ฉันเผลอไปเหยียบเท้ารุ่นพี่ปีสี่ที่ขึ้นชื่อว่า ‘ขาโหดของคณะวิศวะ’ เข้าโดยบังเอิญ ก่อนที่พี่เขาจะหันมายิ้มพร้อมกับประโยคนิ่งๆแต่สิงไปด้วยไอสังหารว่า “เหยียบตีนพี่..อยากลองดีเหรอครับน้อง? :) ”
ฉันเผลอไปเหยียบเท้ารุ่นพี่ปีสี่ที่ขึ้นชื่อว่า ‘ขาโหดของคณะวิศวะ’ เข้าโดยบังเอิญ ก่อนที่พี่เขาจะหันมายิ้มพร้อมกับประโยคนิ่งๆแต่สิงไปด้วยไอสังหารว่า “เหยียบตีนพี่..อยากลองดีเหรอครับน้อง? :) ”
[หอเป็นยังไงบ้างลูก?]
เสียงของหญิงวัยกลางคนถามผ่านสายโทรศัพท์ซึ่งคนถือกำลังใช้มันแนบกับหูพร้อมกับใช้ไหล่หนีบเอาไว้กันมันร่วงลงพื้นอยู่ ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วมหาวิทยาลัยที่ตัวเองสอบเข้าได้ ก่อนจะเอ่ยตอบปลายสาย
“ก็โอเคค่ะแม่ หอสะอาดมากกกกก”
มือข้างหนึ่งของเธอถือกองหนังสือกองโตที่เพิ่งไปซื้อมาจากบรรณสาร ส่วนมืออีกข้างก็กำลังถือกระเป๋าสะพายพะรุงพะรังของตัวเอง
[อยู่ได้ใช่ไหมฟิล์ม?] คนในสายถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
เป็นธรรมดาที่คนเป็นแม่จะห่วงลูก ยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียวที่ต้องออกไปเผชิญโลกอันโหดร้ายด้วยตัวเอง คนเป็นแม่ก็ยิ่งห่วงมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
“อยู่ได้ค่ะแม่ เดี๋ยวฟิล์มไปเรียนก่อนนะคะแม่ มันจะสายแล้ว” เธอรีบบอกอย่างว่องไวเมื่อสายตาเหลือบไปมองนาฬิกาที่ข้อมือ
08 : 19 น.
หัวใจของสาววัยแรกแย้มกระหน่ำเต้นด้วยความรัวเร็ว เธอมีเรียนตอนแปดโมงยี่สิบ แต่นี่แปดโมงสิบเก้า แค่วิ่งไปได้ไม่ถึงสิบก้าวก็หมดเวลาแล้ว แถมตอนนี้ตึกเรียนอยู่ที่ไหนเธอยังไม่รู้แน่ชัดเลยด้วย
[โอเค ดูแลตัวเองด้วยนะลูก] เสียงปลายสายบอกทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดไป
สาวน้อยรีบยัดโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงกระเป๋าสะพายด้วยความเร็วแสง ก่อนที่เท้าจะติดสปริงแล้ววิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต เธอตายเพราะหายใจไม่ทันน่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าวันแรกไปเรียนสายมีปัญหาแน่นอน
เพราะกฎของมหาวิทยาลัยที่นี่คือคะแนนความประพฤติหนึ่งร้อยคะแนนเต็ม ถ้ามีคะแนนสะสมน้อยกว่ายี่สิบคะแนนเตรียมโดนไล่ออกได้เลย!
เข้าเรียนสายก็โดนหักไปห้าสิบคะแนน!
“แฮ่กๆ!” เสียงหอบหายใจหนักหน่วงดังออกมาเป็นระยะๆ พร้อมกับเสียงสับฝีเท้าที่ดังตุบตับอยู่ตลอดเวลาก่อนที่จะหยุดวิ่งลงเมื่อถึงหน้าโรงอาหาร
ดวงตากลมโตกวาดมองไปยังตึกที่อยู่รอบๆ ตัว เธอเดินไปด้านหน้าสามก้าวพร้อมกับถอยหลังอีกสี่ก้าวก่อนจะหยิบช็อตโน้ตที่รุ่นพี่เขียนไว้ให้ขึ้นมาดู
‘เลี้ยวขวาหน้าโรงอาหาร มีต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าตึกตรงข้ามกับโรงอาหาร เดินไปประมาณสามสิบก้าวจะเจอโต๊ะม้าหินอ่อน หมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา เดินหน้าอีกร้อยก้าว ตรงหน้าจะเป็นตึก CL’
คิ้วเรียวขมวดมุ่นพลางมองไปยังโรงอาหารที่ตัวเองเดินมาถึง และถ้าจำไม่ผิด วันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยบอกว่าโรงอาหารมีถึงสามโรง!
