววายุอยากเป็นสถาปนิก แต่ก็ขัดบิดามารดาไม่ได้เพราะเขาเป็นลูกชายคนรอง เมื่อบุพการีอยากให้เป็นหมอ ชายหนุ่มจึงก้มหน้าก้มตาทำตามความฝันของบิดามารดาอย่างหน้าชื่นอกตรม ในขณะที่พี่ชายได้ทำงานตามอาชีพที่ใฝ่ฝัน พายุถูกตามใจทุกอย่าง แต่พอหันกลับมามองที่เขา แม้แต่เรื่องหัวใจก็ไม่สามารถเลือกเองได้ หมอหนุ่มกำลังจะถูกคลุมถุงชนมีหรือที่เขาจะยอม เมื่อหัวใจของเขาเต็มไปด้วยเธอคนนั้น ผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงเวลาเข้าใกล้เธอ และไม่เคยมีใครทำให้เขาหวั่นไหวได้เหมือนเธอ นางสาวฝนสุดา ปัญญาเป็นเลิศ อายุยี่สิบปี หญิงสาวหุ่นเซ็กซี่หน้าตาดี เธอเป็นแอร์โฮสเตส บิดามารดาเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เธอดั้นด้นส่งน้องสาวเรียนมหา'ลัยจนใกล้จบ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนบินกี่ไฟท์ก็ไม่เคยบ่น แต่พักหลังหลายเดือนมานี้เธอเทียวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ความใฝ่ฝันของหญิงสาว คือการมีครอบครัวที่อบอุ่นมีลูกที่น่ารัก แต่เมื่อคุณหมอวินิจฉัยโรค และบอกกับฝนสุดาว่าเธอมีโอกาสเสี่ยงสูงมาก อาจจะโดนตัดมดลูกทิ้งและไม่สามารถมีบุตรได้ เขาจึงแนะนำให้เธอรีบตั้งครรภ์ ก่อนที่จะไม่มีวันได้เป็นคุณแม่ แต่ทว่าเธอไม่เคยมีแฟน เมื่อหญิงสาวอยากมีลูกแต่ไม่อยากมีสามี เรื่องวุ่นๆ ระหว่างเขาและเธอ กำลังจะเกิดขึ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”