เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
อวิ๋นชูจิ่วตื่นขึ้นอย่างมึน ๆ เธอรู้สึกหนักหัว และไร้เรี่ยวแรงไปหมด แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจคือเธอกำลังอยู่ในชุดเจ้าสาว!
บอดี้การ์ดหลายคนคอยกรูกันเข้ามา คุมตัวเธอขึ้นไปในรถลีมูซีนคันหนึ่ง
“พวกนายจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ!” เธอแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเธอ
เธอแค่ต้องการทวงทรัพย์สมบัติของมารดาคืน เธอเลยกลับไปที่บ้านตระกูลอวิ๋น แล้วพ่อของเธอก็ชวนให้เธออยู่ทานข่าวด้วย แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น
บอดี้การ์ดคนหนึ่งกดหัวเธอให้เข้าไปนั่งในรถ อย่างไม่ปราณี
“รีบขึ้นรถ นี่เป็นคำสั่งของนายท่าน!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น
นี่มันอะไร? คำสั่งของพ่อ งั้นเหรอ?
สิ่งที่ได้ยินทำให้ชูจิ่วรู้สึกตกใจ เธอพยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
สองชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอได้รับสายจากอวิ๋นเจิ้นถิงพ่อบังเกิดเกล้าของเธอ พ่อบอกกับเธอว่าเขาพบของมีค่าบางอย่างของเจียงจื่อหลานแม่ของเธอ ถูกเก็บไว้อยู่ที่ห้องใต้หลังคา แล้วถามเธอว่าเธออยากกลับมาเอาไหม?
เธอย้ายออกมาจากบ้านตระกูลอวิ๋น ตั้งแต่ตอนอายุสิบเจ็ด และไม่คิดจะกลับไปเหยีบที่นั่นอีก วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องของแม่ เธอคงจะไม่กลับมาที่นี่แน่นอน
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เจิ้นถิงก็เรียกให้เธออยู่ทานข้าวด้วย เธอรู้สึกตะงิดตะงิดใจ จึงดื่มน้ำผลไม้เข้าไปแค่แก้วเดียว แต่ทันทีที่เธอดื่มน้ำผลไม้เข้าไปไม่นานเธอก็สลบไป และเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่เห็นนี่
แม้ว่าชูจิ่วจะยังคงไร้เรี่ยวแรงอยู่ แต่เธอได้ฝึกวิชาการป้องกันตัวมาเป็นเวลาหลายปี เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องถูกจับไปง่าย ๆ แบบนี้แน่!
“ไม่ฉันไม่ไป!” เธอเอาไหล่กันประตูรถไว้ แล้วพยายามต่อต้าน “นี่มันเรื่องอะไรกัน? เรียกพ่อมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
สิ้นคำของเธอ น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความรู้สึกผิดของเจิ้นถิงก็ดังขึ้น
“ชูจิ่ว ยอมขึ้นรถไปดี ๆ เถอะนะ พ่อไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าพ่อมีทางเลือก พ่อคงไม่ทำอย่างนี้...... ฟังพ่อนะ ขึ้นรถเถอะ งานแต่งเถอะนะ”
เธอเงยหน้าขึ้นไปที่ต้นต่อของเสียง แล้วมองไปที่เจิ้นถิง กับหลินเสวยพิงแม่เลี้ยงของเธอ และอวิ๋นชูเสี่ยวน้องสาวคนละแม่ของเธอ เธอหันไปจ้องตาพวกเขา
หัวหน้าครอบครับผู้เคยเย่อหยิ่ง และถือตัว กำลังรู้สึกละอายใจจนไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเธอ
“จะพูดอะไรกับเธอนักหนา? อุตสาห์เลี้ยงเธอมาโตขนาดนี้ ตอนนี้บริษัท อวิ๋นซือ กรุ๊ป กำลังลำบาก เธอก็ควรจะตอบแทนก็ถูกแล้วนี่” เสวยพิงก้าวไปข้างหน้า และมองไปที่ชูจิ่วอย่างรเยียด ๆ “ชูจิ่ว เธออย่าหาว่า แม่เลี้ยงอย่างฉันใจร้ายกับเธอเลยนะ ฉันรับรองเลยว่า เมื่อเธอแต่งงานเข้าบ้านตระกูลฮั่วแล้ว เธอจะสุขสบายมีกินมีใช้ไปตลอดชาติ และฉันมั่นใจว่า วิญญาณของแม่เธอ จะต้องยินดีกับการแต่งงานของเธอในครั้งนี้แน่”
เมื่อเสวยพิงจงใจพูดถึงแม่เธอ ชูจิ่วก็หันไปจ้องเสวยพิงตาเขม็ง
“การแต่งงานของฉัน เมียน้อยอย่างเธอไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจ!”
“นี่เธอ!” เสวยพิงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ชั่วพริบตาเธอก็ปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ พร้อมยิ้มออกมา “จริงสิ เมียน้อยอย่างฉัน จะไปยุ่งเรื่องของคุณหนูผู้สูงส่งอย่างคุณได้ยังไง? แต่ตอนนี้บริษัท อวิ๋นซือ กรุ๊ป ของเรากำลังเผชิญกับภาวะวิกฤติ และตระกูลฮั่ว ก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือเรา ถ้าตระกูลอวิ๋นยอมที่จะแต่งงานเป็นครอบครัวเดียวกันกับตระกูลฮั่ว”
เสวยพิงค้อมตัวลง พร้อมกับจับหัวของชูจิ่วให้เข้ามาใกล้ ๆ “ในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวคนโต และบริษัท อวิ๋นซือ กรุ๊ป กำลังมีปัญหา จึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือก็ถูกต้องแล้ว!”
“อ่อ จะให้เรียกว่า เป็นการเสียสละก็ไม่ถูกต้องสักเท่าไรนะ เพราะว่า ตระกูลฮั่วเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุดในเมืองไห่ มีผู้คนมากมายอยากแต่งงานเข้าตระกูลนี้ แต่ก็ไม่ได้รับเลือก”
เมื่อได้ฟังคำกล่าวที่น่าขันของแม่เลี้ยงเธอ ชูจิ่วก็หัวเราะออกมาอย่างสมเพช “ถ้าตระกูลตระกูลฮั่วดีอย่างที่ว่าจริง แล้วทำไมเธอไม่ให้ลูกสาวของเธอแต่งเองซะเลยล่ะ?”
“นี่พี่ พี่เข้าใจคุณแม่ผิดแล้ว”
น้องสาวต่างมารดาของเธออวิ๋นชูเสี่ยวกล่าวออกมาอย่างมีจริต “ตอนแรกคุณแม่ก็จะให้ฉันแต่งเอง แต่คุณพ่อได้ยินว่าฉันต้องแต่งงานกับคุณฮั่วจิ่งเฉิน ซึ่งทุกคนต่างก็รู้ดีว่าก่อนหน้านี้เขาประสบอุบัติเหตุรุนแรง อีกไม่นานน่าจะตาย ฉันจะไปแต่งงานกับคนที่นอนเป็นผักรอความตายอยู่แบบนั้นได้ยังไงกัน? คุณพ่อทนดูไม่ไหวที่จะเห็นฉันไปแต่งงานกับคนอย่างนั้น คุณพ่อก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมา”
ชูแสร้งบีบน้ำตาทำตัวหน้าสงสาร “พี่ อย่าโทษคุณพ่อเลยนะคะ ถ้าพี่อยากจะโทษ ก็โทษฉันเถอะ”
หัวใจของชูจิ่วด้านชาไปหมด เธอทั้งโกรธ และผิดหวัง เธอหันไปมองหน้าพ่อของเธอด้วยสายตาที่ตัดพ้อ
‘ฉันก็เป็นลูกสาวเขาเหมือนกัน แต่เขากับใช้วิธีสกปรกมาทำแบบนี้กับฉัน ?! นี่คือพ่อที่แสนดีของฉันงั้นเหรอ!’
เจิ้นถิงยังคงไม่กล้าหันมาสบตากับชูจิ่ว ทำให้เสวยพิงใช้โอกาสนี้กดหัวชูจิ่วแล้วผลักให้เธอขึ้นรถไป ถึงแม้ชูจิ่ว ต้องการจะขัดขืน แต่เธอก็ไม่สามารถเอาชนะแรงของเหล่าบอดี้การ์าดได้
เมื่อรถกำลังจะออก ชูเสี่ยวเดินเข้ามา มุมขอบตาของเธอยังคงมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ แต่ใบหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความกระยิ่มยิ้มย่องราวกับผู้ชนะ
“เอ่อนี่ ฉันลืมบอกอะไรกับพี่ไปน่ะ”
ชูเสี่ยวลดเสียงให้เบาลง มีเพียงเธอสองคนเท่านั้นที่ได้ยินมัน
“พ่อแค่ใส่ยานอนหลับลงในแก้วน้ำผลไม้ แต่ฉันใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงไปให้พี่ด้วยนะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของน้องสาวต่างมารดาของเธอนั้นปรากฏชัดขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “วันนี้เป็นวันมงคลของพี่ ในฐานะน้องสาวฉันก็เลยอยากจะมอบของขวัญให้พี่เพื่อแสดงความยินดีน่ะค่ะ”
ชูจิ่วโกรธจัดจนแทบจะอยากเข้าไปกระชากหัวชูเสี่ยวลงมา แต่ก็ทำไม่ได้
“รอรับความสนุกเถอะค่ะ ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกนะคะ”
ชูเสี่ยวยิ้มออกมา แล้วส่งสัญญานให้คนขับรถออกรถขับออกไป
รถถูกขับออกไปอย่างรวดเร็ว ชูจิ่วที่นั่งอยู่ในรถ ถูกขนาบข้างไปด้วยเหล่าบอดี้การ์ดร่างยักษ์ ดวงตาของเธอเบิกโพลงด้วยไฟแห่งความอาฆาตแค้น!
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"