เธอเลี้ยวขวาตามที่รุ่นพี่เขียนโน้ตไว้ให้เผื่อจะโชคดีไปถูกทางก็เป็นได้ พอเลี้ยวมาได้ก็กวาดตามองต้นไม้ใหญ่ที่หน้าตึกก่อนจะมองลาดยาวไปอีกสามสี่ตึกถัดไป ต้นไม้ใหญ่ที่ว่ามีทุกตึกเลยนะ!
ร่างเล็กเริ่มถอนหายใจ เธอเริ่มมองรอบๆ ตัวอีกครั้ง โต๊ะม้าหินอ่อนที่ว่ามันมีกระจายอยู่แทบจะทุกตารางกิโลเมตรในมหาวิทยาลัย!
นี่รุ่นพี่เขียนอะไรให้เธอเนี่ย!!!
เธอเดินถอยหลังอย่างเหนื่อยหน่าย
กึก!
ก่อนที่รองเท้าจะเหยียบลงบนอะไรแข็งแต่ทว่ามันกลับยืดหยุ่นจนรู้สึกได้ เธอหันกลับไปอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่ปรากฏตรงหน้าคือแผงอกล่ำกำยำในแบบชายฉกรรจ์ ส่วนอย่างที่สองเธอเลือกที่จะก้มลงมองพื้น เท้าของคนตรงหน้าถูกเธอเหยียบเอาไว้ ร่างเล็กรีบผละออกมาด้วยความรวดเร็ว
เท้าของคนตรงหน้าแดงเถือกเนื่องจากถูกเธอเหยียบเข้าอย่างจัง แถมเขายังใส่รองเท้าแตะแบบหนีบ!
โอ้พระเจ้า!
“ขะ..ขอโทษค่ะ ขอโทษ” เธอรีบพนมมือไหว้คนตรงหน้าทันทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง
รอยยิ้มพิฆาตถูกสาดใส่จนเธอแทบจะยืนทรงตัวไม่ไหวเนื่องจากถูกเสน่ห์ของคนตรงหน้าเล่นงาน
“เหยียบตีนพี่..อยากลองดีเหรอครับน้อง? :)”
คนตัวสูงยื่นนิ้วก้อยออกมาตรงหน้าฉัน "ดีกัน" ไม่รู้ว่าทำไมการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูใส่ใจกับคนรอบข้างแบบนี้ของ 'พี่ปลื้ม' ถึงทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก...
“จะให้ฉันรับผิดชอบยังไงบอกมา” ผมเอ่ยถามร่างเล็กที่เอาแต่นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง ในขณะที่สายตาตัวเองเหลือบไปมองชุดนักเรียนม.ปลายที่กระจายอยู่ที่พื้น เออ! ม.ปลาย! เห็นคุกอยู่รำไรแล้วไอ้คินทร์!
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
ในชาติก่อน ซูเยว่ซีถูกอวิ๋นถังยวี่ทำร้ายจนตาย ทำผิดต่อครอบครัวของท่านตา และตัวเองยังถูกทรมานจนตาย เกิดใหม่ครั้งนี้ นางตั้งใจจะจัดการกับพวกผู้ชายชั่วและหญิงเลวจัดการพ่อชั่ว เพื่อปกป้องแม่และครอบครัวของท่านตาให้ปลอดภัย พวกผู้ชายชั่วเข้ามาใกล้งั้นเหรอ นางจะใช้แผนให้เขาเสียชื่อเสียง หญิงตีสองหน้าเก่งชอบทำตัวอ่อนแองั้นเหรอ นางจะเปิดโปงธาตุแท้อีกฝ่ายและไล่นางออกจากจวนซู! ในชาตินี้ สิ่งที่นางต้องทำคือการจัดการพวกปลวกที่แอบแฝงอยู่ในราชสำนัก แก้แค้นคนทรยศ เพื่อปกป้องท่านตาที่เป็นคนซื่อสัตย์ นางใช้มือเรียวเป็นเครื่องมือ ก่อให้เมืองจิงเกิดความวุ่นวาย แต่ท่ามกลางความโกลาหล นางได้พบกับองค์ชาย ผู้ที่ทุกคนเล่าลือว่าเป็นคนพิการ “อวิ๋นเฮิง เจ้าจะมาขวางข้าหรือ” อวิ๋นเฮิงยิ้มเบาๆ “ไม่ ข้าตั้งใจจะมาช่วยเจ้า”
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY